เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
filmtofichoramiji
[SF] SAGAS (Protagoneil)
  • Title: SAGAS
    Fandom: TENET
    Genre: Warm-hearted(?)
    Pairing: Protagonist & Neil

    ***I wrote this to honour the beautiful and unique platonic relationship. For me their bond goes beyond the so-called 'position' culture of slash fanfiction. (But I don't mind if some of you guys would like to read it as a romantic story though, your imagination and thoughts can go beyond writer's will, of course. That's what literature should be :)

    Recommended Playlist :
    1 Always Remember Us This Way - Lady Gaga
    2 Lighthouse - Westlife
    3 What Makes a man - Westlife
    4 Flying Without Wings - Westlife
    5 Safe - Westlife
    6 Leaving - Westlife
    7 Us Againt The World - Westlife
    8 The Lost and Found - Gary Clark & John Carney
    9 I'd Come For You - Nickelback
    10 Far Away - Nickelback 
    (Listen to the playlist via Spotify here)

    .
    .

    .

    "นี่อะไรฮะ"
    "นี่..." นิ่งคิด "...ของขวัญจ้ะ"

    หญิงสาวตอบ รั้งลูกชายลงนั่งบนตัก
    คว้า 'ของขวัญ' ที่ว่า ก่อนมือน้อยเอื้อมถึง

    แก้มของเด็กชายพองลม เธอยิ้ม
    "จากใครฮะ"
    "อืม...เทพผู้พิทักษ์?"
    ยู่หน้าหนักเข้าไปอีก "เทพผู้พิทักษ์ไม่มีจริงสักหน่อย"
    คุณแม่หัวเราะ "งั้น จากเพื่อนแล้วกัน"
    "เพื่อน?"
    "อือฮึ เพื่อนที่คอยปกป้องเราอยู่ห่าง ๆ"
    "ยังไงฮะ?"

    คิ้วสวยเลิกขึ้น "ยังไงอะไรจ๊ะ?"
    "เราจะคุยกับเพื่อนคนนี้ยังไงฮะ"
    "เราไม่คุยกับเขาจ้ะ เราแค่...กดโทร บอกสถานที่กับเวลา แล้วก็วางสาย" 
    "แล้วเขาได้รับข้อความยังไงล่ะฮะ แม่"

    แคทเธอรีนยิ้มบาง 

    "จาก...ระบบบันทึก?"

    .
    .

    .

    ตกดึก, เงียบสงัด
    แสงจันทร์ไม่สาดส่อง

    แมกซ์ย่องเข้าห้องนอนแม่
    ปลดล็อคลิ้นชักเก็บของ

    ด้วยคลิปหนีบกระดาษ
    ง่ายดาย, ของเด็กเล่น

    โทรศัพท์ฝาพับที่เขาเห็นแม่พกพาไปไหนมาไหนประจำแต่ไม่เคยได้ใช้นอนนิ่งอยู่ในนั้น ไม่ต่างจากแคทเธอรีน บาร์ตันผู้ซึ่งหลับสนิท ไร้การเคลื่อนขยับ นอกจากแผ่นอกสะท้านขึ้นลงจากการหายใจ เด็กชายยิ้มเผล่ ยื่นมือไปคว้าโทรศัพท์ เหลือบมองแม่อีกครั้ง, ยังหลับลึก ไม่รู้สึกถึงการรบกวน

    แมกซ์กดโทรออก, 
    ลองกระซิบถ้อยคำลงไป 

    วางโทรศัพท์ ของขวัญ
    คืนไว้ที่เดิม ท่ามกลางของในลิ้นชัก

    ย่องเท้ากลับเตียงนอน

    .
    .

    .

    ชายหนุ่มเสยผมหน้าสีบลอนด์เข้มเปียกปอนปรกลงมาเพราะเหงื่อกลับขึ้นไปเหนือศีรษะ พับแขนเสื้อที่เลื่อนหล่นร่นถอยให้กลับพ้นข้อศอกดังเดิม เขากำลังเก็บของ ย้ายออกจากบ้านหลังนี้ เพราะได้งานในหน่วยสืบราชการลับอังกฤษ ทีแรกแมกซ์บอกแม่ว่าได้ทุนเรียนต่อป.โท แต่แม่ไม่ใช่ผู้หญิงที่ไม่รู้จักลูกชายตัวเอง แม่รู้จนได้นั่นแหละว่าเขาได้งานที่เอ็มไอซิกซ์ 

    แล้วก็ไม่ได้ว่าอะไรอย่างที่กังวลด้วย
    เขาโตแล้ว ไม่ใช่ไข่ในหินของเธอ

    ของในกล่องปิดผนึกถูกรื้อ
    ความทรงจำวัยเด็กถูกขุดคุ้ย

    "แม่ครับ นี่ใช่ไอ้เครื่องนั้นรึเปล่า?" 
    สำเนียงอังกฤษของแมกซ์ตกทอดจากแคท

    คุณแม่ยังสวยจิบชา พลิกหน้านิตยสาร "ไอ้เครื่องที่ลูกแอบย่องเข้ามาสะเดาะกลอนลิ้นชักเอาไปเล่นตอนเด็ก ๆ น่ะเหรอ ใช่สิจ๊ะ"

    แมกซ์ยักไหล่ มือปัดฝุ่นโทรศัพท์ ยิ้มแหย
    ความฉลาดก็เป็นมรดกตกทอดจากแม่เช่นกัน 

    ได้แต่เปิดปิดฝาโทรศัพท์เล่น, 
    มันใช้การไม่ได้แล้ว

    แวบหนึ่ง,
    นัยน์ตาสีฟ้าพร่างพราวเป็นประกาย

    "ผมจะตามหา 'เพื่อน' คนนี้ของเราได้ที่ไหนอะครับแม่"

    คราวนี้, แคทเงยหน้าขึ้นมองเจ้าลูกชายหัวแก้วหัวแหวน
    เนตรสวยสีเดียวกับแมกซ์ไหวระริก, เพียงวูบหนึ่ง

    เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในอดีต, ที่ตัวเธอเพิ่งรอดตาย
    แต่ต้องมานั่งฟังใครบางคนอธิบายกฎฟิสิกส์, ทุกข้อ

    "บางทีลูกควรจะเรียนต่อป.โทอย่างที่เคยบอกแม่เอาไว้นะ"

    .
    .

    .

    ในการปฏิบัติภารกิจ, 
    ชื่อรหัสของเขาคือ นีล

    ย่างเข้าปีที่สองของการเป็นสายลับภาคสนาม เขาก็ได้ประสบพบเหตุการณ์แปลกประหลาดอันยากจะหาคำอธิบาย กระสุนเดือดระอุพุ่งเฉียดใบหูเขาไปเส้นยาแดงผ่าสิบหก, ย้อนกลับเข้าปลายกระบอกปืนของสายลับไม่ทราบฝ่าย  หักล้างกฎฟิสิกส์ทุกข้อที่เขาเชี่ยวชาญแถมรับประกันได้ด้วยประกาศนียบัตรปริญญาโท

    ไม่ได้เอ่ยเรื่องนี้กับใคร
    กลัวทีมหาว่าเป็นบ้า

    แต่ลึกๆ ในใจรู้ดี, 
    ของจริงแน่นอนสิ่งที่เขาเห็น, 

    ประสบการณ์ประหลาดนั่น
    มันเกิดขึ้นจริง

    "เฮ้ย" เพื่อนร่วมงานกระทุ้งเขาด้วยศอก
    นีลรีบปลดรหัสล็อคของกลอนอิเล็กทรอนิกส์ตรงหน้า

    ประตูเปิดอ้า, คนข้างตัวล้มลงฉับพลัน
    ด้วยกระสุนที่นีลสาบานได้ว่ามันวิ่งกลับทาง

    แบบเดียวกันเคยเห็นมันมาก่อน!

    นีลทรุดเข่าลงประคองร่างเพื่อนในทีมเอาไว้ไม่ให้ศีรษะกระแทกพื้น เจ้าตัวสวมเสื้อเกราะกันกระสุนเกรดพรีเมี่ยม แต่โลหิตสีคล้ำกลับกระชากตัวออกจากบาดแผลตรงช่องทองไม่หยุด มือกร้านที่กุมแผลสาหัสของตนไว้ร่วงลงตามแรงโน้มถ่วงรวดเร็ว, เกินไป  นีลจับชีพจรที่คออีกฝ่ายโดยพลัน

    ตายแล้ว

    ไม่มีเวลาให้ประมวลผลหรือวิเคราะห์อะไรทั้งนั้น

    กลุ่มคนในชุดปฏิบัติการทางทหารสีเข้มกรูกันออกจากประตูที่นีลเพิ่งเปิด พวกเขาเคลื่อนไหวสวนทางกับนีล, กับโลกรอบตัวของนีล,

    ไม่ใช่ในเชิงสถานที่, แต่เป็นเวลา

     "! า ร เ า บ กั า ม ! ว ล้ แ ย า ต า ข เ "

    นีลแน่ใจว่าคนที่กระชากแขนเขาพูดภาษาอังกฤษ
    แต่โสตประสาทกลับแปลความหมายไม่ออกในทันที

    เหมือนหมอนั่นพูดกลับหลัง...?

    กองกำลังไม่ทราบฝ่ายในชุดลายพรางกำลังเคลื่อนพลตรงมายังประตู นีลได้แต่วิ่งหนีด้วยความเร็วสูงสุดเท่าที่เคยทำสถิติได้ในสมัยเป็นเจ้าหน้าที่ฝึกหัด เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขารู้สึกว่าตัวเองไม่รู้จะทำอะไร ได้แต่ใช้สัญชาตญาณการเอาตัวรอด กองทัพในชุดลายพรางแบบเดียวกันตีขนาบเข้ามาจากอีกฝั่ง

    ฝั่งด้านหลัง, 
    ถอยหลัง เหมือนกับอีกฝ่ายที่เพิ่งหนีตายออกมา

    กระบวนการคิดของนีลไหลย้อนกลับ

    กระสุนไม่ได้พุ่งออกมาจากกองกำลังจากในประตู
    พวกที่ตีโอบจากด้านหลังต่างหากยิงเพื่อนเขา!

    "เฮ้!"

    เพราะมัวแต่คิด, 
    นีลถูกหมัดถอยหลังเสยปลายคาง

    ชายสวมหมวกเบเร่ต์สบถ 
    วิ่งกลับมาซัดด้ามปืนใส่คนที่ต่อยหนุ่มผมบลอนด์

    หิ้วร่างไร้สติของสายลับอังกฤษขึ้นบ่า

    "ให้ตายสิ"

    เป็นเสียงสุดท้ายที่นีลได้ยิน

    .
    .

    .

    เทเน็ทยังอยู่ในช่วงเริ่มก่อตั้ง

    ทีมของไอฟส์พลาดท่าเพราะปฏิบัติการของพวกเขายังมีช่องโหว่ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาต้องรับมือการโจมตีโดยโอบล้อมด้านเวลาจากศัตรู แต่ลูกน้องของเขายังใหม่กับเรื่องนี้มากและต้องฝึกกันอีกเยอะ พวกมันวางกับดักและ "ทีมย้อนกลับ" ของพวกเขาก็ถูกขังอยู่ในห้องปิดตายที่ล็อคจากด้านนอก

    กระทั่งเวลาของพวกเขาซ้อนทับกับโลกของนีล

    เจ้าเด็กนั่นเปิดประตูช่วยทีมของเขาออกมาได้ฉิวเฉียด
    และเป็นคนแรกที่ดูจะเข้าใจสถานการณ์นี้เร็วกว่าใคร

    นีลถูก 'เกณฑ์' เข้าร่วมสงครามเย็นนี้ทันที
    โดยไม่ต้องผ่านการทดสอบ

    ไอฟส์ไม่ติดใจสงสัยในความสามารถของเจ้าเด็กใหม่นี่ นีลช่วยทีมของเขาไว้แม้จะเป็นเรื่องไม่ตั้งใจ และเข้าใจกฎทุกอย่างของโลกที่สวนทางกับโลกเดิมของตนจากการฟังคำอธิบายเพียงครั้งเดียว แต่มันเป็นเรื่องแปลกจริง ๆ ในเมื่อไม่มีใครเคยได้เข้าร่วมโดยไม่ผ่านชุดการทดสอบหฤโหดที่หัวหน้าองค์กรกำหนดไว้เลยสักคน

    ช่างเถอะ มันไม่ใช่เรื่องของเขา

    ตอนนี้หน้าที่ของไอฟส์คือฝึกทักษะภาคสนามเบื้องต้นให้เจ้าเด็กนี่ตามคำสั่ง

    "สรุปว่า 'เทเน็ท' นี่มันองค์กรอะไรกันแน่นะ?"

    ไอฟส์กลอกตา "ไม่ใช่หน้าที่ฉันจะต้องมาสาธยายให้นายฟัง"
    "งั้นหน้าที่ของนายคืออะไรล่ะ?" นีลยักคิ้ว
    "ที่ไหน คือคำถามที่ถูก และบนสนามรบ คือคำตอบ เข้าใจ?"
    นีลเอียงคอ "นายหมายถึง ฝึกทักษะการต่อสู้ การใช้อาวุธ กลยุทธ์การโจมตี อะไรเทือกนั้น? ฉันผ่านมาหมดแล้วด้วยคะแนนสอบเป็นอันดับหนึ่งของรุ่นที่เอ็มไอซิกซ์" 

    ไอฟส์ยกยิ้ม "พนันว่าไม่ใช่แบบถอยหลังกลับ"

    นีลเหวอไปเสี้ยววิหนึ่ง, เออว่ะ ลืมคิด
    หน้ากากช่วยหายใจปะทะใบหน้าหล่อโดยแรง

    มือเรียวคว้าจับมันไว้ให้ประกบติดจมูกตัวเองแทบไม่ทัน

    ไอ้บ้านี่


    "เริ่มจากฝึกหายใจก่อนดีไหม แล้วเราค่อยมาประเมินกันว่านายจะเรียนรู้งานภาคสนามในโลกสวนทางได้ไวอย่างที่คุยรึเปล่า เด็กใหม่"

    .
    .

    .

    "ไอฟส์ ตกลงใครเป็นบอสที่นี่วะ?"

    ไอฟส์ยักไหล่ "เขาก็ปะปนอยู่กับพวกเรานี่ละ"

    เป็นคำตอบที่ไม่ตอบจะดีกว่าเยอะ

    ผ่านไปหลายสัปดาห์ นีลได้รับเชิญเข้าพบเจ้าหน้าที่ระดับสูงเป็นครั้งแรก เพราะความสามารถภาคสนามอันโดดเด่นจนไอฟส์ให้ผ่าน ทั้งความรู้ทางวิชาการที่ถูกนำมาคิดย้อนกลับและช่วยเสริมสร้างความเข้าใจให้คนอื่น ๆ ในกองทัพได้มากขึ้น หัวหน้าฝ่ายยุทธวิธีต้อนรับเขาด้วยวอดก้าโทนิค

    ขณะที่ตัวเองดื่ม...ไดเอทโค้ก ?

    เขาเห็นว่านีลจ้องกระป๋องโลหะสีแดง
    ยิ้ม "ฉันไม่ดื่มระหว่างทำงาน"

    นีลยกวอดก้าโทนิคขึ้นซดรวดเดียวค่อนแก้ว ตั้งแต่มาที่นี่เขาไม่เคยได้รับอนุญาตให้ดื่มแอลกอฮอล์เลย ถือเป็นเรื่องน่าปลาบปลื้มดีใจเหลือเกิน, ได้ลิ้มรสเครื่องดื่มที่โปรดปรานอีกครั้ง

    "โคตรนับถือใจเลย ผมต้องดื่มอย่างน้อยสักแก้วก่อนทำงาน ลดอาการประหม่าน่ะ" นีลเล่าเจื้อยแจ้ว และซดเครื่องดื่มในแก้วอีกครั้งจนหมด คว่ำแก้วพิสูจน์ว่าไม่เหลือแล้วสักหยดด้วยความซุกซน

    "สายลับอย่างเรามีิวิธีรับมือกับความตื่นเต้นก่อนลงสนามต่างกัน" 
    "คุณก็เป็นสายลับมาก่อน?"
    "ซีไอเอ" เขาขยิบตาให้

    จบบทสนทนาสัพเพเหระลงแค่นั้น

    "ฉันเรียกนายมาเพราะต้องการความช่วยเหลือ นีล นายน่าจะเป็นคนฉลาดที่สุดเท่าที่ฉันเคยรู้จัก ฉันอยากให้นายช่วยอุดช่องโหว่ในแผนปฏิบัติการโอบล้อมแบบคีมของฝ่ายเรา"
    "เรื่องนั้นไม่น่ายาก ผมตั้งข้อสังเกตไว้หลายอย่างแล้วเหมือนกัน ว่าแต่เราข้ามตอนที่คุณแนะนำชื่อตัวเองไปหรือเปล่าน่ะ?"

    เขายกยิ้มมุมปาก

    "นีลก็ไม่ใช่ชื่อจริงของนายเหมือนกัน เพราะงั้นมาเข้าเรื่องยุทธวิธีกันดีกว่า..."

    .
    .

    .

    พวกเขาระดมความคิดเพื่อปิดช่องโหว่ทั้งหมด
    ออกแบบทั้งยุทธวิธีและแผนการฝึกซ้อมกำลังพล
    ทดสอบมันในสนามซ้อมรบด้วยกัน

    ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนมันออกมาสมบูรณ์

    นีลหายใจหอบ กดปิดปุ่มนับเวลาถอยหลังก่อนมันจะร้องดัง

    "คิดว่าไง?" ได้แต่หรี่ตาที่อีกฝ่ายดูไม่เหนื่อยสักนิด
    "ฉันว่าเราพร้อมสำหรับปฏิบัติการจริงตามแผนนี้กันแล้ว" ชายผิวดำเอ่ย

    และเขาเฝ้ารอเวลานี้มานานเหลือเกิน

    'เราจะได้ลุยด้วยกัน' 
    'แล้วนายจะได้เห็น ไอ้ปฏิบัติการโอบล้อมแบบคีมเนี่ย'
    'ของใคร?'
    'ของนายไง!'

    นีลพูดผิดไปอย่างเดียวเท่านั้น
    ปฏิบัติการที่ว่านั่น...มันไม่ใช่ของฉัน

    มันเป็นของเรา ต่างหาก, นีล

    .
    .

    .

    "คิดถึงบ้านบ้างไหม?"

    นีลจำไม่ได้เหมือนกันว่าสนิทกับเขาตั้งแต่เมื่อไร
    น่าจะเป็น, ตอนที่อีกฝ่ายถ่ายทอดวิชาให้
    และตอนที่ลุยมาด้วยกันทั้งคิดแผน, ทั้งในสนาม

    เดี๋ยวนะ
    ทำไมเพิ่งนึกได้วะไอ้นีล

    หัวหน้าฝ่ายยุทธวิธีอะไรทำมันทุกหน้าที่ทุกงานทุกฝ่าย

    'ไอฟส์ ตกลงใครเป็นบอสที่นี่วะ?'
    'เขาก็ปะปนอยู่กับพวกเรานี่ละ'


    คนตรงหน้าเขาคือผู้ก่อตั้งเทเน็ท, ไม่ผิดแน่
    นีลไม่ได้พูดอะไรออกไป, เพราะมั่นใจว่าใช่

    สายลับอังกฤษหัวเราะน้อยๆ, ไม่มีปี่มีขลุ่ย

    "กฎคือห้ามคุยเรื่องส่วนตัวไม่ใช่หรือไง"
    เขาอมยิ้ม "ฉันไม่เคยตั้งกฎนั้น อย่างเป็นทางการ แต่ก็ใช่, มันเป็นวัฒนธรรมของที่นี่ไปแล้ว ความไม่รู้หรืออาวุธของเรา สรุปว่าไง แม่นายไม่เป็นห่วงเหรอ หายหน้าไปเฉยๆ เป็นปี ๆ? นายโตมากับแม่นี่ ใช่ไหม เป็นยังไงบ้าง? เธอจะตกใจไหมถ้ารู้ว่านายเข้าร่วมสงครามเย็นนี่?"

    เขาเผลอพรั่งพรูคำถามออกมาทั้งที่ไม่ควร
    แต่อดใจไม่ถามไม่ได้เลยจริง ๆ

    "งั้น..." นีลวางแก้ววอดก้าโทนิคลงกับโต๊ะดังกึก "ถ้าฉันตอบคำถามนายเรื่องนี้ นายจะยอมบอกชื่อจริงของนายกับฉันเป็นการแลกเปลี่ยนไหม?"
    "ไม่"
    "ก็คุ้มที่ได้ลอง" นีลรู้ดีว่าเขาไม่ตอบหรอก

    เพราะมันไม่สำคัญอีกแล้ว

    ในแดนสนธยา พื้นที่ระหว่างสองเส้นเวลาที่เดินสวนกัน, 
    ใครเป็นใครไม่มีความหมายเท่ากับ, หน้าที่ใครคืออะไร 

    ทุกคนเป็นเพียงหนึ่งในฟันเฟืองของกลไก
    คอยปกป้องโลกจากอันตรายที่ 'อาจจะ' เกิด

    นีลเสยผม ถอนหายใจ "ก็นะ พ่อฉันหายตัวไป แม่เลี้ยงฉันให้โตมาในอังกฤษ แล้วแม่ก็ไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดา ถ้าแม่โอเคกับการที่ฉันทำงานให้เอ็มไอซิกซ์ ทำไมเธอจะต้องตกใจถ้าฉันจะอยากกอบกู้โลก"
    "แม่นายเป็นผู้หญิงที่แกร่ง ฉลาดและเด็ดเดี่ยว ไม่แปลกใจเลยที่นายจะได้มันมาจากเธอ"

    นีลเลิกคิ้วสูง 

    "พูดเหมือนรู้จักแม่ฉัน"
    "นายคิดว่าฉันเป็นใคร หืม นีล" เขาหัวเราะ

    เขาไม่ค่อยหัวเราะเท่าไรหรอก
    นอกจากตอนที่นีลเล่นมุกตลก

    "แหงละ นายคงอ่านแฟ้มประวัติฉันมาหมดแล้ว" นีลยักไหล่ ไม่ติดใจ

    เพราะฉันเคยรู้จักเธอจริง ๆ ต่างหาก

    และมันไม่ยากเลยที่จะมองเห็นเธอในตัวของนาย,
    แมกซิมิลเลียน เซเทอร์

    .
    .

    .

    "ทำไมต้องฉัน?"

    ที่ต้องย้อนเวลากลับไป
    นีลไม่อยากทิ้งเขาไว้

    เขาต้องมีนีล

    ใครจะคอยสั่งไดเอทโค้กให้นาย?
    ใครจะคอยตอบคำถามนายเกี่ยวกับกฎฟิสิกส์?
    ครจะคอยอุดช่องโหว่ของแผนให้นาย?
    ใครจะคอยระวังหลังให้นายในสนามรบ?

    นีลรู้ว่ามันไม่ใช่แค่ภารกิจเดี่ยว 
    มันคือการเดินทางอันแสนยาวไกล

    ซึ่งอาจทำให้พวกเขาไม่ได้กลับมาเจอกันอีก

    "เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว ก็คือเกิดขึ้นแล้ว"

    เพราะนีลเคยช่วยเขาไว้แล้วในอดีตของเขา
    ตอนนี้นีลต้องกลับไปช่วยเขาในอนาคตของนีล

    เราต้องรักษาวงจรนี้ไว้เพื่อสมดุลของเวลา

    และเพราะนายเป็นคนเดียวที่สามารถทำทุกอย่างที่นายทำได้,
    คนเดียวที่ฉันไว้ใจ

    "ฉันคิดว่าเราใช้ประโยชน์จากการย้อนกลับเอนโทรปี ไม่ใช่การเดินทางข้ามเวลา"
    "เราใช้ทุกอย่างที่ฝ่ายนั้นทำกับเวลาได้ นีล เผื่อนายลืมว่าเรากำลังสู้อยู่กับอนาคต"
    "ก็มีเหตุผล"

    เขาทิ้งน้ำหนักตัวลงที่ปลายเตียง
    ใกล้กับท่อนขาของนีลที่คู้อยู่น้อย ๆ

    "รู้จักทฤษฎีปฏิทรรศน์ของคุณปู่ไหม?"
    "รู้จักสิ" นีลงึมงำ 
    "ใครคนหนึ่งเคยเล่าให้ฉันฟัง โคตรงงเลย แต่ก็ต้องเข้าใจ เพราะตอนนี้เรากำลังเผชิญหน้าความย้อนแย้งนั้น พวกผู้มีอำนาจในอนาคตเชื่อว่าตัวเองสามารถย้อนเวลากลับไปทำลายล้างโลกของคุณปู่ได้ โดยที่รุ่นของตัวเองจะยังได้เกิดมาและใช้ชีวิตต่อไป"
    "แล้วมันได้จริงเหรอ" นีลจ้องตาแป๋วด้วยความสงสัย

    เขาเงียบ "มันไม่สำคัญ...พวกเขาเชื่อแบบนั้น"

    เท่าที่มนุษยชาติทำมาตลอด คือเชื่อในอะไรสักอย่าง
    และพยายามหาทางไปให้ถึงปลายทางความเชื่อนั้น

    ไร้ซึ่งความเชื่อและอุดมการณ์, เราก็แค่คนบ้า
    บางทีสิ่งที่คนรุ่นหลังเชื่อมั่นอาจจะถูกก็ได้

    เราต่างปกปักษ์รักษาโลกในช่วงเวลาของตัวเอง

    "แล้วนายล่ะ คิดยังไง" นีลถาม
    เขายักไหล่ "ไม่คิดแล้ว ปวดหัว นอนได้แล้ว"
    "แต่—"
    "นอนซะ"

    เขาดึงผ้าห่มขึ้นคลุมอกนีล 
    เจ้าตัวไม่มีทางเลือก ขดตัว ข่มตา

    นอนพัก, เผื่อแรงไว้
    สำหรับ 'เวลา' ที่กำลังจะมาถึง

    สำหรับ 'เวลา' ที่นีลจะต้องไปเยือน

    เขาปิดไฟ ยืนมองนีลอยู่ในความมืดอีกพักใหญ่ เรือนผมสีบลอนด์สะท้อนแสงจันทร์ปรายปรกหน้าผากและหมอน, หลับง่ายนัก เหมือนเด็ก, นีลนอนดิ้นเล็กน้อย ผ้าห่มถดตัวลงมาจากไหล่ มือสีน้ำตาลเข้มเอื้อมไปดึงมันกลับขึ้นมาคลุมให้ดังเดิม เจ้าเด็กขยับอีก ผ้าห่มเลื่อนหล่นอีก 

    นีลพลิกตัว 
    ซุกใบหน้าเข้ากับต้นแขนแทนหมอน

    เขาได้แต่ยิ้มกับภาพซ้อนในอดีต
    ท่านอนเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน

    .
    .

    .

    "ดูดีเป็นเจมส์บอนด์เลยนะวันนี้" 

    นีลเอ่ยแซวเขาในชุดสูทสุดหรูดูแพง

    "ก็...ยอมไปร้านตัดสูทที่เซอร์ไมเคิลเคยแนะนำจนได้น่ะ" 

    ความเงียบโรยตัวลงปกคลุมทั้งคู่

    นีลต้องย้อนเวลากลับไป ณ จุดหนึ่ง
    ขณะที่เขาต้องย้อนเวลากลับไปที่อีกจุดหนึ่ง

    "นี่ถึงตอนบอกลาแล้วใช่ไหม"

    ไม่ใช่แค่นีลที่ใจหาย สีหน้าของเขาก็ระบายความรู้สึกบางอย่างออกมาชั่วครู่หนึ่ง ความรู้สึกเล็ก ๆ อย่าง...ความประหลาดใจโดยไม่ประหลาดใจ

    แคท เองก็เคยถามแบบนี้, ครั้งสุดท้ายที่เจอ
    ในอดีตของเขา ในอนาคตของคนตรงหน้า

    "ไม่ใช่สำหรับนายหรอก" เขาเอ่ย คล้ายปลอบโยน

    แต่, ใช่... นี่คือการจากลาสำหรับเขา

    นี่แหละ, จุดสิ้นสุด
    ของมิตรภาพอันแสนงดงามระหว่างทั้งคู่

    มิตรภาพที่ก่อตัวเมื่อหลายปีก่อน, สำหรับเขา 
    และจะจบลงในอนาคตข้างหน้า, สำหรับนีล

    เรายังมีเวลาหลงเหลืออยู่เสมอ, นีล
    แค่อาจไม่ใช่ในแบบที่เราต้องการ

    เขายิ้มน้อย ๆ ให้กับนีล
    เป็นครั้งสุดท้าย, สำหรับเขา

    "และอย่าลืมล่ะ อะไรที่เกิดขึ้นแล้—"
    "ก็คือเกิดขึ้นแล้ว เข้าใจแล้วคร้าบพ่อออ" นีลล้อเลียน

    กลับเป็นเขาที่อึกอัก "แค่...อย่าแสดงอาการมากไปตอนที่นายรู้ความจริงบางอย่างเกี่ยวกับฉันที่นายไม่เคยรู้มาก่อน"
    "อย่างเช่น?"

    เช่น, ฉันเคยหลอกใช้แม่ของนายยังไง
    ทำให้เธอตกอยู่ในอันตราย, เกือบตาย

    แค่...จำไว้ว่าตอนนี้, ที่ไหนสักแห่ง
    เธอยังอยู่และยังคงปลอดภัย

    นายแค่ยังไม่รู้ว่ากว่าจะรอดมาได้ 
    เธอต้องผ่านอะไรมาบ้าง

    "...?"

    ไม่มีคำตอบจากปากของเขา

    "เอาละ ฉันต้องปล่อยนายไปแล้ว"

    เหมือนที่นายเคยขอให้ฉันปล่อยนายไป
    กลับไปติดในวังวนเวลา คอยช่วยฉันจากไกลๆ

    นีลไม่รู้จะพูดอะไรเลย
    เลือกหมุนตัวกลับหลังไปเงียบ ๆ

    ...

    "..."

    "เดี๋ยวก่อน นีล!"
    "...?"

    นีลหันกลับมามองเขา
    ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม, เช่นครั้งนั้น

    รอยยิ้มเจิดจ้า, ก่อนสนธยามาเยือน
    สว่างไสว, สู้แสงอาทิตย์อัสดง

    "ว่า? คิดถึงฉันแล้วเหรอ ยังไม่ทันได้ไปเลย"

    นีลหันไปมองประตูเครื่องจักรย้อนเวลา
    หันกลับมาอีีกที เขาก็เข้ามาประชิดตัว

    คล้องบางสิ่งห้อยไว้ติดกระเป๋าเป้นีล
    เจ้าตัวพยายามชะเง้อข้ามไหล่มามอง

    "อะไรน่ะ? เครื่องราง?"

    เหรียญทองเหลือง ด้ายสีแดง

    "นำโชค" เขาว่า
    "นายเชื่ออะไรพรรค์นี้ด้วยเรอะ? ไอ้เหรียญมีรู กับเชือกสีแดงนี่มันจะช่วยชีวิตฉันได้จริงอะ?"
    "อยากเรียกอะไรก็เรียกไปเถอะ" 
    "แล้วนายเรียกมันว่าอะไร?"

    เส้นด้าย...แทนสายใยคู่ขนานอันล่องหน
    เหรียญ...แทนวงจรหมุนวนไร้จุดจบ

    นี่คือชีวิตของพวกเราสองคน นีล
    หรือ, แมกซ์?

    ฉันเข้าใจมันทั้งหมดแล้วในตอนนี้

    เราผูกพันกันด้วยโชคชะตา
    ไม่ว่าที่ไหน, เมื่อไร

    ณ จุดเริ่มต้น
    ณ จุดสิ้นสุด

    ดั่งเช่นฤดูกาลที่หมุนเวียนเปลี่ยนผัน
    วันเวลาของเราจะมาบรรจบกันอีกครั้ง

    เราจะได้เจอกัน, อีกครั้ง
    เสมอ

    แม้ไม่อาจเคียงบ่าเคียงไหล่ตลอดเวลา
    แต่จะคอยปกป้องกันและกันจากไกล ๆ ตลอดไป

    "เทพผู้พิทักษ์"

    เขาเลือกคำตอบได้ในที่สุด

    ทำเอานีลเบิกตากว้าง


    เทพผู้พิทักษ์...?

    'เพื่อน' ...คนนั้น ?


    "ฉันจะรอนายอยู่ที่จุดสิ้นสุดนะ"


    .
    .

    .


    นีลช่วยชีวิตเขาไว้ที่เคียฟ โอเปร่าเฮาส์
    จากกระสุนย้อนกลับ

    นีลดื่มวอดก้าโทนิคไปหลายแก้ว,
    ลดอาการประหม่าก่อนเจอเขาในอดีต

    .

    นีลโกรธเมื่อได้รับรู้ว่า แม่ถูกพ่อยิง 
    เพราะเขา โกหกเรื่องที่ซ่อนอัลกอริทึ่ม

    'เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว ก็คือเกิดขึ้นแล้ว'
    'แค่...อย่าแสดงอาการมากไปตอนที่นายรู้ความจริงบางอย่างเกี่ยวกับฉันที่นายไม่เคยรู้มาก่อน'

    "ขั้นตอนปฏิบัติงานตามมาตรฐานงั้นเหรอ!?"

    นีลเข้าใจแล้วว่า เขาพูดถึงอะไรในตอนนั้น 
    ทำไมเขาต้องย้ำเตือนซ้ำ ๆ ก่อนนีลผ่านประตู้เข้ามา

    เขาเป็นสายลับ เป็นมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งเหมือนกัน
    ฉกฉวยประโยชน์จากสถานการณ์ เพื่อภารกิจที่ลุล่วง

    แต่อย่างว่า, สิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว ก็คือเกิดขึ้นแล้ว
    นีลรู้ว่าแม่ยังมีชีวิตอยู่ในอนาคตที่เขาจากมา

    แต่นั่นไม่ใช่ข้ออ้างที่จะไม่ทำอะไรเลย
    นีลไม่ได้คิดคำนั้นขึ้นเอง

    นีลได้เห็นและเรียนรู้จากการกระทำของชายคนนี้
    เช่นเดียวกับที่เคยได้เห็นและเรียนรู้มาก่อน

    เขาแสดงความรับผิดชอบอย่างเต็มที่ที่สุด ยืนยันที่จะย้อนเวลากลับไปอีกฝั่งเพื่อรักษาชีวิตแม่ของเขาให้ได้ แม้ว่าตัวเองในตอนนั้นจะยังไม่เคยมีประสบการณ์การข้ามฝั่งเวลาอะไรเลยก็ตาม ไม่มีความลังเลแม้สักนิด ไม่ว่าในดวงตาหรือน้ำเสียง

    และด้วยทุกสิ่งทุกอย่าง
    พวกเขาช่วยชีวิตแคทไว้ได้สำเร็จ

    นีลช่วยชีวิตเขาไว้จากการฆ่าตัวเขาเองเช่นกัน

    เหตุการณ์นั้นทำให้นีลตระหนัก,
    เขา คือ "เทพผู้พิทักษ์" ที่แม่บอกจริง ๆ 
    เขา คือ "เพื่อน" ที่ช่วยชีวิตแม่

    เพื่อนผู้ที่ยังคอยปกป้องแม่และนีลอยู่ห่าง ๆ หลังจากนั้น
     
    .

    นีลได้พบ "เพื่อน" คนนั้นที่เขาเคยอยากเจอเมื่อตอนเด็กแล้ว และโดยไม่รุู้ตัว นีลได้เรียนรู้ ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับเพื่อนคนนี้มาตลอดหลายปี เขาแค่เพิ่งมารู้ความจริงเอาตอนนี้

    โชคชะตาเล่นตลกเสมอ,
    ฉีกทึ้งความจริงให้กระจัดกระจาย
    กลายเป็นปริศนาซับซ้อน

    โปรยเศษขนมปังไว้ทั่วกาลเวลา
    รอให้นีลเจอร่องรอย เดินตามและค้นพบ

    "นโยบายคือหยุดมัน"
    "นโยบายใคร?" เขาในอดีตถามงง ๆ

    นีลยิ้มร่า ยื่นมือไปจับ

    "ของเราไง เพื่อน !"

    .
    .

    .

    ปฏิบัติการที่สตัล์คส์-12

    นีลออกนอกแผน เพื่อช่วยชีวิตเขา
    เพื่อให้เขามีชีวิตรอดมาก่อตั้งเทเน็ท

    เพื่อมิตรภาพอันงดงามลึกลักซับซ้อนที่ชะตาวาดไว้
    เพื่อเทพผู้พิทักษ์ที่คอยปกป้องแม่และเขาในตอนเด็ก

    โชคชะตา, หรือ, ความเป็นจริง
    ก็ไม่สำคัญ

    ในเมื่อมันถูกขีดเขียนขึ้นอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว
    แบบนี้แหละ, ดีที่สุดแล้ว

    .
    .

    วันเดียวกัน,
    หลังบอกลานีลที่หน้าประตูเครื่องจักร 

    เขาย้อนเวลาไปช่วยแคทกับแมกซ์จากแผนลอบสังหารของปรียา
    ตามสัญญาที่ให้ไว้กับแคท, เธอและลุูกต้องปลอดภัย

    คืนต่อมา,

    เขาได้รับข้อความจากระบบบันทึก,
    ส่งสัญญาณจากโทรศัพท์ที่ให้แคทไว้อีกครั้ง

    ใจหล่นวูบ, 
    คิดว่าปรียาฝากฝังให้คนสานต่อแผนกำจัดแม่ลูก

    แต่เปล่า, ข้อความนั้นไม่ได้บอกสถานที่
    หรือเวลา

    ข้อความนั้น, เรียกน้ำใสให้คลอนัยน์ตาเขา

    "ไม่มีอันตรายจะแจ้งหรอกฮะ แค่อยากขอบคุณคำโต ๆ..."

    .
    .

    ตกดึก, เงียบสงัด
    แสงจันทร์ไม่สาดส่อง

    แมกซ์ย่องเข้าห้องนอนแม่
    ปลดล็อคลิ้นชักเก็บของ

    ด้วยคลิปหนีบกระดาษง่ายดาย, 
    ของเด็กเล่น

    โทรศัพท์ฝาพับที่เขาเห็นแม่พกพาไปไหนมาไหนประจำแต่ไม่เคยได้ใช้นอนนิ่งอยู่ในนั้น ไม่ต่างจากแคทเธอรีน บาร์ตันผู้ซึ่งหลับสนิท ไร้การเคลื่อนขยับ นอกจากแผ่นอกสะท้านขึ้นลงจากการหายใจ เด็กชายยิ้มเผล่ ยื่นมือไปคว้าโทรศัพท์ เหลือบมองแม่อีกครั้ง, ยังหลับลึก ไม่รู้สึกถึงการรบกวน

    แมกซ์กดโทรออก, 
    ลองกระซิบถ้อยคำลงไป 

    'ไม่มีอันตรายจะแจ้งหรอกฮะ แค่อยากขอบคุณคำโต ๆ  ขอบคุณสำหรับทุกอย่างเลย และผมหวังว่าวันหนึ่งเราจะได้พบกันนะฮะ คุณเพื่อน"

    .
    .

    "...ขอบคุณสำหรับทุกอย่างเลย และผมหวังว่าวันหนึ่งเราจะได้พบกันนะฮะ คุณเพื่อน"

    ปลายนิ้วกร้านปาดน้ำใสจากนัยน์ตาแดงก่ำข้างขวาออกเงียบ ๆ

    เราได้เจอกันแล้ว

    หลายปีก่อนสำหรับฉัน
    อีกหลายครั้งสำหรับนาย

    .

    โชคชะตา หรือ ความเป็นจริง
    บางทีมันคงไม่สำคัญอะไร

    เพราะเราจะได้พบกันอีกครั้ง
    อีกครั้ง, อีกครั้ง และอีกครั้ง

    ดั่งนิทานวีรชนผจญภัย,

    ที่จะถูกเล่าขานต่อไปไม่มีวันจบ.

    ___


    (NEVER) END.
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
:฿lackcatt. (@pitpeachaa)
น้ำตาไหลตั้งแต่เปิดเรื่องเลยพี่โฮส คือแบบ ,______, เกินบรรยาย อ่านไปแล้วก็หน่วงในใจ เหมือนเดิมเลยฟิคของพี่ ไม่กล้ากลืนน้ำลายเลย ขมไปหมด หวานขม รู้จุดจบดีอยู่แล้ว แต่ระหว่างทางที่พี่เขียนเติมเต็มคือนะ... แงงงงงงงงง หนูแบบรู้ทั้งรู้ ฟิคพี่โฮสเป็นแบบนี้เสมอ แต่ก็รอฟิคของพี่มาตลอดตั้งแต่หน้งเริ่มฉาย เจ็บปวดที่งดงามจริง ๆ ฮะ //ฮ้องไห่เปนซายรุ้ง ???????