กุนเทอร์ ไอซ์ เขียนเรื่องราวความฝันออกมาได้สนุก ตื่นเต้น ระทึกขวัญ และช็อก ได้ออกมาสละสลวยกว่า นัตสึเมะ โซเซกิ ผู้เขียนฝันสิบราตรีอย่างมาก และพระเทพฯท่านแปลออกมาได้อย่างสละสลวย สวยงาม จนคนอ่านอย่างเราไม่สามารถวางหนังสือเล่มนี้ได้เลย
“ความฝันที่สื่อถึงความจริง
มนุษย์นิ่งทำเป็นไม่ยอมรับ
ชีวิตของมนุษย์นั้นสดับ
และรับฟังความจริงในสิ่งนี้
สิ่งที่ว่ามนุษย์นั้นมีชั่วดี
ไม่มีใครอยู่ได้ตามที่
และเป็นเสียงดนตรีตามคีย์
บรรเลงดีให้ตื่นจากฝันเอย”
หนังสือที่เป็นการเปรียเปรยความฝันที่แท้แล้วนั้นเป็นลางบอกเหตุหรือเป็นเครื่องเตือนใจถึงการต้องยอมรับความจริง เพราะความจริงเป็นสิ่งที่ไม่ตายที่สุด
[ความฝันแรก]
“ความเจ็บปวดที่ไม่มีรูปร่าง
และความกลัวซึ่งประกอบขึ้นเป็นชีวิต”
ความฝันนี้เป็นการชี้ให้เห็นถึงคนที่ดูถูกคนอื่นว่า คำพูดของคนเหล่านั้นไม่มีอยู่จริง อย่างเช่น หลานไม่เชื่อสิ่งที่ผู้เฒ่าทั้งสองพูดถึงความสวยงามของโลกภายนอก เป็นต้น ซึ่งคนเหล่านี้นั้นก็เปรียบเหมือนกบในกะลา ที่ไม่รู้ความจริงและยังไม่กล้ายอมรับความจริงนั้นอีกด้วย
[ความฝันสอง]
“จงคิดเสมอว่ามนุษย์เป็นศัตรูของมนุษย์
และเขาจะครุ่นคิดถึงการทำลายล้าง”
ความฝันที่สองนี่เป็นความฝันที่อ่านแล้วสะเทือนใจมาก และแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการค้ามนุษย์ได้อย่างลึกซึ้ง เพราะการค้าเด็ก โดยอ้างถึงคุณภาพของสินค้านั้นเป็นการค้าแบบนี้มานานแค่ไหนแล้ว ก็นานตั้งแต่ที่โลกของเราเข้าสู่ยุคของการบ้าวัตถุนิยม เงินไม่มีทางพอที่จะซื้อทุกอย่างให้เพียงพอกับความต้องการของเราหรอก
[ความฝันสาม]
“คิดถึงความดีความงามที่ทำให้ใบหน้าขี้ริ้วกลับดูดี”
ความฝันนี้แสดงให้เห็นถึง ความน่ากลัวและความอันตรายของพวกเผด็จการที่กำลังคุกคามความเป็นอิสระของหมู่มนุษย์ ทำให้ไม่มีมนุษย์ผู้ไหนอยู่ได้อย่างมีความสุข เพราะขาดอิสระและเสรี แต่บังเอิญที่ว่า ครอบครัวนี้ยังมีความรักที่มอบให้กันอยู่ จึงทำให้ครอบครัวนี้เขายังมีหวัง และคล้ายกับพวกผู้อพยบย้ายถิ่นฐาน หรือผู้ลี้ภัยทั้งหลาย ที่เขาต้องจากบ้านเมืองไป แต่เขายังคิดว่า เขามีความหวังที่จะได้กลับมายังบ้านเกิดเมืองนอนได้อีกสักครั้งหนึ่ง
[ความฝันสี่]
“ถนนที่ไม่มีจุดหมายปลายทาง
ท้องถิ่นที่ไม่มีทางออก
หลักเขตพังไปหมดแล้ว
ทุกๆศตวรรษมีสิ่งใหม่ที่ซ่อนเร้นจากเรา”
ความฝันนี้แสดงให้เห็นถึงความเห็นต่างของคนสองจำพวก ที่บางคนกล่าวว่า การแสวงหาความสุขต้องแสวงหาไปเรื่อยๆ ดุจดั่งนักท่องเที่ยวที่คิดว่า ทุนนิยมจะรวย ส่วนคนอีกจำพวกหนึ่งกล่าวว่า ความสุขคือการอยู่กับที่ พักผ่อน ไม่ต้องคิดอะไร เปรียบดั่งชาวประมงที่เห็นความสำคัญของชีวิตที่พอเพียง
[ความฝันห้า]
“สักวันหนึ่งมันจะปรากฎได้ยิน
และก็จะได้ยิน ดังทรมานเต็มหูทีเดียว”
ปลวกคือเนื้อร้ายที่พยายามกัดกร่อนกินชีวิตของคนไปทั่ว เหมือนกับคนเดี๋ยวนี้ที่ดำเนินชีวิตอย่างฉาบฉวย และพยายามทำให้คนอื่นเห็นถึงความสำคัญของวัตถุและทุนนิยม ว่า สิ่งเหล่านั้นประกอบชีวิตให้มีความสุขได้ ดังเช่น คนบางคนก็ยินยอมแต่งงานกับคนไม่ดี เพื่อให้ตัวเองมีชีวิตที่เรียบหรู เป็นต้น สักวัน คนเหล่านี้ก็อาจจะต้องตายจากการที่ปลวกกินไปจนหมดก็เป็นได้
เรื่องราวทั้งห้าเรื่องนี้ เป็นเรื่องราวที่เราทุกคนที่อ่านหนังสือเล่มนี้ ต้องครุ่นคิดให้ถี่ถ้วน เพราะความฝันทั้งห้าเรื่องคือความจริงของมนุษย์ที่จะเกิดขึ้นได้ในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งของโลกใบนี้ ก็ย่อมเป็นไปได้ ดังนั้น การที่เราดำเนินชีวิตอย่างไม่ประมาท นั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ที่มนุษย์คนหนึ่งควรพึงกระทำ
และเราอยากทิ้งท้ายเอาไว้สำหรับหนังสือเล่มนี้ว่า เพื่อนๆทุกคนลองหันมามองโลกอันประดับด้วยความวิจิตร พิศดารโลกนี้ว่า ความเป็นจริงของวัตถุนิยมและทุนนิยมทำให้โลกเป็นดั่งภาพลวงตานี่จริงหรือเปล่า หรือว่า ก็เป็นเพียงแค่ภาพที่เราสร้างขึ้นมาเพื่อหลอกคนอื่นเท่านั้น
LOOK A BREATHE
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in