World is not be as we want.
โลกไม่ได้เป็นตามที่เราคิด
วันนี้เราได้ไปฟัง และได้ไปสัมผัสเรื่องราวบางอย่างมา
ที่ทำให้เรารู้สึกว่า โลกนี้มันไม่ได้มีอะไรที่เป็นไปตามที่เราต้องการ
เรารู้จักผู้ใหญ่คนนึง ภายนอกเขาดูใจดีมาก
เป็นคนธรรมมะธรรมโม ยิ้มให้เด็กๆ เอ็นดูเด็กๆ
มองดูเป็นคนดี ที่น่าจะมีชีวิตบั้นปลายที่สงบสุข
แต่แล้ววันหนึ่งโชคชะตาก็เล่นตลก
ผู้ใหญ่คนนั้น โดนคดี ศาลตัดสินให้จำคุกสิบปี
ชีวิตบั้นปลายสิบปีของผู้ใหญ่คนนี้ ต้องจบลงในรั้วที่มือมิดที่เราไม่มีทางรู้ว่าจะเจออะไรในนั้น
น่าตลกเนอะ
เราไม่กล้าพูดได้เต็มปากว่าโลกนี้โหดร้าย
เพราะบางที โลกก็ไม่ได้ทำร้ายเราขนาดนั้น
ถ้าโลกเรามันโหดร้ายขนาดนั้น มนุษย์จะสามารถดำรงอยู่ได้มาเป็นหมื่นๆปีได้ยังไง
แต่โลกเราก็ไม่ได้สวยงามขนาดนั้นเหมือนกัน
ทีนี้คำถามคือ แล้วเราควรจะมองโลกแบบไหนล่ะ
คำตอบของทุกอย่างบนโลกนี้คือ มองแบบสิ่งที่มันจะเป็น
การที่เราจะใช้ชีวิตให้มีความสุขได้
ไม่ใช่การที่เราต้องมองโลกในแง่ดี
การมองโลกในแง่ดีมันเป็นเรื่องดี ใช่เราไม่เถียง มันทำให้เรามีพลังที่ดี คิดแต่สิ่งดีๆ
แต่มันเป็นดาบสองคมนะ ในจุดๆนึงถ้าเรามองว่ามันดี จนเราลืมไปว่าเราควรแก้ปัญหามันยังไง
จุดๆนึงถ้าสิ่งนั้นเปลี่ยนแปลงไป ไม่ได้ดีตามอย่างที่เราคิด คนที่ทุกข์สุดท้ายมันก็คือเราอยู่ดี
การมองโลกในแง่ร้ายก็ไม่ใช่เรื่องที่แย่
มันเป็นเสมือนเกาะป้องกันตัวเอง เวลาเราเจอเรื่องร้ายๆเราจะได้รับมือกับมันได้
การใช้ชีวิตให้มีความสุขไม่ใช่การมองโลกไปในแง่ใดแง่หนึ่ง
แต่ให้มองแบบที่มันเป็น โอเค เรื่องนี้มันร้าย เรายอมรับมัน และหาทางไปต่อ
โอเคเรื่องนี้มันดี ก็รับรู้ว่ามันดี อย่างน้อยเป็นพลังให้เรามีชีวิตอยู่ต่อไป
แต่เราก็ไม่สามารถควบคุมโลกได้ตามที่เราต้องการไง
ดังนั้น เราต้องเตรียมพร้อม ยอมรับสิ่งที่มันจะเกิด
ยอมรับ เราว่าคำนี้คือคำสำคัญนะ เป็นสิ่งสำคัญที่ควรทำ
ไม่ใช่หมายความว่าให้ยอมรับทุกเรื่องจนดูเหมือนคนแพ้
แต่หมายความว่า ให้ยอมรับในสิ่งที่มันเกิดไปแล้ว
ถ้ามันแก้ได้ก็หาทางแก้ ถ้าแก้ไม่ได้ก็ยอมรับมันแล้วหาหนทางใหม่ ง่ายๆแค่นี้เอง
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in