เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
filmtofichoramiji
[SF] Best Man (Jack x Tom)
  • Title: Best Man
    Fandom: Dunkirk Cast
    Pairing: Jack Lowden x Tom Glynn-Carney
    AU: Wedding




    ‘ป๊าเป็นผู้ชายที่ดีที่สุด...ที่น้องเคยรู้จัก...’

    ‘ถ้างั้น...’

    .
    .

    .

    แชะ

    ยกมือขึ้นบังเลนส์
    แต่ไม่ทัน

    คนได้ภาพยิ้ม
    คนถูกแอบถ่ายหัวเราะ

    “ถ่ายอะไรเนี่ย...”

    ก้าวถอยหลังมาหา
    เกยคางบนไหล่กว้าง
    ชะเง้อมองภาพในนั้น

    ภาพตัวเอง
    ยิ้ม, สดใส
    ราวกับ...

    “ดอกทานตะวัน” ตากล้องกระซิบ

    ตาคมจับจ้องภาพหนุ่มน้อยผมบลอนด์
    ใต้แสงเรืองรองของแดดยามสาย

    สว่าง...เหมือนดอกไม้แห่งดวงอาทิตย์
    สว่าง...

    ยิ่งยิ้ม, ยิ่งสว่าง

    แขนเรียวยาวขยับยืดออก
    หันเลนส์กล้องเข้าหาตัว

    แชะ

    “ทีนี้ถ่ายอะไรอีก...”

    มือเล็กยื่นออกไป
    ดึงกล้องจากอีกฝ่ายมาดู

    หัวเราะ “ติดหน้าป๊าครึ่งเดียวเอง”
    “คนโสด”
    “หืม”

    นัยน์ตาสีครามสุขุมทอประกายอ่อนโยน

    ยามจ้องมองรูปคู่,
    ที่ติดหน้าตนเองไปเพียงซีก

    พึมพำ “คนโสด...วันสุดท้าย”

    ทอมเสหน้าหนี
    ยิ้ม “เงียบไปเลย...”

    แต่นิ้วก้อยเล็กๆ,
    ที่มีแหวนสวมอยู่นั้น
    กลับเอื้อมมาเกี่ยวนิ้วของแจ็คไว้

    คนโตกว่าสะพายกล้องคล้องคอ
    ปล่อยคนตัวเล็กเล่นกับมือของตน

    สำเนียงสก็อตติชงึมงำลอดไรเครา

    “ป๊ายังไม่เห็นชุดของน้องเลย”
    “เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็เห็นน่า” ปลายนิ้วก้อยนุ่มนิ่มยกขึ้นเกลี่ยไรหนวดเคราที่บดบังใบหน้าหล่อ “แต่น้องว่าป๊าควรโกนหนวด”
    “ไม่ได้หรอก”
    “ทำไม”
    “เดี๋ยวหล่อเกิน”

    โอ๊ย

    ร้อง, รวบข้อมือบางไว้ฉับพลัน
    โทษฐานเพิ่งดึงหนวดเขาแรงๆ

    “หมั่นไส้”

    พลิ้วข้อมือออกจากมือใหญ่ 

    วางหนวดเส้นที่กระตุกมาได้บนหลังมือ
    เป่าปลิวด้วยลมจากริมฝีปากสวย

    รู้สึกได้, สายตาของป๊าจ้องมองอยู่ตลอด,

    ริมฝีปาก?

    “ไม่ให้หรอก...”

    แต่ส่งจูบกลางอากาศให้อย่างท้าทาย
    เลยโดนท่อนแขนแกร่งรวบเอวเข้าให้

    ปลายจมูกโด่งซุกไซ้จ้ำไชเอวบาง
    คนบ้าจี้ดิ้นขลั่ก “ยอมแล้วๆๆๆ...”

    แจ็คหยุด,
    เพราะเสียงโทรศัพท์

    ไม่ใช่ของเขา

    มือเรียวยาวตะปบเข้ากระเป๋ากางเกงยีนส์ของคนในอ้อมแขนทันที ทอมเผลอกัดปากล่างโดยไม่ตั้งใจ บรรยากาศรอบกายคนตัวโตเริ่มเย็นลงเห็นได้ชัด

    หน้าจอสว่าง
    ชื่อสายเรียกเข้า: แฮซ

    “...”

    แจ็คแค่ปิดเครื่อง แล้วคืนให้
    “ป๊า...” เสียงแผ่วเป็นลูกแมว
    “สัญญากันแล้วไม่ใช่เหรอ?” 

    ทอมพยักหน้าดุ๊กดิ๊ก
    น้ำเสียงป๊าสบายๆ แต่ก็ยัง...

    ขายาวก้าวเดินต่อ
    แต่คนตัวเล็กกอดไว้ ไม่ให้ไป

    “น้องขอโทษ” 

    ซุกหน้าลงกลางอก 
    กระซิบอู้อี้ไม่เต็มคำ
    เริ่มกัดเสื้ออ้อนราวลูกแมว

    กระทั่งมือใหญ่ทิ้งสัมผัสลงกลางศีรษะ
    ยีหัวเจ้าแมวสีบลอนด์ด้วยความเอ็นดู

    “ไปกันเถอะ”

    เดี๋ยวจะมืดค่ำเอาเสียก่อนนะ

    “ไปกันเถอะ”

    กระซิบย้ำ
    โอบไหล่ให้เดินต่อ

    .
    .

    “ป๊าจะขึ้นไปถึงไหนอะ น้ำตกตรงนี้ก็สวยแล้วนะ...”

    จริงอย่างว่า
    น้ำใส ร่มรื่น

    แต่ยังมีผู้คน
    บางตา แต่ก็มี

    “ป๊า~”
    “น้องไม่ได้เดินเอง อย่าบ่นได้มั้ย”

    แจ็คว่า หอบน้อยๆ
    กระชับสองขาเล็กเข้าเอว
    ปีนทางชันต่อ

    ทอมหัวเราะคิกคัก
    “ก็ไม่ยอมให้เดินเอง ห้ามมาโทษ”
    “ครับ ป๊าผิดเอง ที่ไม่กำชับให้ใส่ขายาว ไม่ยอมเตรียมรองเท้าบูทมาให้ ไม่อยากให้ขาสวยๆ ของน้องโดนทากกัด...แฮ่ก”
    “โถ คนแก่ บ่นมากก็เหนื่อยเอง เดินเงียบๆ ไปเลยไป”

    แซวอย่างนั้น 
    แต่ก็ลอบซับเหงื่อตรงขมับให้
    ด้วยริมฝีปากนุ่มนิ่ม, แผ่วเบา

    ก่อนมือเล็กจะเอื้อมหยิบกล้อง
    ประคองไว้ ให้น้ำหนักไม่ถ่วงแจ็คมากเกิน

    “ขอบคุณครับ” 

    เห็นลักยิ้มดีใจแล้วหมั่นไส้

    “น้องจะถ่ายรูปเฉยๆ หรอก” 

    พาดสองแขนข้ามไหล่คนตัวโต 
    เล็งกล้องไปยังทิวทัศน์ตรงหน้า
    เมื่อย...ทิ้งคางลงบนบ่าแกร่ง

    ราวกับ,
    ที่พักพิงที่ดีที่สุดในโลก

    “ตรงนี้ดี...” 

    เสียงทุ้มพึมพำในลำคอ, กับตัวเอง
    เมื่อถึงจุดที่ไม่มีนักท่องเที่ยวอื่นขึ้นมาถึง

    ปล่อยให้ลง แต่ขาเรียวเล็กยังเกาะไว้

    “ไม่ลงได้มั้ย”
    “ลงเถอะ เห็นแก่สังขารป๊า...” 

    หนุ่มน้อยหัวเราะในลำคอ
    เท้าแตะพื้น ยืนกวาดสายตาไปรอบๆ

    “เปลี่ยวขนาดนี้ คิดจะพาน้องมาทำไรอะป๊า”
    “ปล้ำ”
    “น้องจะร้อง”
    “ด้วยความ...?”

    ทอมพุ่งมือปิดปากคนทะลึ่ง
    ที่ดันแลบลิ้นออกมา “อี๋!”

    แจ็คหัวเราะกวนประสาท
    แต่ก็จับมือเล็กเช็ดกับเสื้อของตนให้

    “เป็นแบบให้ป๊าหน่อย ตรงนั้นน่ะ แสงกำลังสวยเลย...”

    ยกกล้องขึ้น ส่อง
    ดวงตาอีกคู่สะท้อนกลับมา

    เจ้าตัวเล็กไม่ยอมไปไหน

    “จะเอาแต่ถ่ายรูป ไม่เล่นน้ำกับน้องเหรอป๊า...”
    “เล่นสิ แค่...” ชะงัก

    ยื่นปลายนิ้วก้อย,
    ที่มีแหวนสวมอยู่บนนั้น

    ออกไปเกลี่ยเส้นขนตา
    ซึ่งหลุดร่วงลงมาเกาะแก้มใส

    “...อยากเก็บภาพน้องวันนี้เอาไว้ให้มากที่สุด”
    “อือฮึ”
    “เพราะวันพรุ่งนี้ สถานะของเราก็จะเปลี่ยนไปแล้ว”
    “โรแมนติกจังนะ” ทอมว่า คล้ายประชดประชัน

    กระดิกนิ้วเรียก คนโตกว่าก้มหน้าลงไป
    ได้รับจุมพิตบนปลายจมูกเร็วๆ หนึ่งครั้ง

    แจ็คยักไหล่ รู้สึกเหมือนคนตัวลอย
    ต้องเก๊กขรึมไว้ หันไปถ่ายภาพต้นไม้แก้เก้อ

    .
    .

    “นี่ง่วงแล้วหรืออะไร...”

    ถามคนคอตกลงมาซบไหล่
    ใช้นิ้วเกลี่ยมุมปากเปื้อนฟองเบียร์เบาๆ

    คนถูกถามสั่นหัวดิ๊ก “อยากซบเฉยๆ”

    แจ็คทำเสียงรับรู้ในลำคอ
    ลอบยิ้มขณะยกเบียร์ของตนขึ้นจิบ

    คนขอซบโงหัวขึ้นมากระซิบบางอย่าง
    ฟังไม่ชัด ต้องก้มต่ำลงแทบติดเคาน์เตอร์

    มือเล็กแตะสันกรามคม ล็อคคางเขาไว้
    เรียวปากอุ่นนุ่มคลอเคลียซอกคอคนแก่กว่า

    บาร์เทนเดอร์หรือลูกค้าอื่นไม่ได้สนใจ
    แต่แจ็คก็ยึกยัก กระซิบ “อดใจหน่อย...”

    ทอมหัวเราะคิกคัก 
    กลับไปซบเฉยๆ ตามเดิม
    งึมงำคำพูดแซวเบาๆ

    “พ่อสุภาพบุรุษ...พ่อคนดี”
    “...”

    ไม่หรอก
    ถ้าป๊าเป็นคนดีพอ...

    เรื่องบางเรื่อง, คงไม่เกิด

    “กลับห้องกันเถอะ” เอ่ย, หลังมองนาฬิกา
    ทอมแกล้งดุ “อดใจหน่อย”
    แจ็คไม่รับมุก “นอนดึกพรุ่งนี้ถ่ายภาพออกมาไม่หล่อนะครับ”
    “น้องขอฟังอีกเพลงนึง...นะ” 

    ส่งสายตาอ้อน ปลายนิ้วไต่หน้าขาแกร่ง
    แล้วก็ถูกเจ้าตัวคว้ามือ ห้ามไว้

    “พิธีแปดโมงเช้า...เดี๋ยวตื่นไม่ทันรถไฟ”

    ทอมหน้ายู่ แต่ไม่ยื้ออีกต่อไป
    ปล่อยมือใหญ่ลากจูงออกจากบาร์

    .
    .

    ไฟในห้องสว่างขึ้นด้วยมือใหญ่
    ก่อนดับลงทันควันด้วยมือเล็ก

    ประตูห้องโรงแรมล็อคตัวเองอัตโนมัติ 
    ลมหายใจของใครสักคนเริ่มติดขัด 
    แต่ทุกอย่างดีขึ้นด้วยรอยจูบ 

    แสงจันทร์รำไรสาดฉายแค่พอให้เห็นเงาสองเงาโอบกอดกันด้วยความรัก กลีบปากสองคู่ไม่เคยโหยหากันเท่าคืนนี้ ความปรารถนาไม่เคยลุกไหม้รุนแรงโรจน์วาวเท่าตอนนี้ 

    “...”

    แจ็ค ลาวเดนทิ้งตัวลงนั่งปลายเตียง
    ร่างผอมบางคล้อยลงคร่อมหน้าตัก

    สองมือสอดประสาน
    นิ้วยาวสัมผัสความเย็นโลหะ

    แหวนเงินที่นิ้วก้อยขวา

    เขาค่อยๆ แตะ...ค่อยๆ ถอด
    แต่เจ้าของมือกลับยื้อไว้

    ต้อง...อธิบาย “ยังไงพรุ่งนี้ มันก็จะเป็นแหวนวงอื่น บนนิ้วข้างอื่นอยู่ดี...”

    ทอมจึงยอมให้มันถูกเลื่อนออกไป
    พร้อมไข่มุกเม็ดงามที่ร่วงเผาะ

    มืดมน...แต่อีกคนก็ยังเห็น

    “ร้องไห้ทำไม...”

    ยิ่งเสียงทุ้มทัก 
    และนิ้วเรียวเอื้อมมาเช็ด 
    น้ำตายิ่งไหล 

    ทอมได้แต่หัวเราะตัวเอง

    “แค่...ดีใจ ที่เกิดมาได้เจอคนอย่างป๊า...”
    “คนแก่น่ะเหรอ?” แจ็คแซว
    ปลายนิ้วยังไล้เนียนแก้มชื้นๆ ด้วยรักใคร่

    ทอมเอียงคออย่างถวิลหา
    สัมผัส, จากมือนั้น

    “ป๊าเป็นผู้ชายที่ดีที่สุด...ที่น้องเคยรู้จัก...”

    ริมฝีปากอิ่ม จรดลงข้างใบหู
    กระซิบ...เบายิ่งกว่าลมหายใจ

    ในสิ่งที่แจ็ครู้อยู่แล้ว

    “ถ้างั้น...”

    ถ้าอย่างนั้น...

    “...ป๊าก็มีอะไรจะบอกน้องเหมือนกัน”

    ทอมตั้งใจฟัง
    ระหว่างเลื่อนมือลงไป
    ที่หัวเข็มขัดเจ้าของตัก

    “ป๊าไม่มีวันรักใครนอกจากน้องอีกแล้...”

    ท้ายเสียงกลืนหายไปในรอยจูบ
    อ่อนหวาน แต่ไม่เนิ่นนาน

    เพราะยังต้องการกระซิบถ้อยคำสุดท้าย

    “ทำให้น้องรู้สึกได้มั้ยป๊า...”

    ไม่อยากแค่ฟังผ่านหูไป

    ความรักของป๊า...
    ช่วยตรามันไว้ในตัวน้องที

    .
    .

    ดอกไม้, ดอกไม้, ดอกไม้

    คานาเป้, แชมเปญ, แก้วไวน์
    แขกเหรื่อ, เด็กน้อย, เสียงดนตรี

    ญาติผู้ใหญ่, บาทหลวง, เพื่อนเจ้าบ่าว

    และ...เพื่อนเจ้าบ่าว

    “เพอร์เฟกต์”

    แจ็คพึมพำกับตัวเอง
    จัดดอกไม้ที่อกเสื้ออีกครั้ง

    ลูบสันกรามเกลี้ยงเกลา
    ด้วยความไม่ชิน

    แบร์รี่, หนึ่งในเพื่อนเจ้าบ่าว, ยังแซว

    “อย่าโกนหนวดบ่อยนะ ฆ่าพวกผมตายหมดงี้ไม่ได้ โคตรแย่”
    แจ็คหัวเราะน้อยๆ “เออ เฉพาะวันสำคัญ”
    “น่าจะได้เวลาแล้วแหละ ประจำที่เถอะ ป๊า” 
    “อืม”

    .
    .

    ระฆังกังวานดั่งเสียงสวรรค์

    แขกเหรื่อในงานลุกขึ้นยืนพร้อมเพรียงกัน
    ท่วงทำนองแผ่วหวานเริ่มล่องลอยในอากาศ
    พร้อมการมาของเจ้าบ่าวในชุดสูทสีขาว

    เคียงเด็กหญิงตัวน้อยในชุดระบายฟูฟ่อง
    ผู้ถือช่อดอกทานตะวันแสนสวย

    ในตอนนั้น, ประกายแดดอ่อนโยนยามเช้า
    สาดไล้เรือนผมสีบลอนด์ด้วยความเอ็นดู

    งดงาม...สว่างไสว
    ยิ่งกว่าทานตะวันดอกใดในโลก

    “...”

    แจ็คลืมหายใจ ไม่อาจกะพริบตา
    กระทั่งทอมส่งยิ้มอ่อนหวานมาให้

    เพยิดคางน้อยๆ มาแต่ไกล
    แซวเรื่องที่เขาตัดสินใจโกนหนวด

    เข้าใจ...แต่ไม่ได้ยิ้มตอบ
    คงไม่เหมาะ

    ทอมเดินมาถึงตำแหน่งเบื้องขวาของบาทหลวงในที่สุด 

    ท่านพลิกหน้ากระดาษ กล่าวถ้อยคำเริ่มพิธี
    แจ็คนิ่ง มองชุดสูทวิวาห์ที่ทอมไม่ยอมให้ดู
    คับคล้ายคับคลาว่าเป็นตัวที่เขาเลือกให้

    น่าดีใจ
    เพียงแต่...

    “ทอม กลินน์-คาร์นีย์...”

    คนที่ยืนตรงข้ามทอมในพิธี,
    ไม่ใช่เขา

    “คุณจะรับแฮร์รี่ สไตลส์เป็นสามีหรือไม่...”

    ไม่ใช่แจ็ค ลาวเดน

    “คุณสัญญาว่าจะซื่อสัตย์ต่อเขา ทั้งในยามสุขและยามทุกข์ ในยามไข้และยามสบาย จะรักและให้เกียรติเขาชั่วชีวิตของคุณหรือไม่...”

    ได้โปรด,

    อย่ารับคำ
    อย่ารับมือของเขาได้ไหม

    อย่าสาบาน
    อย่าให้คำมั่น
    อย่าใช้ชีวิตกับเขาตลอดไป

    “รับครับ...”

    น้องควรจะเป็นของป๊าไม่ใช่หรือไง

    “และคุณ...แฮร์รี่ สไตลส์ คุณจะรับทอม กลินน์-คาร์นีย์...”

    ทั้งที่เตรียมใจมาแล้ว...ก็ยังสลาย
    ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจ...วันนี้ต้องมาถึง

    จะโทษใคร

    ...

    ‘ป๊าเป็นผู้ชายที่ดีที่สุด...ที่น้องเคยรู้จัก...’

    ‘ถ้างั้น...’ 
    ไม่แต่งกับแฮซได้ไหม?

    ริมฝีปากอิ่ม จรดลงข้างใบหู
    กระซิบ...เบายิ่งกว่าลมหายใจ

    ในสิ่งที่แจ็ครู้อยู่แล้ว

    ‘แต่แฮซไม่ได้ผิดอะไร...ไม่ผิดอะไรเลย’

    ...

    “ป๊า...”
    “...”
    “ป๊าเว้ย”

    เสียงกระซิบดังขึ้น
    หากไม่ได้ผลเท่าศอกกระทุ้ง

    แจ็คมองเจ้าของศอก
    ฟินน์, เพื่อนเจ้าบ่าวอีกคน

    “แหวน”

    มือใหญ่รีบล้วงกระเป๋าเสื้อสูทตน
    คว้ากล่องแหวนกำมะหยี่สีเงินส่งให้แฮร์รี่

    “ตื่นเต้นกว่าลูกอีกเนอะ พ่อเลี้ยง”

    เพื่อนเจ้าบ่าวทั้งสองฝั่งลอบขำกันยกใหญ่
    แต่คนถูกแซวไม่คิดว่าตนจะทนไหวอีกแล้ว

    ...

    พิธีแลกแหวนดำเนินต่อไป
    แม้ใครบางคนไม่อยู่เฝ้าดู

    แหวนวงอื่น...บนนิ้วข้างอื่น

    เจ้าบ่าวทั้งสองจูบกัน
    ท่ามกลางความปิติยินดีของทุกคน

    อาจจะยกเว้น, 
    หนึ่งคน

    “แฮซ ป๊ามึงหายว่ะ” ฟินน์ว่า
    แฮซย่นคิ้ว แต่ไม่ซีเรียส 

    “ไปห้องน้ำมั้ง แค่ทอมจะโยนดอกไม้ ไม่เป็นไร เดี๋ยวตอนถ่ายรูปรวมค่อยหาให้เจอ”

    .
    .

    ‘ยังไงพรุ่งนี้ มันก็จะเป็นแหวนวงอื่น บนนิ้วข้างอื่นอยู่ดี...’

    แหวนแต่งงาน บนนิ้วนางข้างซ้าย

    ทำให้แหวนวงเล็ก, เคยมีที่อยู่บนนิ้วก้อยขวาของคนสองคน, ไม่มีความหมายอะไรอีกต่อไป

    แต่ทำยังไง 
    ก็ทิ้งไม่ลง

    “...”

    แจ็คกำวัตถุเย็นเยียบทั้งสองไว้ในมือที่เปียก

    ล้วงกลับขึ้นมาจากคอห่าน 
    เพราะตัดใจกดชักโครกไม่ได้

    เพราะป๊าไม่ใช่คนดี

    น้องชอบพูดเสมอว่าป๊าเป็นผู้ชายที่ดี
    แต่ถ้าป๊าเป็นคนดีพอ...

    เรื่องบางเรื่อง, คงไม่เกิด

    เรื่องที่ต้องถูกฝังไว้, 
    ลึกสุดใจ ตั้งแต่วันนี้

    เรื่องราวที่ไม่ควรมีใครได้ฟัง
    โดยเฉพาะผู้ชายที่น้องรับ ว่าจะรัก
    และซื่อสัตย์กับเขาไปตลอดชีวิต

    เรื่องของเรา

    “ฮึก...”

    และต่อจากนี้ ในบ้านหลังเดียวกัน
    น้องก็เป็นเหมือนลูกป๊าอีกคน

    แต่ป๊าอยากเก็บแหวนคู่นี้ไว้
    จวบจนวันสุดท้ายของชีวิต

    เพื่อให้น้องรู้, ในสักวัน

    ว่าป๊าไม่มีวันรักใครได้แบบนี้อีกแล้ว

    ไม่อีกแล้ว, 

    จริงๆ

    .
    .

    .

    สิบหกเดือนก่อน



    ‘ป๊าโว้ย ไอ้ป๊า เปิดประตู!’

    ทอมเลิกคิ้ว ‘คุยกับพ่อแบบนี้เลยเหรอ’
    แฮซหัวเราะ ‘ก็สามีใหม่แม่เฉยๆ อะ ยังไม่แก่เลย ตอนแต่งกันเราก็โตละด้วย เหมือนได้พี่ชายมากกว่า...’

    แฮซทุบประตูซ้ำ

    ‘แต่พอแม่เราเสีย เขาก็ดูแลเราเหมือนพ่อนะ คนดีแหละ ก็เคารพอยู่’
    ‘อ๋อ...’

    ทุบอีกครั้ง กดกริ่งอีกรอบ
    คนข้างในถึงมาเปิด

    ‘โทษที ป๊าอาบน้ำอยู่ ไม่ได้ยิน’
    ‘เออ ป๊า วันนี้พาน้องมาด้วย’

    แจ็คส่งยิ้มใจดีให้
    ดูดี ทั้งที่หัวยังเปียก

    ยิ่งลักยิ้มข้างแก้มบุ๋มลงไป
    รอยยิ้มยิ่งดูอ่อนโยนอย่างน่าประหลาด

    จน...ประหม่า

    ‘ท...ทอมฮะ’

    เด็กหนุ่มยิ้ม...สดใส
    ประกอบกับเรือนผมสีบลอนด์
    ที่ต้องประกายแสงอาทิตย์

    ก็ทำให้นึกถึง,
    ทานตะวัน?

    ‘แจ็คนะ แต่เรียกป๊าเหมือนแฮซมันก็ได้’
    ‘ครับ’
    ‘ว่าแต่แฮซ น้องนี่คือน้องจริงๆ หรือน้องที่เป็นแฟน หรืออะไรยังไง ที่ถามนี่ไม่ได้อะไรนะ แต่มันมีน้องมาบ้านเต็มไปหม—‘

    แฮซรีบรุนหลังคนพูดมากเข้าบ้าน 
    ตามด้วยน้อง แล้วจึงปิดประตู

    ‘คนนี้ที่พามาเนี่ย เพื่อจะแจ้งล่วงหน้า ว่า...’
    ‘ว่า...?’

    ‘ถ้าถึงเวลา...ป๊าเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวให้ผมด้วยนะ’










    .
    .

    .



    FIN.


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in