เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Look a Breathe (Series 1 - 2)nimon
#486 ปรัชญานิพนธ์สาธนา
  • การเเลกเปลี่ยนความทรงจำ



         ฉันเดินทางมาพบร้านนี้โดยบังเอิญ เมื่อฉันเข้ามา ฉันก็พบกับเจ้าของร้านใจดีที่ให้คำแนะนำก่อนที่จะพาฉันไปแลกเปลี่ยนความทรงจำชีวิตในปัจจุบันกับกระเป๋าเป้ในอดีต และเมื่อฉันแลกเปลี่ยนสำเร็จ ก่อนกลับออกไป เจ้าของร้านก็นำหนังสือเล่มนี้ใส่ในเป้ของฉัน


    แต่ละศาสนามีความแตกต่างกันไป



    ณ ปรัชญาศาสนาแห่งนี้


         “ฉันได้ดำเนินบทบาทของฉันบนเวทีมหึมา มีรูปนับไม่ถ้วนนี้แล้ว และ ณ ที่นี่เอง ฉันได้เห็นกับสภาวะที่ไร้รูป”

    จาก คีตาญชลี ๔๖



    [ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกล้วนอนิจจัง]


         ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ย่อมเป็นไปตามกฎของธรรมชาติ โดยที่เมื่อไหร่ ที่มนุษย์เหล่านั้นย่อมทำทุกอย่างไปตามกฎของธรรมชาติ และสุดท้ายแล้ว เมื่อธรรมชาติลงโทษ ก็ย่อมเกิดภัยพิบัติตามมาได้ อย่างเช่น โลกร้อนและน้ำท่วม เป็นต้น 


    ยกตัวอย่างบางตอนในหนังสือ


         “ตะวันตกภาคภูมิใจที่จะคิดว่า ตนกำลังเอาชนะธรรมชาติ ประหนึ่งว่าเป็นศัตรูกับโลกนี้ ซึ่งเราต้องปลุกปล้ำ แย่งชิงทุกสิ่งทกอย่างที่ต้องการ โดยการจัดการสิ่งอันแปลกปลอมและไม่เป็นไปตามความปรารถนาของเรา”

    จาก ความสัมพันธ์ของบุคคลกับเอกภพ


    [การหลงยึดติดอยู่ในวัตถุนิยม

    นำพาความทุกข์ใหญ่มาสู่ตัว]


         ดั่งเช่น คนที่บ้าวัตถุนิยม มีหน้าตาเหมือนกับ “คนขี้อวด” จำอวดทุกอย่างว่า “รวย มีมากกว่าเขา รวยกว่าเขา ทำชีวิตให้คนอื่นรู้สึกว่ามีเกิน ไม่มีขาด” แต่ความเป็นจริงแล้ว คนจำพวกนี้ถูกวัตถุนิยมคล้องโซ่และมัดตรวนเอาไว้ให้จองจำอยู่ในคุกของคำว่า “ไม่มี ไม่ได้” และถูกเพลิงของความโลภและความหลงเผาไหม้จนเสียจะไม่เหลืออะไร และสุดท้ายสิ่งที่เหลือก็คือ หนี้สินท่วมหัว และเอาตัวไม่รอด


         “เมื่อเราเฝ้าดูเด็กเล็กหัดเดิน จะเห็นการล้มพลาดนับไม่ถ้วน ที่จะสำเร็จเดินไปได้นั้นน้อยครั้ง ถ้าเราจำกัดความสังเกตแต่ในช่วงเวลาอันสั้น ก็จะรู้สึกถึงความทุกข์ทรมาน แต่เราจะเห็นว่า แม้ความพลาดนับครั้งไม่ถ้วน ก็ยังมีพลังแห่งความชื่นชมที่ทำให้เด็กกระทำการอันคล้ายจะไม่มีผลนั้นอยู่เรื่อยไป เราได้เห็นว่า เขามิได้คิดถึงส่วนที่ล้มมากเท่ากับพลังที่ทำให้ทรงตัวอยู่ได้แม้เพียงชั่วขณะ”

    จาก ปัญหาแห่งทุกข์


    [รู้ทุกข์ เกิดพลัง ดับทุกข์]


         ดั่งเช่น เด็กรู้ทุกข์ เด็กก็ดับทุกข์ และยังตั้งใจต่อได้ที่จะนำพาตัวเองลุกขึ้นมาอีกครั้ง เพื่อหาทางพ้นทุกข์ต่อไป ครั้งแรกการล้มของเด็กย่อมเจ็บ แต่เมื่อรู้ไปเรื่อย ความเจ็บก็แปรเปลี่ยนเป็นพลังของความทรงตัวและเดินได้ในที่สุด และดุจดั่งชีวิตของคนเรา เมื่อเรารู้ว่าเราพลาด ก็ควรเรียนรู้ที่จะไม่พลาดซ้ำสอง


         “พระพุทธองค์ตรัสเตือนเรา ให้สดัดหลุดพ้นจากอัตตทิฏฐิ ก็เพราะเหตุนี้ หากไม่มีผลได้อันเป็นทางดีและพึงพอแล้ว คำเตือนนั้นย่อมไร้ความหมาย ไม่มีมนุษย์คนใดจะยอมเห็นตามคำแนะนำให้ละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างที่มี โดยไม่ได้ตอบแทนมาเลย”

    จาก ความจริงแห่งอนันตภาพ


    [ว่างจากทุกสิ่ง คือ ไม่ได้อะไรเลย]


         ตัวตนที่แท้จริงนั้นย่อมไม่มี ผลจากการละตัวตนนั้นก็คือ ว่างจากการไม่ยึดติดในตัวตนเหล่านั้น และหากสอบถามถึงผลที่จะได้จากการละวางครั้งนี้ ก็คือ การว่างจากไม่มีอะไรเลย แต่ต้องว่างให้ถูก ไม่ใช่สักแต่ว่าบ้าคำว่า “ว่าง” อยู่เรื่อยไป


    “ธรรมชาติ สอนสิ่ง มีประโยชน์

    ชีวิตโลด โผนมาก เพียงใดไหน

    ใครตอบได้ ให้มัน รู้กันไป

    หากไม่ใช่ ตัวเรา ต้องตอบเอง”


         หากแม้นนกบินอย่างอิสระแต่มีที่อยู่อาศัย นกตัวนั้นอาจจะเป็นสุขและอิสรภาพได้แค่ชั่วขณะเดียว แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งก็ย่อมพบทางแห่งทุกข์ต่อไปฉันใด การที่นกบินอย่างอิสระและไร้ที่อยู่อาศัย ก็ย่อมหมายถึงว่า นกตัวนั้นจะเป็นอิสรภาพตลอดไปฉันนั้น เปรียบดั่ง นกตัวนั้นไร้ซึ่งตัวตนหรือรังให้ยึด จึงวางทุกข์และสุขอย่างแท้จริง



    [อิสรภาพ คือ การไร้ซึ่งอัตตา]   


    LOOK A BREATHE

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in