หนึ่งในเรื่องที่เรากำลังสนใจเกี่ยวกับไต้หวันช่วงนี้คือเรื่องการผลักดันร่างกฎหมายการแต่งงานของคนเพศเดียวกัน ซึ่งถ้าหากกฎหมายฉบับนี้ผ่านร่างรัฐสภาแล้ว ‘ไต้หวัน’ ก็จะถือเป็นประเทศแรกในเอเชียที่คนเพศเดียวกันสามารถสมรสกันได้โดยถูกต้องตามกฎหมาย :)
เนื่องจากประมาณกลางเดือนตุลาคมที่ผ่านมา มีข่าวเกี่ยวกับการฆ่าตัวตายของศาสตราจารย์ชาวฝรั่งเศสคนนึง เพราะเขาไม่สามารถเซ็นยินยอมให้การรักษาทางการแพทย์แก่ชายคนรักชาวไต้หวันที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งจนสุดท้ายเขาต้องเสียชีวิต อีกทั้งหลังจากนั้น เขาก็มารู้ว่าตัวเองไม่มีสิทธิถือครองที่พักที่ทั้งคู่อาศัยอยู่ด้วยกัน เหตุการณ์ครั้งนี้ ทำให้มีการตื่นตัวเรื่องสิทธิสวัสดิการ และการแต่งงานของคนของเพศเดียวกันมากขึ้น ทำให้ในเดือนเดียวกัน มีกิจกรรมและแคมเปญรณรงค์ต่างๆ ภายใต้ชื่อ #愛最大 หรือ #Loveisking จากกลุ่มศิลปินและบุคคลต่างๆ ออกมามากมาย รวมไปถึงกิจกรรมการเคลื่อนไหวและเดินขบวนพาเหรดของกลุ่ม LGBT ในเดือนเดียวกันเมื่อเย็นวันศุกร์ที่ผ่านมา เรากับเพื่อนคนไต้หวันนัดกันไปเดินซื้อของที่อี้จงไนท์มาร์เก็ต ที่ถือเป็นไนท์มาร์เก็ตใหญ่อันดับสองของเมืองไถจง ทำให้สุดสัปดาห์แบบนี้จากคนที่พลุกพล่านอยู่แล้ว ก็ยิ่งพลุกพล่านเข้าไปอีกเป็นเท่าตัว แล้วขณะที่กำลังจะข้ามถนน เราก็หันไปเห็นกลุ่มผู้ชาย 5-6 คน ยืนถือป้ายและโบกธงสีสายรุ้งเล็กๆ อยู่ตัวหัวมุมถนน พร้อมกับแจกสติกเกอร์ให้กับคนที่เดินผ่านไปมา เราข้ามถนนไปเอี้ยวมองตามไป จนเพื่อนที่มาด้วยกันอธิบายขึ้นมาว่า เพราะช่วงนี้ไต้หวันกำลังผลักดันกฎหมายการแต่งงานสำหรับคนเพศเดียวกัน บวกกับวันพรุ่งนี้เป็นวันสิทธิมนุษยชนโลก และจะมีการจัดกิจกรรมประจำปีครั้งใหญ่ของกลุ่ม LGBT ที่จังหวัดไทเป ก่อนจะถามเราด้วยประโยคที่ว่า
“อยากไปบอกเขาว่า‘สู้ๆ’ ไหม”
“ไป”
เราตอบก่อนจะพากันวิ่งกลับไปที่เดิมให้ทันไฟเขียวสามวินาทีสุดท้าย แล้วไปบอกเขาพร้อมทำท่ากำหมัดสู้ๆ ว่า “เจียโหยว!” ก่อนจะได้รับสติ๊กเกอร์สีสายรุ้งพร้อมกับรอยยิ้มและคำขอบคุณ ที่ตอนนี้สติ๊กเกอร์ก็ไปแปะอยู่บนจักรยานเราเรียบร้อย 5555
แต่ก็แน่นอนว่าไม่ได้มีแค่คนที่เห็นด้วยกับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ เพราะเพื่อนคนเดิมก็ยังเล่าต่อไปว่า ในโซเชียลมีเดียมีการแชร์แผ่นใบปลิวจากกลุ่มที่ต่อต้านด้วย โดยมีเนื้อหาบางข้อที่บอกว่า
ในความคิดของเราคือ มันเป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีการคัดค้านหรือไม่เห็นด้วย เพื่อถกเถียงไปสู่ทางที่ดีขึ้น แต่เหตุผลที่เขายกมาพูดเราว่ามันทะแม่งๆ ไปหน่อย ก็เลยพยายามคิดว่าใบปลิวที่ได้มาอาจจะเป็นการโฆษณาชวนเชื่อของฝั่งที่สุดโต่งสุดๆ ซึ่งอาจจะเป็นแค่คนส่วนน้อยในส่วนของคนที่ไม่เห็นด้วย
นอกจากการเดินขบวนของฝั่ง LGBT ในเดือนตุลาคมแล้ว ฝั่งของคนที่ไม่เห็นด้วยก็ได้ออกมาเดินขบวนด้วยเช่นกัน ถึงแม้เปรียบเทียบแล้วจำนวนคนที่ไม่เห็นด้วยจะน้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด แต่มันก็เป็นเรื่องดีที่สามารถแสดงจุดยืนของตัวเองได้อย่างเปิดเผย ไม่ว่าในอนาคตกฎหมายฉบับนี้จะผ่านร่างหรือไม่ เราก็ว่าการที่สังคมเปิดโอกาสให้คนมีส่วนร่วมเป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างมาก บางทีอาจจะมากกว่าสิ่งที่เราสร้างมันขึ้นมาอย่างกฎหมายอีกมิซ้ำ
แต่ไม่ว่าจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย เราก็เชื่อว่าทุกๆ ความคิดเห็นควรตั้งอยู่บนพื้นฐานของความรักความเอื้ออาทร และความเคารพต่อกัน โลกยุคใหม่มันไม่ใช่โลกของความเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดแต่มันเป็นโลกของความหลากหลาย แล้วต้องมีการเปิดพื้นที่ให้กับความหลากหลายส่วนนี้ด้วย ไม่เพียงเพื่อให้เขามีพื้นที่ของตัวเอง แต่เป็นการให้เกียรติซึ่งกันและกันในฐานะ ‘คน’คนหนึ่ง เพื่อให้ความสุขและความรักที่เกิดได้เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเราต่อไป
With love and peace :)
___________________________
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in