..........
ตอนที่ 42 : ณ คฤหาสน์ #4
“คอยยิงคุ้มกันให้ด้วย” นอร่าสั่งพร้อมกับคืนปืนไรเฟิลที่เธอฉกมาจากลูกทีมเมื่อครู่
“ครับ” ลูกทีมรับคำ เตรียมท่าเล็งพร้อมในขณะที่นอร่ากำลังไปช่วยเจค ตอนนี้ข้างในไม่มีอะไรอันตรายอีกแล้ว นอร่าสั่งทีมป้องกันทางเข้าและจัดคนไปเสริมกับคนของมอลลี่ที่ด้านข้างคฤหาสน์ ทำให้ทั้งสนามหญ้าเป็นเพียงพื้นที่โล่งมีแต่ซากศพเกลื่อนไปทั่ว
..........
บาดแผลที่ข้อพับกำลังสมานตัวช้าๆในขณะที่วอลเทอร์พยายามจะลุกขึ้น ผมไม่ปล่อยโอกาสนี้หลุดลอยแน่ ผมวิ่งเข้าไปถีบเข้ากลางหลัง มันกลิ้งขลุกไปตามพื้นที่มืดสนิท มีเพียงแสงสว่างจากแท่งไฟรอบๆ ที่ชาวบ้านจุดกันพวกกลายพันธุ์และจากกองเพลิงที่ยังคงลุกไหม้อยู่ทั่วอาคารที่ส่องเข้ามาพอให้เห็นว่าอะไรเป็นอะไร
ผมง้างมีดขึ้นหมายแทงปลิดชีพก่อนทิ้งตัวลงพร้อมกับใส่แรงกดด้ามมีดแทงลงไป แต่เจ้าวอลเทอร์ที่นอนแผ่อยู่กับพื้นใช้ฝ่ามือประกบใบมีดได้ ผมต้านแรงกันมันอย่างสุดกำลัง มีดในมือสั่นไปมาแต่ด้วยฤทธิ์ยาของมันทำให้ผมเสียเปรียบในที่สุด
วอลเทอร์ออกแรงมากขึ้น แทงกลับขึ้นมา ด้ามจับกระแทกเข้าใส่ใบหน้า ผมผงะถอยหลังเผลอปล่อยมือออกจากมีด เอามือกุมจมูกที่โดนเข้าเต็มๆ ดีที่ไม่หักแต่เหมือนเลือดจะไหลออกมาไม่น้อย
วอลเทอร์ลุกขึ้น บาดแผลที่ข้อพับคงหายแล้ว มันยกมีดยาวของผมขึ้นตั้งท่าจะพุ่งเข้าใส่ ปัง ! เสียงปืนดังขึ้นอีกครั้ง ผมคิดว่าเป็นนอร่าที่ยิงแต่ก็คิดผิดเมื่อเห็นเธอพรวดเข้ามาทางช่องว่างที่วอลเทอร์ถล่ม เธอถีบเข้าที่สีข้างของวอลเทอร์ที่ร้องโอดโอยกุมมือที่โชกเลือดจากการโดนยิ่งเมื่อครู่ ร่างมันกระเด็นไปชนตู้อะไรสักอย่าง แต่ยังไม่ทันที่มันจะร่วงกระแทกพื้น ร่างมันก็อันตรธานหายไปซะแล้ว
อั้ก ! ไม่ทันไรผมรู้สึกเหมือนโดนรถบรรทุกชนเข้าอย่างจัง รู้สึกตัวอีกทีร่างก็กระแทกกับผนังห้องแล้ว เหมือนร่างผมจะจมเข้าไปในเนื้อผนังเล็กน้อยก่อนจะร่วงลงกระแทกกับพื้นห้อง นอร่าที่อยู่ข้างๆ รีบวิ่งเข้าใส่ทันทีที่เห็นเธอยกขาขึ้นเตะ วอลเทอร์ไม่คิดแม้จะหลบ มันพุ่งเข้าไปคว้าข้อเท้า ล็อกไว้ข้างตัว ใช้มือที่เหลืออีกข้างซัดหมัดเข้ากลางลำตัวเธอ
นอร่ากระอักเลือดเมื่อโดน แต่มันยังไม่ยอมปล่อยขาเธอ วอลเทอร์หมุนตัวเหวี่ยงก่อนฟาดร่างนอร่าลงกับโต๊ะรับแขกใกล้ๆ โต๊ะไม้ที่หนาหลายนิ้วแตกหักเป็นสองท่อน ไม่ต้องเป็นเธอผมก็รู้สึกได้ถึงความเจ็บที่เธอได้รับ ต้องทำอะไรสักอย่าง ผมมองหาสิ่งที่น่าจะเป็นอาวุธในความมืดสลัวแต่ก็ไม่พบ จึงหยิบเอาขวดแจกัน ลุกขึ้น เหวี่ยงมันสุดแรงเข้ากลางหัวดัง เพล้ง ! วอลเทอร์หันขวับมาทางผมทันที
“เดี๋ยวก็ถึงตานายเพื่อน” มันว่า หันกลับไปยังร่างนอร่าที่นอนหายใจรวยรินอยู่ท่ามกลางซากโต๊ะ มันโน้มตัวลงหาเธอ ผมออกแรงวิ่งเข้าหาวอลเทอร์ เหวี่ยงหมัดเข้าใส่ มันเบี่ยงตัวหลบ ผมบิดตัวเร่งความเร็วอ้อมมาอยู่ด้านหลัง เตะเข้าที่ข้อพับ มันทรุด ผมเตรียมจะปล่อยอีกหมัด แต่มันก็หายไปอย่างรวดเร็ว ไม่ต้องเดาก็รู้ว่ามันอยู่ที่ไหนเมื่อรู้สึกได้ว่ามีอะไรอยู่ข้างหลัง
มันมาไม้เดียวกับผมเป๊ะ เตะข้อพับ ผมทรุด แต่ด้วยความไวกว่า มันจับหัวผมทุ่มลงกับเก้าอี้ไม้ตรงหน้า ดีที่ผมเอามือขึ้นกันได้ทันไม่งั้นได้น็อกไปแล้วแน่ๆ ผมนอนคุดคู้อยู่กับพื้นด้วยความเจ็บที่แล่นไปทั้งร่าง เห็นเงารางๆ ว่านอร่าเขยิบถอยไปข้างหลังช้าๆ
วอลเทอร์เดินเข้ามาหาผมที่อยู่บนพื้น เตะเข้าช่วงตัว ผมไถลครูดไปกับพื้นห้อง แต่สิ่งที่แปลกไปก็คือผมไถลไปแค่ไม่กี่เมตร ถึงแม้ว่าความแรงของลูกเตะจะยังสัมผัสได้จากความจุก แต่ผมก็พอจะเดาได้ว่ายามันกำลังจะหมดฤทธิ์ในไม่ช้านี้
“นอนนิ่งๆ ตรงนี้แหละเจค ฉันขอไปจัดการตัวขัดจังหวะซะก่อน” มันเดินไปทางนอร่าที่พยายามลุกขึ้นอย่างยากลำบาก วอลเทอร์พุ่งรวดเดียวก็คว้าหมับเข้าที่คอ ยกตัวเธอเหนือพื้น นอร่าตะเกียกตะกายเมื่อเธอเริ่มหายไปไม่ออก
“ฉันไม่สงสัยเลยว่าทำไมเธอถึงถอยมาตั้งหลักตรงนี้” วอลเทอร์เอ่ย สะบัดแขนเคลื่อนร่างนอร่ามาตรงบานหน้าต่างที่เปิดโล่ง
ปัง ! เสียงปืนดังขึ้นจังหวะเดียวกับร่างนอร่าที่เคลื่อนมาพอดี
“นอร่า !” ผมตะโกนเรียกชื่อเธอ วอลเทอร์ปล่อยมือ ร่างเธอร่วงลงกระทบพื้นห้อง
“ไอบ้าเอ๊ย !” ผมสบถ จับขอบตู้ไม้เตี้ยๆลุกขึ้น กึ่งเดินกึ่งคลานไปหานอร่า เจ้าวอลเทอร์ยืนหัวเราะร่าด้วยความสะใจ
“ก็ยิงมันสิวะ !” ผมตะโกนลั่นผ่านคลื่นวิทยุรวม ผมไม่รู้ว่าเจ้าคนที่ยิงมันอยู่คลื่นอะไร เจ้าวอลเทอร์เหมือนเพิ่งนึกได้ว่าตนยังยืนอยู่ตำแหน่งเดิม
แต่ดูจะสายไป กระสุนไรเฟิลสองนัดพุ่งเข้าปะทะร่างมันเต็มๆ วอลเทอร์เซไปตามแรงปืน แต่มันยังยืนได้ ปัง ! กระสุนลั่นตามมาอีกนัด คราวนี้มันพุ่งตัวออกมาจากรัศมียิงทัน ก่อนสะดุดเข้ากับซากข้าวของในห้องรับแขกที่ตกเกลื่อนพื้น
“นอร่า นอร่า” ผมเรียกพลางพยุงตัวเธอขึ้นมาประคองที่ตัก เธอเอามือกุมบาดแผลห้ามเลือด
“ฉันยังไหวน่า เรียกซะอย่างกับฉันตายงั้นแหละ” เธอพูดเสียงค่อย
“กลัวจะไม่มีคนมาเป็นคู่ซ้อมด้วยน่ะสิ” ผมว่า เธอยิ้ม สีหน้าเธออิดโรยเต็มที
“รีบไปจัดการมันสิ ดูเหมือนเจ้าบ้านั่นมันกำลังแย่อยู่นะ” เธอพูด ผมหันไปมองวอลเทอร์ที่นั่งซมอยู่กับพื้น เลือดไหลโชกไปทั้งตัว
“ฝากด้วยล่ะ” นอร่ากล่าว
“ได้อยู่แล้ว” ผมค่อยๆ วางร่างเธอลงกับพื้นช้าๆลุกขึ้นเดินไปหยิบมีดยาวที่ตกอยู่กับพื้น เดินเท้าไปหาเจ้าวอลเทอร์ที่แค่ยืนยังยาก
“ไอ้ที่สะดุดเมื่อกี้ มันทำให้คิดว่ายาแกหมดฤทธิ์นะวอลเทอร์” ผมพูด มันมองมาที่ผมด้วยสายตาดุดันยังไม่ยอมแพ้ง่ายๆ แต่อาการมันก็ไม่ต่างจากผมและนอร่าแม้แต่น้อย
“ก็ไม่อยากจะพูดคำนี้หรอกนะ...” ผมใช้แรงที่ยังเหลืออยู่ พุ่งเข้าใส่ ถีบมันกระเด็นติดกำแพง มันทรุดลงคุกเข่ากับพื้น เหมือนกล้ามเนื้อทั่วร่างมันจะฉีกขาดไปหมดแล้วจากการเร่งขีดจำกัดของร่างกายมากเกินไป ผมพุ่งเข้าไปอีกครั้งพร้อมกับมีดในมือ “...แต่มันหมดเวลาของนายแล้ววอลเทอร์”
ฉึก ! ผมแทงมีดเข้ากลางขั้วหัวใจ ออกแรงจนมิดด้าม ร่างมันกระแทกติดกับกำแพง รู้สึกได้ถึงปลายมีดที่ทะลุเข้าไปในเนื้อกำแพง ผมบิดด้ามมีด อ่อก ! วอลเทอร์กระอักเลือดสายตาจ้องค้างไปข้างหน้าอย่างว่างเปล่า คอพับลง ก่อนจะแน่นิ่งไปในที่สุด
ผมเพิ่งฆ่าเพื่อนสนิทตัวเองไปกับมือ แต่มันก็แค่อดีตเพื่อนเท่านั้น คนที่ทำร้ายเพื่อน คนนั้นย่อมไม่ใช่เพื่อนแต่เป็นศัตรูที่ต้องกำจัดทิ้ง ผมชักมีดออก เลือดสีแดงถูกป้ายเป็นทางบนกำแพงตามร่างของวอลเทอร์ที่ร่วงลงกับพื้น ผมรีบวิ่งกลับมาหานอร่า อุ้มเธอขึ้นอย่างเบามือ
“ตัวฉันหนักขึ้นรึไง?” เธอพูด รู้อยู่ว่าผมไม่มีแรงเหลือแล้ว
“ก็ไม่นี่” ผมพูดทั้งๆ ที่น้ำเสียงบอกถึงความพยายามสุดแรงในการจะอุ้มเธอขึ้นจากพื้น
ผมเรียกแรงอีกเฮือก ก่อนทะยานพาเธอออกจากตัวคฤหาสน์ ตรงไปยังหน่วยที่ดูแลชาวบ้านที่บาดเจ็บอยู่ ค่อยๆ วางนอร่าลงกับพื้น เหล่าลูกทีมรีบมาดูอาการอย่างเร่งด่วน
“ขอบใจมากเจค” เธอกล่าว
“ฉันสิต้องขอบคุณเธอ ไม่ได้เธอฉันคงตายไปแล้ว”ผมว่าตามความจริง
“หัวหน้า ผมขอโทษ” เจ้ามือปืนวิ่งรี่เข้ามาพร้อมคำขอโทษทันที
“ นายทำดีที่สุดแล้วล่ะ” นอร่าว่า เจ้ามือปืนดูใจชื้นขึ้นเป็นกอง คงคิดว่านอร่าจะลงโทษตนแน่ๆ
เหล่าลูกทีมพากันหามนอร่าไปนอนในรถ โดยปรับเบาะให้ราบ ดีที่เธอเป็นพวกพิเศษยังรักษาตัวเองได้ในระดับหนึ่ง แต่เพื่อความแน่ใจ เจ้ามือปืนจึงให้ยาระดับหนึ่งของตนแก่นอร่าเป็นการขอโทษ
“นั่นเสียงอะไรน่ะ เหมือนคลื่นวิทยุอะไรสักอย่าง” นอร่าถามขึ้น ผมเองก็ได้ยิน มันดังขึ้นอยู่หน้ารถ
“มันเป็นเสียงคลื่นวิทยุครับ” ลูกทีมตอบพลางวิ่งมาพร้อมวิทยุในมือ
“ลองปรับสัญญาณใหม่ซิ” นอร่าสั่ง ลูกทีมทำการปรับคลื่นสัญญาณใหม่ ก่อนที่ทั้งหมดจะได้ยินเสียงคนชัดเจนขึ้น
“ได้ยินมั้ย ! นี่อลิซจากทีมสำรวจ ต้องการความช่วยเหลือด่วนที่สุด...” เสียงอลิซดังขึ้นก่อนจะขาดหายไป
“ได้ยินแล้วโปรดตอบด้วย เฮ้ ! ไม่ๆๆ แคล !”
“เราอยู่บนชั้นห้า ! คงยื้อได้อีกไม่นานแล้ว...” เกิดเสียงปืนและเสียงคำรามของพวกกลายพันธุ์มากมายดังออกมาจากวิทยุ ก่อนสัญญาณจะขาดหายไปเหลือเพียงเสียง ซ่า ~ ! ของคลื่นวิทยุ นอร่ามองมาทางผมทันทีเมื่อสิ้นประโยคของอลิซ
“นายไม่ไหวแล้วเจค” เธอว่า
“ยังไงฉันก็ต้องขึ้นไป” ผมตอบ อาการดีขึ้นมาบ้างเล็กน้อยเมื่อได้นอนนิ่งๆ
“ให้พวกเราขึ้นไปด้วยมั้ยครับ”
“พวกนายดูแลชาวบ้านอยู่ข้างล่างเนี่ยแหละ แล้วก็เก็บยาไว้เถอะ มันสำคัญสำหรับพวกนาย”ผมบอกกับลูกทีมที่คิดจะขึ้นไปด้วย
“ฉันขอแค่ปืนพกสักกระบอกก็พอ” ผมว่า ลูกทีมรีบส่งปืนพร้อมแม็กให้ทันที
“โชคดีเจค ฉันคงขึ้นไปด้วยไม่ได้”
“เธอน่ะนอนพักไปเถอะ แค่นี้ไม่เกินมือฉันหรอกน่า” ผมพูด รู้แก่ใจว่ามันเป็นพวกกลายพันธุ์ ต่อกรด้วยไม่ยากหรอก แต่ที่แย่คือร่างกายที่สะบักสะบอมตอนนี้เนี่ยแหละที่พาลจะทำให้ผมรับมือกับพวกมันยากขึ้น
“ไว้เดี๋ยวเจอกัน” ผมพูด โบกมือให้นอร่าและลูกทีมที่อยู่ข้างหลัง ก่อนจะวิ่งไปทางคฤหาสน์อีกครั้งหนึ่งเพื่อช่วยเหลือเหล่าเพื่อนร่วมทางของผม
..........
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in