ในรางวัล Golden Globes หนังเรื่อง The Martian ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลในฐานะภาพยนตร์ Comedy...
จากตัวอย่างหนัง คนส่วนมากรวมถึงเราด้วย เข้าใจว่ามันต้องเป็นหนังเอาชีวิตรอด ดราม่าหนัก เครียดๆ แน่เลย! แต่จากการที่เราได้ฟังรีวิวและสปอยล์(ที่เต็มใจฟัง) และผลตอบรับของผู้คนที่ได้ไปดูมาแล้ว...ไม่ได้เป็นอย่างที่คิดแฮะ
กลายเป็นว่าเป็นหนังสบายๆ ไม่ได้ดูแล้วเครียด ไม่ซ้ำทางกับ Interstellar ด้วย
เราก็อยากดูสิคะ แต่คือ...หนังพึ่งออกจากโรง...ดูออนไลน์ก็ไม่มี พอได้ไปยืนอยู่ใน B2S เห็นหนังสือก็ซื้อเลยคิดว่าอ่านแทนดูก็ได้แหละ(วะ) เลยหยิบไปจ่ายตังค์ (ตังค์ของบุพการีทั้งสอง...) ก็เลยได้ลองอ่านดู อ่านจบแล้วอยากลองอ่านภาษาอังกฤษเลย
เรื่องคร่าวๆ ของ The Martian ก็คือ นายมาร์ก วัตนีย์ผู้เป็นนักบินอวกาศติดอยู่บนดาวอังคารคนเดียว / จบ.
...
เดี๋ยวววววอย่าพึ่งปิดสิ
ต่อนะ คือเขาก็ต้องหาทางเอาชีิวิตรอดไประหว่างที่อยู่บนดาวอังคาร โดยที่ต้องพยายามยืดชีวิตตัวเองออกไปให้ได้นานที่สุด (เผื่อคนมาช่วย/ถ้าเป็นไปได้จะได้อยู่ถึงภารกิจต่อไปที่จะมาดาวอังคาร) และพยายามติดต่อกับโลก
หนึ่งในจุดเด่นของ The Martian คือเวลาที่มีปัญหาเข้ามามันจะถูกคิดและแก้ไขด้วยกระบวนการวิทยาศาสตร์ ซึ่งเป็นวิทยาศาสตร์ที่เข้าใจง่ายมาก แวบแรกอ่านอาจจะงงๆ แต่พอเห็นกระบวนการทำของตัวละครและผลที่ออกมาเราก็จะเข้าใจได้เอง มันเลยเป็นทั้งหนังและหนังสือที่ไม่เข้าใจยากเลย และยังตลกด้วย คือตัวละครมันอารมณ์ดี เป็นคนคิดบวก มีคนรีวิวคนนึงบอกว่า ตัวเอกเป็นแบบที่พอเจอปัญหาก็ด่าพ่อล่อแม่สักสองสามประโยคแล้วลงมือก็แก้ปัญหา ซึ่งจริง (เห็นว่าเวอร์ชันภาษาอังกฤษนี่ F*ck รัวๆ เลย แต่เพราะงั้นมันเลยตลกไง)
แล้วก็มีอีกเรื่องที่เราเห็นด้วยกับผู้รีวิว คือเขาบอกว่า ที่จริง นิสัยของนักบินอวกาศก็คงจะควรเป็นอย่างนี้นะ คืออารมณ์ดี ไม่เครียดจะเป็นบ้าเวลาเจอปัญหา คิดบวกไว้ก่อน แล้วต้องคารมดีด้วย เพื่อให้การอยู่ร่วมกันในอวกาศซึ่งก็มีกันอยู่แค่นั้นดำเนินไปได้ด้วยดี
ที่จริงถึงบนโลกเราจะมีใครตั้งหลายคน โลกก็ดูใหญ่ขนาดนี้ มันก็ไม่ได้แปลว่าเราจะทำตัวยังไงก็ได้ แล้วพอเราอยู่ในสังคมไหนไม่ได้แล้วก็ย้ายสังคมได้ มันไม่เคยเป็นอย่างนั้นเลย สิ่งที่เราควรจะทำที่สุดคงจะเป็นการทำตัวเราให้ดีที่สุด ปรับปรุงพัฒนาตนเองไปเรื่อยๆ ไม่ใช่ว่าเราโอเคกับเราในแบบนี้แล้วเราก็ไม่แก้ไขอะไรแล้วหรอกนะ โลกมันกลม กลมมาก และเล็กนิดเดียวเอง
หวา กลายเป็นอะไรไปแล้วเนี่ย กลับมาที่หนังสือดีกว่า
เล่มนี้ใช้วิธีเล่าให้เป็นบันทึกของนายวัตนีย์ ตัดสลับกับบนโลกและบนยานเดินทางกลับของเพื่อนๆ ในภารกิจเดียวกันเป็นบางช่วง
โดยรวมก็สนุกเลยมีฉากตื่นเต้นมาเป็นระยะๆ แต่คิดว่าฉากลุ้นๆ นี่ในหนังน่าจะได้อารมณ์กว่า แล้วก็อ่านลื่นมาก เพราะว่าอ่านระหว่างเล่นเสก็ต(โดนเตะ) เพราะว่าภาษาที่เป็นกันเองของการบันทึกด้วย และก็เพราะว่าไม่มีวิทยาศาสตร์ช่วงไหนเลยที่ติดขัด
เราฟังรีวิวอันนึง คนรีวิวเป็นคนที่เรียนมาทางวิทยาศาสตร์โดยตรง ก็บอกว่าวิทยาศาสตร์ถูกต้องมาก และวิทยาการต่างๆ ก็อยู่บนพื้นฐานความเป็นจริงมากๆ เลยด้วย
...ซื้อมานานแล้ว อ่านนานแล้ว แต่จนป่านนี้ก็ยังไม่ได้ดูหนังเลย / จบ.
7.5/10
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in