อย่าลังเลอีกเลย
ได้โปรด เอาหัวใจของข้าไป
.
.
ไม่รู้ ไม่เห็น ไม่ได้ยิน
รู้สึกแต่ว่าคงต้องตาย
คิดแต่ว่าจะตายไม่ได้
ความมืดมนน่าอึดอัด ทั้งฟองอากาศรัดแน่นเต็มปอดสลายหายไป ตัวลอยขึ้นสู่ผิวน้ำ...พ้นผิวน้ำ
แม้ไม่รู้ว่าอะไร...ที่พาขึ้นจากน้ำ
สายธารท่วมปอดสำรอกลักออกทางปาก
ชายหนุ่มลืมตาขึ้นในฉับพลัน
สอดประสานกับนัยน์ตาอีกคู่หนึ่ง
"..."
ใบหน้างดงามเงียบขรึมไม่พูดอะไร
เขาเองก็กำลังงุนงงจนไม่มีคำพูดใด
มือนั้นปล่อยเขาไปเงียบๆ
ร่างเขาลอยสู่หาดทราย
ร่างนั้นลอยหายสู่ห้วงทะเล
เจ้าเป็นใครกัน?
.
.
ไม่อยากรู้ ไม่อยากเห็น ไม่อยากได้ยิน
รู้ดีว่าสิ่งนี้ไม่แฟร์ต่อคนตาย
แต่ตอนนี้เขาคิดเพียงว่าจะตายไม่ได้
มือที่บอบช้ำเร่งฝังกลบร่างเปลือยเปล่าลงสู่ความมืดมิดในกองทรายริมชายหาด ก่อนที่ใครจะมาเห็นเข้า ก่อนที่ใครจะจับได้...
เสียงฝีเท้าย่ำทรายตรงเข้ามาใกล้
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นในฉับพลัน
สอดประสานกับนัยน์ตาอีกคู่หนึ่ง
"..."
ใบหน้างดงามเงียบขรึมไม่พูดอะไร
อีกฝ่ายก็กำลังงุนงงจนไม่มีคำพูดใด
มือที่ถลอกปอกเปิกช่วยโกยทรายกลบ
สายตาน่าสงสารนั่นเอ่ยขอน้ำดื่มประทังชีพ
แล้วต่างคน...ก็ต่างแยกย้ายกันไป
ในที่สุด...
.
.
อย่าลังเลอีกเลย
ได้โปรด เอาหัวใจของข้าไป
ยิ่งเสียดแทงลึกเท่าไรยิ่งดี
ในค่ำคืนที่แม้แต่พระจันทร์ยังหลับใหล
ผลาญทลายทุกแผลเป็นที่แลกไปกับรักนั้น
.
.
กะเผลกเท้าราวกับมีใบมีดนับร้อยปัก
แต่เท้าเปลือยเปล่านั้นสวยงามเหลือเกิน
ใครเล่าจะรู้ว่ามันต้องแลกมาด้วยอะไร
"..."
ผู้คนในงานเลี้ยงต่างมองเขาด้วยสายตาประหลาด ร่างเล็กๆ นั้นรู้ดีแต่ไม่สนใจ ยังคงใช้นัยน์ตากลมโตสอดส่องมองหาคนคนนั้นให้พบ ชุดสีขาวพิศุทธิ์ดุจไข่มุกเลอค่าที่เขาสวมใส่แม้งดงามแต่ก็แปลกตาแตกต่างจากคนทั่วไป ทั้งยังเปียกชุ่ม...
ราชองครักษ์ปรี่เข้ามาทันทีที่เห็น
"มิทราบว่าท่านเป็นแขกของผู้ใด..."
ค่อยๆ ช้อนนัยน์ตาพราวระยับขึ้นมอง
ความสูงระดับนั้นข่มขวัญคนตัวน้อยได้มาก
"อเล็กซ์..."
ใครอีกคนเอ่ยเรียกองครักษ์
พร้อมมือที่ประทับลงบนบ่า
...เจ้าชาย...
"กระหม่อม" อเล็กซ์ก้มศีรษะ
ถอยหลังไปครึ่งก้าว
คงคุ้มแล้วละนะ
สายตาของพระองค์บ่งชัดว่าจำได้
จำเงือกน้อยผู้ต้อยต่ำที่ช่วยพระองค์ได้
"เขาเป็นแขกของเรา" เจ้าชายตรัส
คุ้มแล้วที่เอาเสียงไปแลกขาต้องสาปนี้มา
และยิ้ม "ช่วยหาเสื้อผ้าให้เขาเปลี่ยนด้วย อยู่แบบนั้นเดี๋ยวจะไม่สบาย..."
ต่อให้ทุกย่างก้าวต้องเจ็บดุจย่ำเศษแก้ว
"กระหม่อม" อเล็กซ์ก้มคำนับรับพระบัญชา
เจ้าชายเบี่ยงตัว โน้มใบหน้าเข้ามาใกล้
กระซิบแผ่วเบาให้ได้ยินเพียงสอง
"เจ้าช่วยชีวิตข้าไว้วันที่เรือแตก แต่ข้ายังไม่รู้จักแม้แต่นามของเจ้าเลย"
"..."
ต่อให้ทุกถ้อยคำที่อยากพูดจะไม่อาจเปล่งออกไป
เจ้าชายมิได้ทรงมีท่าทีไม่พอพระทัย
เพียงยิ้มให้อย่างอ่อนโยนเท่านั้น
"ไม่บอกก็เป็นไร"
ก็คุ้มกันแล้ว
แม้กับรอยยิ้มเดียวที่ได้รับ
เพื่อคนคนนี้
ให้แลกด้วยอะไรก็ยอม
.
.
เท้ากระส่ายกระสับด้วยความลังเลสุดหัวใจ
ถ้าไม่หนีไปตอนนี้
อาจไม่ได้หนีอีกเลย
มีคนหลายร้อยติดอยู่ในนั้น คนที่เพิ่งพักหายใจหลังผ่านความเป็นความตายมาได้ไม่นาน ก็ต้องถูกจมเรืออีกครั้ง จะตัดใจเอาตัวรอดไปคนเดียวได้จริงๆ น่ะหรือ... โดยเฉพาะเมื่อใครคนนั้นก็อยู่ในนั้น
ถ้าหากหนีไปคนเดียวตอนนี้
ทุกก้าวในชีวิตที่เหลือต้องเจ็บปวดเพียงไหนกัน
เขาปล่อยมือจากราว
กลับขึ้นไปหมุนประตูเรือให้เปิดในที่สุด
ทอมมี่ลอยออกมาเป็นคนแรก
คงคุ้มแล้วละนะ
เพื่อคนคนนี้
ให้แลกด้วยอะไรก็ยอม
.
.
รอยยิ้มของคุณ ราวกับดวงตะวันสว่างไสว
ไม่อาจสรรหาถ้อยอธิบายเป็นภาษาใด
.
.
'หากทำให้เจ้าชายรักและยอมแต่งงานกับเจ้าไม่ได้ เจ้าต้องสลายไปเป็นฟองอากาศ'
นั่นคือเงื่อนไข
ทำให้พระองค์ไม่อภิเษกกับเจ้าหญิงพระคู่หมั้นอาจพอเป็นไปได้
"ถ้าท่านแต่งงานไปแล้ว ชีวิตข้าจะเป็นยังไงนะ..."
แต่จะให้พระองค์รักต้องทำยังไง
"ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยน เจ้ายังมาหาข้าได้ ยังอยู่ใกล้ข้าที่สุดอยู่ดี"
เจ้าชายยันตัวขึ้นพิงหัวเตียง
ยีหัวองครักษ์เล่นอย่างสนุกมือ
ในเมื่อเจ้าของดวงพระทัย คืออีกคน
"ใกล้กว่านายคนนั้นเหรอ"
"ข้าเป็นหนี้ชีวิตเขา อเล็กซ์"
เจ้าชายตรัส
ประทับจุมพิตลงบนริมฝีปากราชองครักษ์
"แต่เขารักท่านนะ คิดจะทำเช่นนี้ไปถึงเมื่อไร..."
เจ้าชายยิ้ม
เป็นยิ้มที่สว่างไสวดุจดวงตะวัน
และฉีกกระชากหัวใจคนแอบมองไม่ต่างกันกับคนที่ได้รับมันโดยตรง
"มีคนรักไว้ใกล้ๆ เยอะๆ ไม่ดีตรงไหนกัน..."
.
.
"ลุกขึ้นไปดูซิ น้ำขึ้นบ้างรึยัง"
กิบสันส่ายหน้าหงึก
ทอมมี่ยอมเป็นฝ่ายลุกไปแทน
ก่อนที่อเล็กซ์จะโมโห
"ไม่ต่างจากเดิมเลย"
และสุดท้ายเขาก็โมโหเพราะเรื่องน้ำไม่ขึ้นอยู่ดี กิบสันไม่เห็นประโยชน์ว่าทำไมทอมมี่ต้องคอยยอมตามอเล็กซ์ทุกเรื่อง แต่เขาเองก็พูดอะไรไม่ได้มากเช่นกัน พูดอะไรไม่ได้เลย
ถ้าทอมมี่ไม่ช่วยแต่แรก อเล็กซ์อาจไม่ได้มาอยู่ตรงนี้ด้วยซ้ำ
ถ้าเขาไม่เปิดประตูเรือ อเล็กซ์อาจไม่ได้มาอยู่ตรงนี้ด้วยซ้ำ
แต่ไม่ว่าคนคนนั้นจะใจร้ายกับเรายังไง
เราต่างก็มีคนที่แพ้ทางเสมอ หรือมิใช่
.
.
อย่าร้องไห้เลย ที่รัก
หลังจากความมืดมิดผ่านพ้นไป
ทุกอย่างจะเป็นเฉกเช่นไม่มีอะไรเกิดขึ้น
.
.
"แต่ถ้าเจ้าไม่อยากสลายเป็นฟองอากาศ เจ้าก็ต้องทำ!'
นี่คือเงื่อนไข
"ที่รัก..."
ทำไมถึงยัง...ใช้คำนี้กับทุกคนอยู่ได้นะ
ขณะที่เขาคร่อมอยู่เหนือร่าง
พร้อมกับกริชอันแหลมคมในมือ
เจ้าชายก็ยัง... ตรัสด้วยน้ำเสียงน่าฟัง
"ฆ่าข้าเลยเถอะ..."
ยิ่งได้ยิน
ยิ่งปวดร้าว
ยิ่งมือของพระองค์กอบกุมมือเขา
และช่วยกระชับด้ามมีดลงไปจรดที่หัวใจ
...ยิ่งลังเล
"ฆ่าข้า..."
ถ้าไม่รัก
จะทำเช่นนี้ไปเพื่ออะไร
แสงจันทราสาดไล้เจิดจรัสจนเห็นเป็นละออง เจ้าชายพิศมองใบหน้าแสนงดงามของเงือกน้อยแล้วยิ่งกุมมือนั้นแน่นเข้า น้ำใสฉาบนัยน์ตาหวานให้พราวระยับดุจดวงดารานับล้านหว่านโรยอยู่ในนั้น หากฝนดาวตกร่วงโรยหล่นมาเมื่อไร ดวงหทัยของพระองค์คงต้องแตกสลายเฉกเช่นกัน
อย่าลังเลอีกเลย
ได้โปรดเอาหัวใจของข้าไป
เจ้าไม่ควรต้องสลายไปเป็นฟองอากาศ
"..."
เจ็บปวด โกรธแค้น ผิดหวัง น้อยใจ
เสียใจแค่ไหนก็ไม่เคยพูดออกมา
คนตรงหน้าพูดไม่ได้
แต่เจ้าชายอ่านแววตาคู่นั้นออกเสมอ
ใช่แล้ว...
อย่าร้องไห้อีกเลย
ความรักของข้าจะปกป้องเจ้าเอง
.
.
"บอกฉันมาสิ กิบสัน!"
คนแอบอ้างตัวตน 'กิบสัน' ตัวสั่น
มีปลายปืนของอเล็กซ์จรดอยู่ที่หัวใจ
"บอกเขาไปสิ ให้ตายเถอะ!"
ทอมมี่กลัวแทนจนขึ้นเสียง
อเล็กซ์เลื่อนปืนขึ้นไปดุนแก้มขาว
เจ้าตัวต้องหลุดความจริงในที่สุด
"Français! Je suis Français"
สายตาของทอมมี่ดูตกใจมาก
จนเขากลัวว่าอีกฝ่ายจะเปลี่ยนฝั่ง
แต่ไม่เลย
แม้เมื่ออเล็กซ์พยายามถาโถมทุกความเป็นไปได้ที่เขาจะเป็นคนร้ายกาจซัดลงมา ทอมมี่ก็ยังออกตัวปกป้องแทนเขาที่พูดอังกฤษไม่ได้ จนวินาทีสุดท้าย
ฝรั่งเศสขี้ขลาด กิบสันเป็นใคร แกไม่ได้ฝังเขาด้วยซ้ำใช่ไหม - เขาฝัง ฉันช่วยเอง คิดว่าเป็นเพื่อนเขา - มันอาจจะฆ่าเขา - เขาไม่ได้ฆ่าใครหรอก - จะรู้ได้ยังไง - หาศพทหารอังกฤษบนชายหาดมันยากที่ไหนกัน
เขาไม่ได้ฟังออกทุกคำ
แต่รู้ว่าทอมมี่ช่วยเขาสุดแรงแล้ว
อเล็กซ์ก็ยังต้องการให้เขาไปอยู่ดี
ขึ้นไปสิ - แค่โผล่หัวขึ้นไป พวกมันยิงเขาแน่ - เป็นมันดีกว่าฉัน - มันไม่แฟร์ เขาช่วยชีวิตเรา - มันจะได้ช่วยอีกครั้ง - หยุดเถอะ - ต้องมีใครสักคนเสียสละ เพื่อให้ที่เหลือรอด หรือนายจะไป - ไม่มีทาง ฉันจะกลับบ้าน - ถ้านี่คือสิ่งที่ต้องแลก? - ฉันจะอยู่กับมัน แต่มันผิด
ทอมมี่...ทอมมี่...ทอมมี่
เจ้าชาย...
ผ่านมาจนป่านนี้แล้ว
ท่านก็ยังปกป้องข้าอยู่ได้นะ
.
.
อย่าร้องอีกเลย ที่รัก
ขอเป็นเสียงหัวเราะเยือกเย็น
แทนหยดน้ำตาอุ่นๆ นี่เถอะนะ
เพื่อให้เจ้ายังคงสดใส
ผลาญทำลายข้าด้วยกริชนี้แทนเถอะ
.
.
แสงจันทร์อ่อนโยนกับร่างเล็กๆ มากขึ้น
ราวกับรู้ว่าหัวใจดวงน้อยบอบช้ำเพียงใด
ราวกับรู้ว่ามันได้แตกสลายไม่มีวันกลับคืน
เท้าแสนสวยค่อยๆ สัมผัสหาดทรายขาวละเอียดละเมียดละไมเป็นครั้งสุดท้าย
เจ็บปวดกับย่างก้าวที่ราวกับย่ำเหยียบบนเศษแก้วทิ่มแทงเป็นครั้งสุดท้าย
ก่อนจมทั้งร่างลงไปสู่ท้องทะเล...
สู่บ้าน
'เจ้าไม่ควรต้องสลายไปเป็นฟองอากาศ'
"..."
แรงฉุดลึกลับดึงร่างเงือกน้อยดิ่งลึกลงไป
แสงจันทร์ลาลับ รัตติกาลโอบรัดทุกสัมผัส
ความเจ็บปวดที่เท้าและขาอันตรธานหาย
ไล่ขึ้นมาจนถึงเอว...
เกล็ดและครีบหางอันงดงามกลับมาแทนที่
บางที การสลายเป็นฟองอากาศอาจดีกว่า
"ฮึก..."
และเสียงอันแสนไพเราะที่ได้คืนมานั้น
ก็กลับไม่ได้ทำอะไร
'ฆ่าข้าซะ...'
นอกจากสะอื้นไห้
'...และอย่าร้องไห้อีกเลย ที่รัก'
.
.
'เขากลับมาแล้วนะ ฮิฮิ'
'เจ้าชายน่ะหรือ?'
'อยากได้ขาอีกสักครั้งไหม'
'ตกลง'
หมื่นราตรีกาลผ่านพ้นไป
ข้าไม่ได้รอให้ท่านกลับมาปกป้องหรอกนะ
ครั้งนี้ ให้ข้าได้ชดใช้บ้างก็พอ
.
.
แค่เพราะความรักของท่านไม่เหมือนใคร
มันไม่ได้แปลว่าไม่รัก
เขาได้เรียนรู้ในขณะที่สายเกินไป
เกินจะดึงกริชเล่มนั้นออกมาทัน
เพราะฉะนั้น ครั้งนี้ ต่อให้ดูโง่เขลาเพียงใด
เป็นสิ่งเล็กน้อยแค่ไหน
หากมันจะพอชดเชยได้...
นายทหารผู้ขโมยตัวตนของกิบสันยังอุดรอยรั่วของเรือเอาไว้จนวินาทีสุดท้าย แรงดันน้ำที่ทะลักทลายเข้ามาทำให้ไม่อาจมองเห็นว่าใครออกไปแล้วบ้าง และคนคนนั้นออกไปแล้วหรือยัง แต่หนทางง่ายสุดที่จะรับประกันเรื่องนั้นได้
คือเขาต้องออกไปเป็นคนสุดท้าย
"กิบสัน! ช่างมันแล้ว"
อเล็กซ์ร้องบอก
แปลว่าพวกเขาคือกลุ่มสุดท้าย
ไม่มีใครในเรือแล้ว
ทอมมี่ก็ต้องออกไปแล้วเช่นกัน
ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากรอด แน่นอนว่าเขาอยากรอด เพื่อกลับไปมองดวงตาคู่นั้นใหม่ มองความสว่างไสวของรอยยิ้มดุจดวงตะวันอีกครั้ง มองเจ้าชายในคราบมนุษย์ธรรมดาที่ยังอ่านแววตาเขาออกไม่ว่าเมื่อไร ที่การกลั่นแกล้งไม่เอาเสียงไป แต่ให้เขาเป็นคนต่างสัญชาติของนางแม่มดมิอาจอุปสรรคใดๆ กับการสื่อสาร
แต่ราวกับท้องทะเลจะต้องการเขากลับไป
แรงดันน้ำลึกลับฉุดร่างเล็กๆ นั้นไว้
ผลักออกห่างจากราวบันได
'ข้ารักเจ้า...และอย่าลังเลอีกเลย'
...ท้ายที่สุด
'...เอาหัวใจของข้าไปเถอะ'
ก็เหลือเอาไว้...
ฉึก!
...เพียงฟองอากาศ
.
THE END
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in