เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Look a Breathe (Series 1 - 2)nimon
#540 เรื่องเล่าชี้ทางให้ชีวิต จะเล่าให้คุณฟัง (BIPOLAR)


  • โลกนี้มันโหดร้ายเพียงใด


    หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่หายากมากๆแล้ว เพราะเป็นหนังสือที่ไม่มีขายตามท้องตลาดแล้ว และหนังสือเล่มนี้เริ่มต้นใช้เรื่องเล่า นิทาน คำพูดในการทำให้คนที่จิตใจแตกสลายหายกลายเป็นคนปกติได้เพียงในพริบตา เพราะว่า ความจริง โลกของเรามันอยู่กับมันแบบนี้ แต่จิตใจที่บิดเบี้ยวของเรากำลังมองว่า มันโหดร้าย


    จิตเวช


    ในปัจจุบันนี้ คนเจ็บไข้ได้ป่วยทางจิตใจเป็นจำนวนมาก เพราะคนเราเดี๋ยวนี้ยอมรับตัวเองได้โดยยาก สังคมที่แข่งขันกันสูง แก่งแย่งชิงดี ไว้ใจใครไม่ดี และยังต้องสร้างผลงานอีก แต่เมื่อทุกอย่างไม่ได้เป็นไปตามหวัง ความเจ็บปวดทางใจจึงเกิดขึ้น เพราะจิตใจของคนเหล่านั้นล้วนแตกสลาย รวดร้าวแสนสาหัสไปแล้ว เช่นเดียวกับตัวเอกในเรื่องนี้ อย่างเดเมียน


    นักจิตบำบัด


    ฆอร์เฆ่ เป็นนักจิตบำบัดชื่อดังของเสปน และเป็นบุคคลที่ถูกยอมรับในวงการจิตเวชหลายประเทศทั่วยุโรป ดังนั้น เขาจึงตัดสินใจเขียนหนังสือขึ้นมา โดยเริ่มต้นหนังสือที่เขาต้องใช้จิตบำบัดรักษาคนป่วยที่ชื่อเดเมียน 


    การรักษาของเขา



    เขาใช้เรื่องราว เรื่องเล่า คำกลอน และนิทานมาใช้ในการบำบัดจิตใจของเดเมียน ผู้ขาดความเชื่อมั่นในตัวเอง ผู้ขาดความมั่นใจ ผู้คิดว่าตัวเองล้มเหลวตลอดเวลา และผู้อะไรอีกมากมายที่เป็นด้านลบของตัวเอง และเมื่อ ฆอร์เฆ่รับฟัง เขาก็เริ่มต้นรักษาเดเมียน


    เราขอยกตัวอย่าง ๕ เรื่องจากหนังสือเล่มนี้มาเล่าให้เพื่อนๆทุกคนฟังค่ะ เพราะถ้ารีวิวหมด สงสัยนานมากค่ะ เลยขอเล่าคร่าวๆดีกว่าค่ะ ได้แก่


    ๑. ช้างผู้ถูกล่ามโซ่

    การไม่ลองทำสิ่งใหม่ๆ หรือการไม่กล้าทำสิ่งใดเลย อย่างเช่น การคิดว่า ฉันทำไม่ได้ และไม่มีวันทำได้ เปรียบดั่งการที่เป็นช้างที่ไม่กล้าปลดแอกตัวเอง

    ๒. พระราชาผู้มีสองบุคลิก

    หากคนเราคิดว่า เรื่องราวทุกเรื่อง สักวันก็ต้องหายไป สักวันก็ต้องผ่านไป เมื่อสักแต่ว่ารู้ เรื่องราวทั้งหมดย่อมคลายใจไปนั้นเอง


    ๓. คุณคือใคร

    หากเรายังไม่รู้ว่า เราคือใคร แล้วใครเล่าจะไปรู้ว่า เราคือใคร


    ๔. ความจริงสำคัญไฉน

    การมองความจริงด้วยความจริงนั้นย่อมเป็นสิ่งสำคัญ ดีกว่า การมองด้วยความหลง เพราะการมองด้วยความจริงนั้นย่อมเท่ากับการยอมรับความจริงในสิ่งที่ตัวเรามีเราเป็น


    ๕. ฉันคือความรู้สึกรังเกียจ

    ฉันคือความรู้สึกรังเกียจ ซึ่งคุณมีต่อตัวเอง นั้นคือ การที่ฉันสร้างแต่ความคิดลบให้กับตัวเอง ฉันสร้างความทุกข์อย่างแสนสาหัสให้กับตัวเอง และคุณควรเลิกพูดว่า “ฉันเป็น” แต่คุณควรพูดว่า “ฉันควรเป็น” เพื่อลดการรังเกียจตัวเอง

    บทส่งท้าย


    ผมได้แบ่งปันเล่าเรื่องราวผ่านนิทานอยู่ตั้งมากมาย ซึ่งนิทานเหล่านี้ทำให้ผมเห็นแสงสว่างของตัวเอง และทำให้เกิดแสงสว่างในใจของคนอื่นอีกมากมาย และผมหวังว่า ชีวิตของทุกคนจะดีขึ้น เข้าใจตนเองมากขึ้น ผ่านเรื่องราวของผม 


    “ได้เวลาหายแตกสลายกันแล้ว”



         จิตใจของเรานั้นดั่งน้ำ

    ไหลแล้วแต่น้ำคำของคนอื่น

    ไม่ว่าคนเหล่านั้นพูดระลื่น

    หรือพูดคืนความเป็นตัวตนนั้น

    พวกเราทั้งหลายตั้งใจฟังนี้

    คิดว่าดีและอยากทำตามเสมอกัน

    ทำตามกันไปทุกๆวัน

    จนสูญสิ้นนั้นความเป็นคน


    LOOK A BREATHE

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in