..........
ตอนที่ 41 : ณ คฤหาสน์ #3
เวลาผ่านไปร่วมชั่วโมงหรืออาจจะมากกว่านั้น ก็ยังไม่สามารถบอกผลการต่อสู้ระหว่างผมกับวอลเทอร์ได้ ถึงแม้ทั้งผมและมันจะสะบักสะบอม หอบกันทั้งคู่ เนื้อตัวก็เต็มไปด้วยรอยช้ำมากมาย
ทั้งผมและวอลเทอร์ต่างมีอาวุธประจำตัวแต่ก็ไม่มีฝ่ายไหนคิดจะใช้ ถ้าใช้ล่ะก็คงมีนองเลือดไม่มันก็ผมแน่ๆ
“ดูนายเหนื่อยๆ นะเจค” วอลเทอร์พูด ทั้งผมและมันยิ่งสู้กันก็ยิ่งเข้าใกล้ตัวอาคารมากขึ้น ดีที่เมื่อกี้ต่างหลบการถล่มของอาคารได้ทัน “ใช่มั้ย?”
ผมตาเบิกโพลงเมื่อประโยคสุดท้ายกับได้ยินชัดอยู่ข้างหลัง บึ้ก ! ตัวผมแอ่นไปด้านหน้าตามแรงกระแทก ผมยันเท้าทันไม่ให้ตัวเองล้มก่อนตีลังกาออกมาจากตำแหน่งที่ยืนอยู่อย่างรวดเร็วเพื่อหลบลูกเตะที่ตามมา
ตอนแรกทั้งผมและวอลเทอร์ต่างก็สู้แลกหมัดกันอย่างไม่คิดชีวิต แต่พอเริ่มหมดแรงก็เริ่มเปลี่ยนวิธีต่อสู้เป็นลอบโจมตีด้วยความเร็วให้อีกฝ่ายไม่ทันได้ตั้งตัวแทน
“เรื่องหลบนายนี่เก่งซะจริงนะเจค” วอลเทอร์ยืนตำแหน่งที่ผมฉากหลบออกเมื่อครู่
..........
“ยาสำรองเราคงไม่พอกับทุกคนครับ” หัวหน้าทีมย่อยวิ่งเข้ามาบอกนอร่าเมื่อมีคนบาดเจ็บมากมายจากลูกหลงก่อนหน้า
“ให้แค่คนที่สาหัสจริงๆ เท่านั้น ใครยังทนได้ให้ทนไปก่อน” นอร่าตอบ มองดูชาวบ้านที่โอดครวญอย่างกระวนกระวาย พยายามคิดหาทางออกกับปัญหาตรงหน้า
“เรียกกำลังเสริมดีมั้ยครับ?” หัวหน้าทีมคนเดิมถามอีก หลังจากไปสั่งการให้พวกช่วยกันปฐมพยาบาลผู้บาดเจ็บเบื้องต้น
“ไม่ นายกับเพื่อนอีกคนพาคนเจ็บสาหัสกลับไปรักษาที่ฐานซะ” นอร่าสั่งการ
“ครับผม” หัวหน้าทีมรับคำสั่ง หันหลังวิ่งไปยังพวกตน เหล่าสมาชิกในทีมต่างช่วยกันขนย้ายคนเจ็บเข้าไปในรถที่พวกตนขับเข้ามาให้ได้มากที่สุด ยังดีที่ฐานของหน่วยจู่โจมไม่ไกลจากหมู่บ้านแห่งนี้มากนัก
“หัวหน้าครับ แล้วกระเป๋านี่...” ลูกทีมคนหนึ่งชูกระเป๋าเหล็กสีเทามันวาวขึ้นให้นอร่าดู
“เอามาให้ฉันนี่” นอร่ารับกระเป๋ามาจากลูกทีม เธอสังเกตว่ากระเป๋าใบนี้ไม่ได้ทำการล็อกหรือตั้งรหัสผ่านอะไรไว้เลยแม้แต่น้อย เธอรีบเปิดทันที ปรากฏหลอดแคปซูลทรงกระบอกบรรจุอยู่ข้างใน มีสารสีฟ้าเรืองแสงสว่างลอยเคว้งอยู่ในหลอด
“ไปพาเด็กเนิร์ดมาหาฉันด่วนเลย” นอร่าสั่งลูกทีมที่เพิ่งจะวางผู้ป่วยไว้ในรถ
เด็กเนิร์ดเป็นคำที่นอร่าใช้เรียกนักวิทยาศาสตร์ประจำทีม ในหน่วยจู่โจมย่อยจะต้องมีคนประเภทนี้อย่างน้อยหนึ่งคน ไว้สังเกตและเก็บตัวอย่างจากพวกกลายพันธุ์เพื่อนำไปทดลองยาต้านไวรัสพวกนี้มีความเชี่ยวชาญเรื่องไวรัสวิทยาและเคมี
“เอานี่ไปตรวจที” นอร่าได้แต่หวังว่ามันจะไม่โดนสับเปลี่ยนไปซะแล้ว
เด็กเนิร์ดประจำทีมรับแคปซูลไปพร้อมกับเตรียมพื้นที่ ก่อนหยิบยกเครื่องมือและอุปกรณ์ต่างๆ ของตนออกมาจากกระเป๋าที่สะพายอยู่ด้านหลัง ถ้าสังเกตล่ะก็เจ้านี่จะเป็นคนที่มีสัมภาระติดตัวมากที่สุดและจะเป็นคนที่ไม่ค่อยจะได้ลุยเท่าไหร่ด้วย เด็กเนิร์ดยุ่งอยู่กับเครื่องไม้เครื่องมือไม่นานก็เงยหน้าขึ้นตอบนอร่าที่เฝ้าดูอยู่ทุกขั้นตอน
“มันเป็นสารกระตุ้นระดับกลาง ไม่ทำให้กลายพันธุ์ ไม่แน่อาจเป็นพวกเนื้อไหม้ที่เราได้จัดการไปก่อนหน้าครับ”เด็กเนิร์ดอธิบาย สีหน้านอร่าเปลี่ยนไปทันทีเมื่อได้ยินคำตอบ เท่ากับว่าแคปซูลโดนเปลี่ยนไปก่อนหน้าแล้วนอร่าไม่พูดอะไรต่อ ยกมือขึ้นจับวิทยุไร้สายตรงหูทันที
“เจค ดูท่าวอลเทอร์มันจะสับเปลี่ยนแคปซูลในกระเป๋าไปแล้ว”นอร่าพูด พลางทำไม้ทำมือให้เจ้าเด็กเนิร์ดเก็บแคปซูลลงไปในกระเป๋าตามเดิม
..........
“แน่ใจนะ” ผมถามย้ำ
“แน่สิ เพิ่งให้คนตรวจสอบเมื่อกี้เอง” เธอตอบกลับ
“เดี๋ยวเค้นคำตอบให้ละกัน” ผมวางสาย
“ดูท่าจะมีเรื่องด่วนนะ” วอลเทอร์ถามเหมือนรู้
“นายสับเปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อไหร่?” ผมถามเจ้าวอลเทอร์หัวเราะร่า
“รู้ตัวช้าซะจริง”
“มันอยู่ไหน?” ผมถาม
“ป่านนี้คงเกือบถึงเคลโอแล้วมั้ง นายคิดว่าฉันโง่รึไง ทำไมฉันจะไม่รู้ว่าพวกนายแห่กันมาทำไม”วอลเทอร์กล่าว
ตอนนี้ผมเริ่มค้านกับความรู้สึกตัวเอง เมื่อภารกิจของหน่วยดันล้มเหลว แต่ภารกิจที่พอลมอบหมายดันสำเร็จ ผมไม่รู้ว่าจะดีใจหรือเสียใจกับเรื่องที่ได้ยินแม้ในใจลึกๆ อยากจะเชื่อพอลก็ตาม แต่ก็ยังสงสัยอยู่ดีว่าที่พอลพูดนั้นจริงหรือไม่
“ไม่ต้องคิดให้ปวดหัวหรอกน่า ไงนายก็ไปไม่ทันอยู่แล้ว” วอลเทอร์พูด
“นั่นสินะ งั้นเรามาจบเรื่องตอนนี้กันดีกว่า” ผมว่า
“ได้เสมอ” วอลเทอร์ฉีกยิ้ม
ผมทะยานเข้าหาทำท่าจะชกใส่ เจ้าวอลเทอร์โน้มตัวเอียงหมายจะหลบ แต่มันเป็นเพียงลูกหลอก ผมบิดข้อเท้าเปลี่ยนทิศมาโผล่ข้างหลังมัน วอลเทอร์ไหวตัวทันรีบหันกลับ แต่ผมก็ซัดหมัดเข้าหน้ามันเต็มๆ จังหวะที่มันหันตัวกลับพอดี ต่อด้วยอีกหมัด วอลเทอร์ทำท่าจะถอย ผมพุ่งเข้าไปคว้าชุดมันเข้าหาตัว ซัดเข้าอีกหมัดกลางอกดัง อั้ก ! มันล้มกระแทกพื้นหญ้าดัง ตุ้บ ! ก่อนรีบตีลังกาลุกขึ้นและฉากหลบไปข้างหลังอย่างรวดเร็ว มองมาที่ผมอย่างเคียดแค้นก่อนพุ่งเข้ามาหาพร้อมกับชักมีดสั้นแบบทหารขึ้นมาด้วย
“นายบอกว่าอยากจบเรื่องนี้เร็วๆ สินะ” วอลเทอร์ตะโกน
ไปบอกมันตอนไหนวะ ผมคิด ชักมีดยาวของตัวเองขึ้นมาบ้าง ผมใช้มีดปัดการฟันของมันได้ทันท่วงที ก่อนรุกกลับด้วยการฟาดแหวกอากาศ วอลเทอร์กระโจนไปข้างหลังเพื่อหลบมีดที่ยาวกว่าของผมซึ่งถือเป็นข้อได้เปรียบที่ผมมี
“นายรู้มั้ยว่าไม้ตายของฉันคืออะไร” อยู่ๆ วอลเทอร์ก็ถามขึ้น ผมเห็นมันล้วงมือเข้าไปในชุด ก่อนจะหยิบเอาหลอดวัคซีนประมาณปากกาเขียนกระดานออกมา ผมเริ่มเดาได้ทันทีว่าของเหลวข้างในมันเป็นยาประเภทใด
วอลเทอร์ปักหลอดวัคซีนดังกล่าวเข้าที่คอก่อนจะกดฉีดสารเข้าสู่ร่างกาย ร่างวอลเทอร์พลันกระตุก ผมไม่รู้หรอกว่ามันจะทำอะไรได้มั่ง แต่ตอนนี้ผมต้องรีบทะยานเข้าใส่หวังจะกำจัดมันแต่เนิ่นๆ
ผมพุ่งเข้าไปพร้อมกับปล่อยหมัด แต่กลับกลายเป็นว่าเจ้าวอลเทอร์ที่ร่างกายยังโงนเงนไปมาพลันหยุดนิ่ง ยกมือขึ้นรับการโจมตีของผมได้โดยที่ไม่มองด้วยซ้ำ
“คราวนี้ของจริงนะเจค” วอลเทอร์แสยะยิ้มอย่างมีชัย ผมพยายามสะบัดมือให้หลุดแต่มันกับจับไว้แน่นก่อนจะใช้มือข้างที่ว่างกระแทกกำปั้นเข้าช่วงตัวผมเต็มแรง
ผมรับรู้ได้ถึงแรงมหาศาลที่เพิ่มพูนขึ้นของวอลเทอร์ ร่างผมกระเด็นไปตามแรงหลายเมตร ฝุ่บ ! ผมยังไม่ทันจะตั้งหลักยันตัวขึ้นก็ได้ยินเสียงลมไหวอยู่ข้างตัว และมันก็ปรากฏกายอยู่ตรงหน้าอีกครั้ง มันยกเข่าขึ้นแทง ผมยกแขนขึ้นกันได้ทันแต่ด้วยแรงที่เพิ่มขึ้นของมันก็ยากจะต้านได้
อั่ก ! หลังผมพุ่งกระแทกเข่าใส่ตัวคฤหาสน์ชั้นล่างอย่างจัง ความเจ็บแล่นไปทั่วร่าง ผมพยายามลุกขึ้นอีกครั้ง ยืนบนซากปรักของชั้นบนที่ร่วงถล่มลงมาจากการซุ่มยิงด้วยจรวด มันหายไปอีกแล้ว คราวนี้ผมเห็นมันพุ่งตรงเข้ามา แต่ก็ตั้งการ์ดรับการโจมตีไม่ทัน เพล้ง ! ร่างผมชนเข้ากับกระจกหน้าต่างบานใหญ่จนแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เข้าไปกลิ้งขลุกๆอยู่บนพื้นพรมข้างในอาคาร ชนข้าวของที่จัดวางเสียหาย
ผมยันตัวลุกขึ้น เห็นวอลเทอร์ยืนอยู่นอกหน้าต่าง มันทุบผนังส่วนหน้าต่างที่ผมพุ่งเข้ามาจนแตกถล่มร่วงกราวลงมาเกิดเป็นช่องทางเข้าขนาดใหญ่
“จะโชว์ว่าแรงเหลือรึไง?” ผมพูด พยายามยืนทรงตัวให้อยู่ การโจมตีสองครั้งล่าสุดของมันทำเอาผมแทบทรุด นี่ขนาดผมไม่ใช่คนธรรมดานะ มันต้องมีจุดอ่อนไม่ก็ผลข้างเคียงมั่งล่ะน่า ผมคิดในใจ จ้องตามันเพื่อดูความเคลื่อนไหวอย่างไม่ละสายตา
“ยังคิดว่าพวกนายจะหยุดเคลโอได้อยู่อีกมั้ยล่ะเจค พวกเรามีวิทยาการที่ก้าวหน้ากว่าอย่างเห็นได้ชัด”วอลเทอร์พูดขึ้น
“ไม่ใช่ว่ามันมีผลข้างเคียงเกิดขึ้นตอนหลังหรอกรึ” ผมพูดออกไป ไม่รู้หรอกว่ามันมีหรือไม่มี เพียงเพื่ออยากดูว่ามันจะมีปฏิกิริยาอย่างไรกับคำพูดของผม
“ฉันว่านายอยู่รอดไม่ทันเห็นผลข้างเคียงของมันหรอกเพื่อน” วอลเทอร์ตอบ
แปลว่ามี ผมคิด อย่างน้อยก็รู้ล่ะว่ามีผลข้างเคียง แต่เป็นอะไรล่ะ ผมจะชนะมันด้วยวิธีไหน ในเมื่อตอนนี้ผมแพ้เห็นๆ
“งั้นนายก็น่าจะรีบๆ จัดการนะ เดี๋ยวมันจะหมดฤทธิ์ซะก่อน เดี๋ยวนายจะเป็นฝ่ายแย่ซะเอง”
“ได้ตามคำขอ” วอลเทอร์พูดเสร็จก็สะบัดโซฟาที่อยู่ใกล้ตัวพุ่งเข้าใส่ ผมใช้มือปัดโซฟาออก แต่โซฟาเป็นเพียงตัวหลอกเท่านั้น ร่างของวอลเทอร์โผล่พรวดขึ้นหลังจากผมปัดโซฟาออกทันที มันจับคอเสื้อผมทุ่มลงกับพื้นห้อง ก่อนเตะซ้ำเข้าที่ชายโครงจนผมไถลครูดไปติดฝาผนังห้องอีกด้าน
เพียงแค่ชันเข่าลุกขึ้นมันก็พุ่งเข้ามาคว้าหมับเข้าที่คอ ยกตัวผมลอยเหนือพื้น ผมเอามือตะเกียกตะกายพยายามแก้มือที่บีบคอผมออก แต่มันแน่นเหลือเกิน
ปัง ! เสียงปืนดังขึ้น ผมรู้สึกได้ถึงของเหลวที่กระเซ็นเปรอะหน้า ซึ่งของเหลวที่ว่าก็คือเลือดเจ้าวอลเทอร์นั่นเอง ดูเหมือนมีใครบางคนกำลังช่วยผมอยู่ เจ้าวอลเทอร์ปล่อยมือผมพร้อมกับร้องคำรามด้วยความเจ็บปวด มันเซไปข้างหลังสองสามก้าว ผมรีบลุกขึ้นจากพื้น
“ดูท่านายต้องการตัวช่วยนะ” เสียงนอร่าดังขึ้นในวิทยุไร้สาย ผมยิ้มรู้สึกดีใจที่ได้ยินเสียงเธออย่างบอกไม่ถูก เจ้าวอลเทอร์หันออกไปมองข้างนอก ดูเหมือนมันจะรู้ว่ากระสุนยิงมาจากทางไหน
“อย่ามัวมองที่อื่นสิเพื่อน” ผมชักมีดยาวขึ้นมา พุ่งเข้าเสียบข้อพับเข่าของมันทีเผลอเมื่อมันไม่ได้สนใจผม มันร้องด้วยความเจ็บปวดก่อนทรุดฮวบลงกับพื้นเมื่อเสียหลัก
ผมรู้สึกใจชื้นขึ้นมาเหมือนมีทางกำจัดมันได้แล้ว แต่ก็ต้องตกใจเมื่อเห็นกับตาว่าบาดแผลมันเริ่มสมานตัวเร็วกว่าปกติเหมือนกับเจ้าซอมบี้เนื้อไหม้ไม่มีผิด“งานนี้เละแน่เจค” ผมบอกตัวเอง
..........
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in