เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
#พวกพี่ชายของผมเป็นโรคบ้าน้องสาวขั้นรุนแรง #แต่ผมดันเป็นผู้ชายซะนี่ [Yaoi no rate]SolitaryRabbit
#4 ตะวัน
  •          ผมนัดไอวัตมันออกมาคุยงานเรื่องบทของชมรมละคร หลังจากที่ไม่ได้เจอกับมันมาสักพัก ช่วงกลาง ๆ ปีมันก็จะค่อนข้างยุ่งหน่อย จะไม่ว่างมาเจอกันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่ดูเหมือนไอหมอนี่มันจะยุ่งเรื่องอื่นแหะ


             พอเห็นหัวสีเหลือบ ๆ ม่วงอันแสนจะโดดเด่นของอีกฝ่ายโผล่พ้นประตูร้านกาแฟเข้ามา ผมก็พับหน้าจอของโน้ตบุ๊กลงแล้วโบกมือเรียก ไอวัตมองซ้ายขวาแล้วก็สังเกตเห็นผมจึงเดินเข้ามาหาแล้วนั่งลงข้าง ๆ


             "ว่าไง? สบายดี?" คนมาทีหลังออกปากทักทาย


             "เออ ก็ดีเหมือนเดิม แกน่ะแหละโคตรดีเลยล่ะสิ" ทักกลับไปหยอก ๆ แต่เสียงผมมันออกจะจริงจังอยู่ จึงฟังไม่เหมือนล้อเล่นเท่าไหร่ ดีที่รู้จักกันมานาน หมอนี่ก็เลยชินแล้ว และไม่ได้ว่าอะไร กลับกันพอได้ยินผมแซวแบบนั้นแล้วดูเหมือนจะเขินนิด ๆ จนเผลอเอามือเกาแก้มซะด้วย


             "ดีเดออะไรกันล่ะครับคุณพ่อ" พอจัดการท่าทีตัวเองได้ก็พูดเล่นต่อกลับมาทันที อ้อ ที่ว่าคุณพ่อนี่คงจะหมายถึงเรื่องที่ว่าแฟนหมอนี่เป็นน้องรหัสของผมสินะ


             เห็นอีกฝ่ายเล่นมา ผมก็วางมาดเข้มเล็กน้อยและต่อบทกลับ "จะว่าลูกสาวฉันไม่ดีงั้นเหรอไอ้ลูกเขย พูดดี ๆ นะเว้ย"


             ไอ้วัตหัวเราะเสียงดัง อืมยังอยู่ในระดับที่ไม่ได้กวนคนอื่นมากเกินไปน่ะนะ ก่อนคว้ามือถือมาถ่ายแชะเข้าให้ที่หน้าผม


             "เห้ย" ผมอุทานเล็กน้อย อีกฝ่ายจิ้ม ๆ มือถืออยู่สองสามทีก็ยื่นมาให้ดู เป็นภาพผมเมื่อครู่ที่ถูกแต่งด้วยหนวดสองแฉกกับหมวกลุงกำนัล "ค่อดเหมือน!" หมอนั่นว่าทั้งที่ยังหัวเราะไม่หยุด เกลียดความมือไวของหมอนี่ชะมัด


             ผมถอนหายใจแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร ปล่อยให้อีกฝ่ายหัวเราะต่อไปสักพัก แล้วว่าด้วยเสียงสบาย ๆ ที่เนื้อหาฟังดูซีเรียสขึ้นมาอีกระดับ...


             "ไม่คิดเลยว่าจะคบกันจริง ๆ "


             "...นั่นสินะ"


             "พี่กูให้กูระวังมึงแทบตาย สุดท้ายมาเอาน้องรหัสกู..."


             "แบบมึงกูไม่เอาหรอกเว้ย แมนทั้งแท่ง! ไม่รู้พวกพี่มึงสมองมีปัญหาตรงไหนมองเป็นผู้หญิงมาได้20กว่าปี"


             "พ่อกูด้วย...แต่เอาจริง ๆ นะไอ้วัต น้องพีทกู ก็แมนพอ ๆ กันกับกูนั่นแหละ"


             "แต่น้องมึงขาสวย....ไม่สิ ก็ไม่อยากจะพูดแบบนี้หรอกนะ แต่กูว่าน้องมึงจะเอากูมากกว่าหว่ะ..."


             "..."


             เอากับมันสิ ความจริงเป็นแบบนั้นหรอกเหรอ? ผมขมวดคิ้ว แต่ไอเรื่องแบบนี้ผมก็ไม่ค่อยจะสันทัดซะด้วยสิ


             "เอาจริง ๆ นะ กูเห็นมึงชอบผู้หญิงไม่ใช่เหรอ? ไหงโอเคกับแม่งวะ? หรือว่ามึงเป็นไบไม่รู้ตัว?" ผมโยนคำถามที่ แสนหนักหน่วงไปให้ด้วยเสียงสบาย ๆ เช่นเดิม ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงต้องทำเสียงให้มันไม่เข้ากับสถานการณ์แบบนี้ แต่เพราะแบบนั้นบรรยากาศการคุยมันก็เลยไม่แย่ลงเท่าไหร่


             "เปล่า ๆ ไม่ใช่แบบนั้นนั้นหรอก" คนมีแฟนยิ้มให้เจื่อน ๆ "กูว่ามันอยู่ที่ความรู้สึกมากกว่า บทจะรับได้มันก็ได้แหละ แต่ถ้าไม่ได้ยังไงก็คงไม่ได้ แต่ที่สำคัญกูเห็นความพยายามของมัน ความอดทน ความเจ็บปวด และก็ความรู้สึกของมันที่กล้าทำอะไรแบบนั้น พอได้สัมผัสแล้ว กูไม่ได้สงสารมัน กูก็แค่รู้สึกเข้าใจแล้วคิดว่ามันกับกูถ้าตัดเรื่องเพศออกไปแล้วมันก็อยู่กันได้ สามารถชอบมันได้ เท่านั้นเอง..."


             ผมฟังเงียบ ๆ ทั้งเข้าใจทั้งไม่เข้าใจ ความรู้สึกของคนเราช่างซับซ้อนยิ่งกว่าเครื่องจักรใด ๆ แม้ใช้เวลากับมันมากเท่าใด ก็ไม่อาจเข้าใจได้ทั้งหมด แต่จากสิ่งที่มันต้องการสื่อออกมา นั่นก็ทำให้ผมสบายใจได้แล้วว่าคงไม่ปัญหาอะไร สมกับเป็นเด็กนิเทศแหะ


             "แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือขา..."


             "อันนั้นก็ใช่..."


             ผมแซวปิดท้ายไปให้ตัดบทความซึ้งทั้งปวงที่ทำมา


             "บอกตรง ๆ อะนะว่ายังไงก็คงไม่เข้าใจ...แต่ก็ไม่ได้แอนตี้อะไรหรอก แค่รู้สึกแปลก ๆ "


             "เดี๋ยวมึงเจอกับตัวก็เข้าใจเองแหละ"


             "อย่าพูดเป็นลางแบบนั้นสิ..."


             ผมหัวเราะกลบเกลื่อน อันที่จริงก็ไม่อยากจะเจอแบบนั้นเท่าไหร่ ต่อให้คิดว่ารับเรื่องที่ผู้ชายคบกันได้ก็เถอะ แต่ให้คบเองมันก็ยังคิดว่าเป็นเรื่องกระอักกระอ่วนใจอยู่ดี หวังว่าจะไม่เจอจริง ๆ อะนะ…


             หลังจากนั้น เราก็คุยเรื่องบทละครกัน เอาจริง ๆ แล้วมันก็ยังไม่ค่อยลงตัวเท่าไหร่ ไอวัตเองก็บอกว่ามันซ้ำซาก ผมเองก็ไม่ค่อยจะมีไอเดียเหมือนกันช่วงนี้


             "ทำไมไม่ทำเป็นเพลงแบบคราวที่แล้วล่ะ ตอนนั้นคนดูบอกว่าสนุกเยอะเลยนี่?"


             ที่ไอวัตพูดถึงคือละครเพลงที่ทำกันเมื่อปีที่แล้วช่วงก่อนเปิดเทอม เพราะว่าทำเอาไว้เรียกน้องเข้าชมรม แถมยังมีเวลาเตรียมการเยอะ ก็เลยทำซะอลังการงานสร้าง จะว่าเป็นลูกบ้าของเด็กปี2ก็ได้ แต่ที่สำคัญ


             "กูแต่งเพลงไม่เป็นนะเว้ย ตอนนั้นมีพี่ปี4ช่วย เลยทำออกมาแบบนั้นได้หรอก แต่พี่เขาก็จบไปแล้วจะให้กลับมาช่วยก็เกรงใจใช่ไหมล่ะ?"


             ไอ้วัตขมวดคิ้วบ้าง มันเป็นคนประเภทไม่ค่อยเกรงใจใคร แค่ไม่ยุมาว่า 'จะแคร์ทำไม โทรไปโลด พี่แกยอมช่วยอยู่แล้ว' ก็ถือว่าไม่แย่แล้ว


             แต่เดิมทีหมอนี่ก็ร้องเพลงเก่งอยู่ด้วย ถ้าหากสามารถเขียนบทที่ดึงเอาความสามารถนั้นมาใช้ประโยชน์ได้แบบตอนนั้นอีกครั้งก็คงจะดี แต่ให้ทำมันด้วยตัวเอง คิดยังไงผมก็ว่ามันคงไม่ไหว


             ไอ้วัตแนะนำให้ผมลองไปหาเพลงฟังเป็นเรฟดู แต่ผมว่ามันก็ยังช่วยอะไรไม่ได้อยู่ดี ผมได้แต่ตอบไปส่ง ๆ ว่า จะพยายาม จะลองดู จนมันยอมกลับไป


             ผมเปิดโน้ตบุ๊กขึ้นมาอีกครั้ง ต่อไวไฟเข้าไปดูโน่นนี่สักพักแต่ก็ไม่ได้อะไรดี ๆ จึงเก็บของแล้วลุกออกมาจากร้านกาแฟที่นั่งแช่อยู่นาน


เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in