เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
filmtofichoramiji
[SF] Better Man (jktm)
  • Title: Better Man
    Fandom: Dunkirk Cast
    Pairing: Jack Lowden x Tom Glynn-Carney
    Theme Song: Better Man - Andy Brown (Please listen while reading!)

    .
    .

    .

    ถ้ามีโอกาส...

    “ถ้า...”

    เสียงทุ้มงึมงำ ก่อนงับปาก
    เปลี่ยนใจ ไม่ถาม “ฮืม...”

    แค่ซุกหน้าเข้ากับท้องเจ้าของตักที่ตนหนุน
    หลับตา ซึมซับความนุ่มนิ่ม และไออุ่น

    “อะไรฮะ”

    แน่นอน, คนเกือบถูกถามสงสัย
    คนจะถามอมพะนำ “เปล่าจ้า”

    เอียงหน้าขึ้นมอง, ยิ้ม, เจือจาง
    แต่เปี่ยมล้นด้วยความรักใคร่

    “อย่าอย่างงี้ดิ” แกล้งใช้มือบีบคาง, เบาๆ
    บังคับให้คายคำถามนั้นออกมาใหม่

    เจ้าของคางยิ่งซุกหน้าหนี
    ราวจะจมหัวเข้าไปในท้องเจ้าของตัก

    “พี่แจ็ค~”

    มือเล็กล็อคคอใบหน้าหล่อหันกลับออกมา
    ก้มลง แตะปลายจมูกตนขยี้กับของอีกคน

    ยังไม่เปิดปากแกล้งแลบลิ้นเลียปาก

    “เจ้าอ้วน!”
    แจ็คหัวเราะ “ก็แค่...”

    เว้นวรรค, เคลิบเคลิ้มกับสัมผัสจากมือบาง
    ที่กำลังสอดสางเข้ามาตามเรือนผม

    “อืม...สมมตินะ ถ้ามีโอกาสอีกครั้ง ทอมจะเลือกพี่มั้—“
    “ไม่” แทบสวนทันควัน
    “ท้อมมมมมมมม”

    เสียงสูงที่โอดครวญทำตัวเล็กหัวเราะร่า
    ก่อนถูกคนโตกว่าจี้เอวจนนอนดิ้นไปกับพื้น

    แจ็คโผตัวขึ้นคร่อม
    ตรึงสองข้อมือบางไว้

    “ให้ตอบใหม่”
    ทอมยังหัวเราะคิกคัก “ไม่เลือก”
    “ให้ตอบอีกที”
    “ฟังให้จบก่อนอ้วน”
    “เรียกอ้วนอีกคำจะปล้ำ”

    ไม่ว่าเปล่า ปล่อยข้อมือ จับข้อเท้า
    รั้งสองขาเรียวเข้ามาเกี่ยวเอวแกร่ง

    “ออกไปเลย!” ทอมแกล้งชักเท้ากลับ
    ยันคนข้างบนออกห่าง
    แต่ไม่แรงพอให้อีกฝ่ายล่าถอย

    “ไหน จำเลยมีอะไรจะแก้ตัว พูดมาซิ”
    “ก็...” อมยิ้ม, ปรับน้ำเสียงให้จริงจัง
    “ทอมว่ามันไม่ใช่ตัวเลือก...”

    แจ็คเลิกคิ้วน้อยๆ แต่เงียบฟัง

    “...การที่เราจะรักใครสักคนน่ะ”

    เราไม่ได้เลือก, จริงๆ, หรอก
    เราก็แค่...รัก

    แค่ปล่อยไปตามหัวใจ

    “พูดจาน่าปล้ำจัง”
    “ถีบจริงนะ!” ทอมขู่

    แต่กลับถูกสองแขนแกร่งรวบขา
    แค่...กอดท่อนขาเรียวไว้อย่างนั้น

    ไล่จูบย้ำไปมาเบาๆ

    ไม่พูดอะไร

    แต่,

    ถ้าวันไหนพี่เกิดทำทอมเสียใจล่ะ?
    จะมีสักเสี้ยวขณะจิตที่ฉุกคิดบ้างไหม

    ว่าทอม,

    รักคนผิด...

    .
    .

    ‘ทอม...อยู่ไหนครับ’

    กลืนน้ำลาย ตอบเสียงเบา “งาน...”
    ‘เลิกสี่ทุ่มใช่มั้ย เดี๋ยวพี่ไปรับ’
    “อ่า...พี่แจ็ค...” เลียริมฝีปาก “เขาเลื่อนตาราง ทอมว่ากว่าวงทอมจะขึ้นคงเกือบเที่ยงคืน...”
    ‘เกือบ?’
    “ก็...เที่ยงคืน แล้วกว่าจะเสร็จคงสักตีหนึ่งเลย...”
    ‘อือฮึ’
    “พี่จะเอาไงอ่า กลับบ้านก่อนก็ได้นะ แล้วถึงเวลาค่อย...”
    ‘พี่อยู่หน้าอีเวนท์แล้วค้าบ เดี๋ยวรอนะ’
    “อ้าว เหรอ งั้น...”

    สีหน้าทอมเจื่อนลง
    จนเพื่อนร่วมวงอ่านออก

    “ไอ้เชี่— มันมาใช่มั้ย ให้แม่งรอข้างหน้าพอล่ะ”
    “ชู่วววว”

    ทอมหันไปจุ๊ปาก ถลึงตา
    ฟราสั่นหัว แต่ยอมเงียบ

    “พี่มารอห้องพักหลังเวทีแล้วกันเนอะ เดี๋ยวทอมออกไปรับ...”

    คำพูดของคนรีบเดินออกไปทำเพื่อนนักดนตรีกรีดร้องตามหลัง ไม่มีใครอยากให้แจ็คมาทั้งนั้นเพราะนั่นหมายถึงโอกาสที่ทอมต้องกลับก่อน, และพวกเขาต้องหายืมตัวนักกีตาร์คนอื่นมาช่วยเล่นแทน, ได้เพิ่มขึ้นแล้วกว่าแปดสิบเปอร์เซ็นต์ ผู้ชายคนนี้หาข้ออ้างได้สารพัดเพื่อให้แฟนกลับบ้านตรงเวลา

    กลับไปอยู่กับเขา,
    แค่คนเดียว

    ...

    “ไม่บอกล่ะว่าจะมารอ...”

    ทอมทัก เสียงหวาน
    คล้องป้าย ‘ผ่าน’ ให้แจ็ค
    จัดให้เรียบร้อย อยู่กลางอก

    คนตัวโตอวดลักยิ้มข้างแก้ม
    “เซอร์ไพรส์”
    ขโมยหอมไปฟอดหนึ่งไว ๆ

    ทอมแกล้งเอามือดันหน้าเจ้าตัวออก
    แจ็คเลยแยกเขี้ยวงับมือนิ่มเข้าให้

    “หมาอ้วน มือไม่ใช่ของกิน”

    แจ็คหัวเราะ หึสองหึ, เงียบ
    คว้ามือเล็กลงมาดูใกล้ๆ

    รอยแผลช้ำแตก,
    กระจายทั่วปลายนิ้วมือ

    ร่องรอยความโหดร้าย,
    ของอากาศหนาวในปีนี้

    “นิ้วแตกขนาดนี้จะเล่นไหวเหรอ...ระหว่างวันบอกให้ใส่ถุงมือ ไม่ได้ใส่ใช่มั้ยเด็กดื้อ”

    ปลายนิ้วเรียวยาวเกลี่ยไล้รอยแผลเล็กๆ บนปลายมือนั้นอยู่พักใหญ่ ริมฝีปากอุ่นเริ่มไล่จุ๊บซ้ำตามแต่ละนิ้ว นึกโมโหสภาพอากาศหนาวที่ทำร้ายผิวอันเปราะบาง โกรธเซลล์ผิวบนนิ้วมือเล็กที่อ่อนไหวง่ายเกินไป พาลแม้กระทั่งสายกีตาร์ที่ต้องเสียดสีกับปลายนิ้วสวยเหล่านั้น ซ้ำเติมสภาพแผลมันแบบนี้

    ทั้งหวงทั้งห่วงทุกส่วนของคนตัวเล็ก,
    ยิ่งกว่าอะไร

    ทอมเห็นแววตาแสนอ่อนโยนห่วงใย กับหัวคิ้วที่เริ่มย่นเข้าหากันอย่างจริงจังแล้วอดเอ็นดูไม่ได้ ต้องอมยิ้ม

    “ไม่ได้ดื้อ อีกอย่าง ใช้ปิ๊กเอาก็ได้”
    “วันนี้ทอมไม่ต้องเล่นหรอก...นะ”
    “แต่ว่า--”
    “เนี่ย เลือดยังซิบอยู่เลย” แจ็คเพยิดคางให้ทอมดูมือตัวเอง “กลับบ้านเถอะ”
    “พี่แจ็ค ทอมเล่นไหว”

    แทบอยากตะครุบปากตน แต่ไม่ทัน
    ด้วยเห็นอีกฝ่ายเริ่มดุขึ้นหลังได้ฟัง

    “กีตาร์เล่นเมื่อไรก็ได้ ให้แผลหายก่อนนะ...ฟังพี่หน่อย” แจ็คยังพรมจูบ สลับกับงับเล็มปลายนิ้วเย็นซ้ำๆ “เห็นแผลแค่นี้ใจพี่ก็บางมากแล้ว อย่าให้พี่ต้องเห็นมันเป็นมากกว่านี้เลย”
    “แต่...” ทอมเม้มปาก “ทอมอยากเล่นงานนี้”
    “...”

    ความเงียบใช้เวลานานกว่าจะคลายตัว
    แจ็คทำลายมัน, ด้วยรอยจูบ,
    บนมือบาง, ครั้งสุดท้าย

    ก่อนยิ้มหวาน

    “กลับบ้าน...นะ”

    ยื่นคำขาด, ครั้งสุดท้าย

    ขอบตาทอมร้อนผ่าว รู้สึกงี่เง่า แต่แจ็คไม่มีวันเข้าใจว่าการขึ้นเวทีนี้สำคัญกับเขาในฐานะนักดนตรีขนาดไหน

    เพราะฉะนั้น...

    “อือ...”

    พูดไปก็คง,
    ไม่เข้าใจ

    “...กลับบ้าน”

    ทอมกระซิบ ยอมจำนน
    ซุกใบหน้าหงอยๆ เข้ากับอกกว้าง

    “ขอเข้าไปบอกเพื่อนแป๊บนึงนะ...”
    “โทรไปสิ หรือให้พี่โทรให้ก็ได้”
    “เหอะ เดี๋ยวทอมเท็กซ์ไปบอกละกัน”

    ทอมโงหัวขึ้น เปลี่ยนมาเดินข้างๆ
    ควงแขนแกร่งไว้ ระหว่างกดโทรศัพท์

    ‘ฟรา เรากลับแล้วนะ’
    ‘หมายความว่าไงกลับแล้ว จะบ้าเหรอทอม’
    ‘ขอโทษที ขอโทษทุกคนให้ด้วย’
    ‘ไม่น่าปล่อยทอมออกไปหามันเลยให้ตาย’
    ‘อย่าว่าพี่แจ็คสิ เขาแค่เห็นมือเราแล้วเป็นห่วง’
    ‘เออ แล้วแต่เลย ขี้เกียจพูดแล้ว’

    แต่, แค่พี่เค้าเป็นห่วงเรามาก
    มันไม่แปลกไม่ใช่เหรอ?

    ก็คนรักกันน่ะ...

    คนรัก

    อยากอยู่ด้วยกัน,
    มันก็เรื่องปกติ

    ไม่ใช่เหรอ?

    .
    .


    “ตัวพี่ก็ไม่ได้ร้อนนี่นา...”

    ทอมชักมือกลับ แต่แจ็คยังยื้อ
    สูดกลิ่นหอมสะอาดจากมือนั้น

    ปลายนิ้วโป้งไล้อุ้งมือบางไปมา
    เงียบ

    “พี่แจ็ค...” น้ำเสียงเริ่มดุ
    รู้ตัวแล้วว่าถูกหลอก

    หลอกให้รีบทิ้งงาน กลับบ้าน
    เพื่อมาอยู่กับ...

    ‘ทอม อยู่ไหนอ่า’
    ‘งานยังไม่เลิกเลย พี่แจ็คจะเอาอะไรเปล่า ถ้ารอได้เดี๋ยวซื้อเข้าไปให้ กินด้วยกัน’
    ‘อือ พี่ไม่ค่อยอยาก...’
    ‘หืม เกิดอะไรขึ้นกับเจ้าอ้วนของเค้า’
    ‘ไม่รู้สิ กลับมาก็โดนโซฟาดูด ไม่อยากลุกทำอะไรเลย’
    ‘ไม่สบายเหรอ’
    ‘สงสัย...ทอมกลับมาดูใจพี่หน่อยสิ...นะ’

    ...คนที่ไม่ได้ป่วย, อย่างที่อ้าง

    มือเล็กสางเรือนผมสีฟางเบาๆ
    เสยเปิดทาง จุมพิตลงตรงหน้าผาก

    “ทอมจะกลับไปงานละ”

    ลุกขึ้นจากตักแกร่ง,
    ถูกคว้าแขน, จนเซ

    “พี่ขอโทษ...ขอโทษ แต่ทอมไม่ไปได้มั้ย...นะ...พี่ไม่ได้อยากงี่เง่า แค่— แค่วันนี้พี่เจออะไรแย่ๆ มาทั้งวัน และ...และพี่อยากนอนกอดทอมเพื่อลืมมันทั้งหมด...”

    ทิ้งตัวลงคุกเข่า กอดสองขาเรียวไว้
    ซุกใบหน้าเข้ากับท้องคนที่ยืนนิ่ง

    กระซิบ,

    “...ให้พี่กอดทอมนะ”

    คนตัวเล็กไม่พูดอะไร
    ไม่ยินยอม หรือปฏิเสธ

    ปล่อยให้คนตัวสูงลุกขึ้นยืน และ...
    เริ่มประโลมจูบลงมาทั่วใบหน้า

    ด้วยรักใคร่,
    หวงแหน,
    เสน่หา,
    คลั่งไคล้,
    สุดหัวใจ

    ทอมอยากพูดว่าไม่
    แต่เพียงหายใจ, ยังลำบาก

    หลายครั้งเขาสงสัย,
    ทำไมตัวเองไม่พูดอะไร

    “อือ...”

    บางที, ลึกในใจคงรู้อยู่แล้ว
    ว่ายังไง, ก็คงไม่ฟัง

    “พี่รักทอม...รักที่สุด”

    มีแต่พูดพร่ำ, คำนั้น, ซ้ำๆ

    “รัก...”

    กระซิบอีกครั้ง
    ก่อนอุ้มร่างเล็กไปวางบนที่นอน

    สลัดเสื้อผ้าออกจากเรือนร่าง

    “รัก...”

    แต่ไม่เคย...ฟัง

    ไม่เคย.

    .
    .

    ทอมมักเงียบเวลาอีกคนอยู่ข้างใน

    แจ็คไม่ชอบเสียงครางดังๆ เท่าไร...อาจชอบเสียงหอบ เสียงหน่วงหนักของลมหายใจ เสียงครวญแผ่วในลำคอเหมือนลูกแมวบ้างก็ได้ แต่ไม่เคยชอบเสียงที่ดังเกินไป มันรบกวนอารมณ์เจ้าตัวโดยไม่มีสาเหตุ

    ถ้าเผลอทำ, มือใหญ่จะปิดปากเขาไว้
    ทอมเรียนรู้ที่จะเงียบ, เพื่อเอาใจ

    แต่บางครั้ง, ก็ยังพลาด

    “อึก...”

    แจ็คกำลำคอเขาด้วยแรง
    บีบ, จะว่าอย่างนั้นก็ได้

    รีบปล่อยทันทีที่รู้สึกตัว

    “พี่ขอโทษๆๆ...ขอโทษ...”

    ทอมโหยอากาศ, หอบหนัก
    อ้าปากโกยลมหายใจเข้าไป

    แจ็คยังพึมพำคำขอโทษอยู่ข้างหู
    มือไม้เงอะงะ อยากปลอบ
    แต่ไม่กล้าแตะคอเจ้าตัว

    “...” ทอมนอนนิ่ง
    ยังไม่ยอมพูดอะไร

    “...”

    เพี้ยะ!

    มือแกร่งตบหน้าตัวเอง, ดังลั่น
    จะตบซ้ำ มือเล็กก็คว้าห้ามไว้

    “ทอมปล่อยพี่...”
    “ไม่เอา ทอมผิดเอง...ทอมเผลอร้อง อย่าทำแบบนี้สิ”
    “พี่ไม่ได้ตั้งใจทำให้ทอมเจ็บ...ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ เชื่อพี่นะ...”

    เสียงของแจ็คเครือสั่น
    คล้ายจะร้องไห้

    แค่นั้น,
    ใจคนฟังก็อ่อนยวบ

    “อือ”

    พยักหน้า, จูบคาง
    จูบแก้มข้างที่แจ็คตบตัวเองเบาๆ

    เดาว่าในความมืด,
    อีกฝ่ายคงไม่เห็นน้ำตา

    หยดเล็ก, ไหลลงมา,
    ค้างคาที่ข้างแก้ม

    “ทอมเชื่อ...”

    .
    .

    นั่งมองเครื่องดื่มร้อนที่เพื่อนสั่งให้
    โดยไม่แตะ, แค่...จ้อง...

    ชา? หรือกาแฟกันนะ?

    หน้าจอโทรศัพท์สว่างวาบไม่ต้องมองก็รู้ว่าสายจากใคร

    แต่...ไม่รับ

    ใส่น้ำตาลมาหรือเปล่า?

    “ทอม?”
    “...”
    “โทรศัพท์...”

    กะพริบตา เหมือนเพิ่งกลับมา,
    จากอีกมิติความรู้สึก

    แต่ก็ไม่รับ

    มือเล็กเอื้อมออกไป
    จับมือถือคว่ำหน้า

    “ครั้งนี้ เราจะเลิกจริงๆ”

    แบร์รี่มองหน้าคนนั่งฝั่งตรงข้าม
    ที่นั่งก้มต่ำ มองแก้วชาอีกครั้ง

    ใช้ปลายนิ้วแตะคางมน
    ให้เจ้าตัวเงยหน้าคุยกัน

    “ไม่ได้อะไรนะ แต่...”
    “...”
    “ทอมทำได้เหรอ”

    ‘นายรักเขาออกอย่างนั้น’
    คือสิ่งที่แบร์รี่หมายถึง

    “เราไม่รู้ว่าทำได้มั้ย แต่เราจะทำ...”
    “ทอม...”
    “เราต้องทำ”

    เราก็หวัง,
    ว่าจะไม่ต้องทำแบบนั้น

    แต่เราต้องทำ

    ก่อนตัวเรา, จะถูกกลืนหาย
    โดยความรัก, ที่เลื้อยรัด, พันเกี่ยวหัวใจ
    จองจำ, ขังเราไว้, ชั่วกาล

    แบร์รี่ได้แต่เม้มปาก
    เลื่อนมือมากุมมือเล็กไว้

    บีบเบาๆ

    “ยังไงเราก็อยากให้ทอมคิดดูอีกที แจ็คมันจะอยู่ยังไง ถ้าทอม...”
    “หนีไป?”

    ทอมพึมพำ มองมือที่ปลอบโยนนั้น
    รอยยิ้มจืดจางผุดพราย ณ มุมปาก

    หนี,

    ฟังดูขี้ขลาด, แต่...
    อาจเป็นสิ่งกล้าหาญที่สุด

    ที่เขาเคยคิดจะทำ

    เพื่อตัวเอง

    .
    .

    .

    จากวันนั้น
    มันก็นานแล้วนะ

    แต่,

    บางครั้ง,
    แค่บางครั้ง

    กลางค่ำคืนดึกสงัด
    ก็ยังเห็นเขา

    รู้สึกถึง...

    เขา

    .
    .

    !

    โหยอากาศ, หอบหนัก

    ไรผมชื้น พราวด้วยเหงื่อ
    หัวอกชุ่มโชกด้วยฝันร้าย

    “...”

    หายใจ, หายใจ...
    ค่อยๆ หายใจ

    มันก็แค่ฝัน

    เส้นผมสีฟาง
    รอยยิ้มเจือจาง
    น้ำหนักที่กดทับบนตัก

    ทุกอย่างสมจริงนัก,

    รู้สึก...

    ถึงความนุ่มลื่นของเรือนผม,
    ยามสางมือเคลื่อนผ่าน

    ถึงสายตาสอดส่องจ้องมอง
    แม้ยามเจ้าตัวหลับตา

    ถึงกลิ่นชาเอิร์ลเกรย์อ่อนละมุน
    จากกลีบปากเคลือบบาล์มที่ใช้ร่วมกัน

    และ...เลือด
    บนปลายนิ้ว..เจ้าของตัก

    ปลายนิ้วของเขา

    “...ฝัน” ...ก็แค่ฝัน
    พึมพำพร่ำซ้ำย้ำกับตัว

    แต่,

    มือเล็กเลิกผ้าห่มออกจากร่าง ลุกขึ้นนั่ง คว้าโทรศัพท์มือถือจนหลุดออกจากสายชาร์จโดยอัตโนมัติ กดโทรออก, รอ

    ‘ครับ?’

    ปลายสายตอบรับ เสียงเบา
    ทอมตอบกลับ เบายิ่งกว่า

    “...อยู่ไหนฮะ”

    ก็แค่ฝัน แต่,

    สัมผัสอุ่นชื้น ยังหนืดเปรอะบนปลายนิ้ว
    กลิ่นคาวเลือด ยังคลุ้งอยู่ใกล้ปลายจมูก

    ‘...เป็นอะไรหรือเปล่า?’
    ทอมเม้มปาก “...ช่างมันเถอะ”
    ‘...’

    ต่างฝ่ายต่างเงียบ
    จนเสียงผู้หญิง, เสียงแมว,
    ดังลอดมาจากสายฝั่งนั้น

    ทอมได้ยินชัด
    จึงตัดสินใจวางหู

    ไม่ควรโทรไปแต่แรก
    ไม่น่า...

    แต่,

    บางครั้ง ที่ยังเห็นเขากลางดึก
    รู้สึกเหมือนเขายังอยู่ใกล้ๆ

    อยู่ข้างกาย
    อยู่บนตัก
    อยู่ตรงนี้

    อาจเพราะ...คิดถึง
    คงแค่นั้น

    คิดถึง

    .
    .

    ฝ่าลมแรงในค่ำคืนของปีใหม่
    คริสต์มาสขาวยังอ้อยอิ่งทิ้งควันหลง

    สู่อาคารพักอาศัยสูงหลายชั้น
    ซึ่ง, ไม่ใช่ที่ของเขา

    หนาว, ซุกมือที่สวมถุงมือในกระเป๋า
    หนาว, แค่เดินสวนคนที่ประตูก็เกิดลมหนาว
    หนาว, เข้ามาด้านในอาคารก็ยังหนาว

    ทอมรู้สึกว่าหัวเริ่มเปียก
    จากเกล็ดหิมะที่หลอมละลาย

    ใจปอนๆ ก็คล้าย, จะชื้นฉ่ำ
    ด้วยความหมองหม่น

    เขามาทำอะไรที่นี่?

    อาจเป็นคำถามที่ต้องตอบก่อนมา
    แต่เปล่า, เขาไม่ได้คิด จนมาถึง

    เขามาทำอะไรที่นี่?

    ทอมขึ้นลิฟต์
    รู้สึกตัวเบาราวขี่เมฆลอยขึ้นไป

    สู่ชั้นยี่สิบสอง, หน้าห้องเขา, ในอึดใจ
    แต่การเฝ้ารอ, ยาวนานกว่านั้น

    มันนานหลายชั่วโมง
    เพราะ, ไม่อยากเคาะประตู?

    ประตูเปิดออก, ในที่สุด
    ทอมแสร้งทำเป็นไขประตูอีกห้องหนึ่ง

    “เมี้ยว...”
    “ไม่นะ—“

    เจ้าแมวเปอร์เซียขนขาวราวหิมะด้านนอกนั่น พุ่งตัวออกจากห้องในทันใด สาวสวยเจ้าของมันจับไว้ไม่ทัน รีบกระโจนตามมันออกมายังโถงทางเดิน ไม่สนใจปิดประตูตามหลัง หมายมาดเพียงจะจับเจ้าจอมซนกลับมา

    นั่นเอง, ช่วงเวลาที่ทอมได้เข้าไป
    ในห้องพัก, ห้องนั้น

    .
    .

    อีกครั้งหนึ่ง,
    ได้สัมผัส...

    สาง, เรือนผมสีฟาง, บนตัก
    ที่เขาคิดถึง

    คนนอนหนุนนิ่งสนิท
    ราวเจ้าชายนิทรา

    นิ้วมือเล็กๆ ยังเลาะเล่นกับไรผมสีอ่อน
    สีที่, เคย, ภูมิใจนักหนาว่าเหมือนกัน

    “...”

    ทอมหายใจกระตุก, เพิ่งนึกได้
    หาก, เธอ...กลับมาล่ะ?

    ไม่อยากลุก แต่จำใจ ร่างเล็กค่อยๆ ประคองศีรษะเขาไว้ด้วยสองมือ ถอนตักออกจากหน้าที่หมอนรองคอเขา ลุกขึ้นยืน ไม่แลมองคนบนพื้น แต่ส่ายตาหาโทรศัพท์

    กดโทรออก, รอ, รับ
    เสียงพูดพลันลนลานขึ้นมาดื้อๆ

    “ผม...ผมได้ยิน...เสียงปืน!”

    ตำรวจถามที่เกิดเหตุ

    เสียงยังคงสั่น “ชั้นยี่สิบ...ยี่สิบสอง คอนโดเบเวอร์ลีย์...ถนน...”

    ตำรวจขอรายละเอียดเพิ่ม
    ทอม...ตัดสาย

    สีหน้าราบเรียบ, ไม่ได้ตื่นตระหนก
    อย่างตอนคุยโทรศัพท์, แม้แต่น้อย 

    “...”

    เงยหน้าขึ้น
    เพิ่งเห็น, กระจกเงาอยู่ตรงนี้

    เพิ่งเห็น, หยดของเหลว...บนแก้มข้างนี้

    “...”

    ยกนิ้วหัวแม่มือขึ้นแตะ, เบาๆ
    ปาด, เบาๆ

    เฉดสีชาดลากตัวขนานไปกับปลายคาง

    เลือด...เลอะเปรอะปลายนิ้วเขา, อีกแล้ว
    ไม่ว่าตอนนิ้วแตก ซ้อมกีตาร์หนัก
    ในฝัน กับคนรักผมบลอนด์บนตัก

    หรือ...ตอนนี้

    “ขอโทษนะ...หมอ...”

    แต่,

    ครั้งนี้, มันง่ายขึ้น

    โพรงว่างเปล่ากระจายตัวกว้างขึ้น
    เหลือพื้นที่ให้ความรู้สึก, อื่นๆ, น้อยลง

    ไม่เหมือน...ตอนนั้น
    ตอน...พี่แจ็ค...

    แน่นิ่ง, ค่อยๆ หมดลมหายใจ, บนตัก

    รัชเชียน รูเลตต์,
    ที่ไม่เคยได้เล่น

    คำบอกรักครั้งสุดท้าย,
    ที่เขาเบื่อจะฟัง

    การตัดสินใจ,
    ที่ไม่อาจย้อนกลับ

    เขาทำมันลงไปแล้ว,
    แม้โดยไม่มั่นใจ, ก็ยังทำ

    เพราะแม้ในขณะที่ลังเลกับทุกสิ่ง
    ทอมมั่นใจสิ่งหนึ่งเสมอ
    ไม่ว่าเมื่อไร สถานการณ์ใด

    ตอนนั้น,
    หรือ...ตอนนี้

    เขาต้องหนี

    .
    .

    หญิงสาวกลับมาที่ห้อง,
    พร้อมเจ้าเหมียวตัวแสบ

    เพื่อ,

    “...เจย์!!!”

    พบศพ...คู่หมั้น
    กับเรือนผม, ที่ไม่ใช่สีธรรมชาติ

    คุณหมอเจเรมี่, ผมดำ
    แต่ร่างไร้วิญญาณของเขา...

    มีเส้นผมสีบลอนด์

    ราวกับ...

    .
    .

    แจ็ค ลาวเดน

    ชื่อนี้จะยังคงอยู่กับเขาตลอดไป
    ทอมรู้แล้ว, 

    การฆ่าแจ็ค,
    ไม่ได้ทำให้แจ็คจากไป

    ตรงกันข้าม,

    ทำให้แจ็คกลายเป็นส่วนหนึ่งของเขา
    ตลอดกาล, ชั่วนิรันดร์

    จากวันนั้น...ฮัลโลวีนคืนนั้น
    มันก็นานแล้วนะ, สองเดือนแล้ว

    แต่,

    บางครั้ง,
    แค่บางครั้ง

    กลางค่ำคืนดึกสงัด
    ทอมก็ยังเห็นแจ็ค

    รู้สึกถึง...แจ็ค

    รู้สึกเหมือนเขายังอยู่ใกล้ๆ

    อยู่ข้างกาย
    อยู่บนตัก
    อยู่ตรงนี้

    อาจเพราะ...คิดถึง

    มันไม่แย่ลง แต่ก็ไม่ดีขึ้น ทอมรู้สึกเป็นอิสระ แต่มันว่างเปล่า ทรมานกับการฝันเห็นภาพสุดท้ายของแจ็ค แต่วันไหนที่ไม่ฝัน เขากลับโหยหามัน คนปกติที่ไหนกัน, ถวิลหาฝันร้าย? 

    บางทีมันอาจเป็นแค่ตะกอนความรู้สึกผิดที่กวนตัวเองให้ขุ่นอยู่ทุกวัน บางทีมันอาจไม่มีเหตุผลอะไรมากกว่านั้น แต่ทอมก็ไม่เคยแน่ใจ

    เหมือนที่ไม่เคยแน่ใจ,
    ฆ่าหมอเพื่ออะไร

    หมอเจย์เป็นจิตแพทย์ที่เขาคุยด้วยตั้งแต่ก่อนลงมือ เป็นคนที่รู้ความลับและรายละเอียดเบื้องหลังในคดีเรือมูนสโตนมากที่สุด แต่เขาฆ่าหมอเพราะเหตุนี้หรือ? กลัวสักวันเรื่องจะถูกสาวมาถึงตัว? 

    หรือเขาแค่,
    พยายามบอกตัวเองอย่างนั้น?

    หรือแท้จริง, มันจะเป็นผลพวง,
    จากสิ่งที่แจ็คทำไว้กับเขา?
    จากความสัมพันธ์ที่เป็นพิษร้าย

    เพราะ,

    ถ้าจะยังมีอะไรหลงเหลือ,
    นอกจากซากความรักนั้น

    อาจคือรอยแผลเป็น,
    ที่แจ็คทิ้งไว้ให้กัน

    รอยแผลเป็นนิรันดร์

    ความเสียหาย...ที่เปลี่ยนนิยามตัวตนของคนหนึ่งคนไปอย่างถาวร  

    "..."

    และนี่ก็แค่อีกคืน,
    ที่เขาตื่นขึ้นกลางคัน

    จากภาพฝัน

    เส้นผมสีฟาง
    รอยยิ้มเจือจาง
    น้ำหนักที่กดทับบนตัก

    กลิ่นชาเอิร์ลเกรย์อ่อนละมุนยังอ้อยอิ่งอยู่ ณ ปลายจมูก ก่อนที่มันจะเริ่มคลุ้งคาวเคล้ากลิ่นเลือด ทอมกำมือแน่นเป็นหมัด เริ่มเอากำปั้นอุดปากตัวเองไว้ ตะเบ็งเสียงร้องจนสุดคอ แต่โสตประสาทกลับไม่ได้ยินอะไร รับรู้ถึงลมหายใจที่เริ่มติดขัด และความว่างโหวงในช่องท้องโดยไร้สาเหตุ ได้แต่คู้เข่าเข้าหาตัว นอนขดเป็นก้อนกลมบนเตียงขนาดใหญ่

    เตียง, 
    ที่เคยมีเขาอยู่ข้างๆ

    มีเรือนผม, สีเดียวกัน
    กระจายอยู่บนหมอน

    มีเสียงกระซิบรัก, 
    คอยพร่างพรมอยู่ข้างหู

    แต่,

    ถ้ามีโอกาส...

    ถ้ามีโอกาสอีกครั้ง ทอมจะเลือกพี่มั้ย?

    "ไม่..."

    เราเลือกไม่ได้, จริงๆ, หรอก
    ทอมยังเชื่อแบบนั้น

    เพราะในตอนนี้,

    ความทรมาน, ไม่ได้อยู่ที่,
    การเห็นพี่, ฝันร้าย หรือรู้สึกผิด

    แต่,

    "ทอมคิดถึงพี่..."

    และถ้ามีโอกาส, อีกครั้ง
    ทอมจะไม่รักใครใหม่


    'นิ้วแตกขนาดนี้จะเล่นไหวเหรอ...ระหว่างวันบอกให้ใส่ถุงมือ ไม่ได้ใส่ใช่มั้ยเด็กดื้อ'
    'พี่รักทอม...รักที่สุด'


    ทอมแค่อยากให้พี่แจ็ค
    เป็นคนที่ดีกว่านี้

    "ฮึก..."


    ‘ทอม...อยู่ไหนครับ’
    'กลับบ้าน...'
    '...ให้พี่กอดทอมนะ'


    ยังอยู่,
    และ,


    "แค่นิดเดียว..."

    แค่,
    ...ดีกว่านี้เท่านั้นเอง



    .

    .



    FIN.










    .










    ปรากฏว่าเป็น Side Story (?) ของ #MoonstoneHunting นั่นเอง ผ่าง!!!
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in