ณ ห้องสมุด เดือนเบ่งบาน
คุณตัดสินใจเดินทางเข้าไปที่บ้านเห็ด บ้านของห้องสมุดแห่งหนังสือแห่งนี้ คุณจึงตัดสินใจค่อยๆเดิน ค่อยๆดู และค่อยๆอ่าน ก่อนจะเลือกหนังสือเล่มนี้กลับบ้าน พร้อมของสมนาคุณพิเศษจากทางร้าน
“ครั้งนี้ ยิ่งกว่า ครั้งไหนๆ
ครั้งใด บอบช้ำ เท่าครั้งไหน
ชีวิต เปลี่ยนเเปลง ไปครั้งใด
พบว่า ความรัก ใครให้กัน”
เรื่องราวของตัวละครและสังคม
มิ่ง ปริก โสวรรณ โสฬส มารุต และตัวละครอื่นๆอีกมากมาย เป็นตัวละครที่เหมือนกับโลดแล่นแค่เพียงในหนังสือ คงไม่มีชีวิตที่จะโลดแล่นในโลกความจริงได้ แต่นั้นไม่ใช่ความจริง เพราะตัวละครของโบตั๋นคือตัวละครจริงที่เราอาจจะเคยเดินชนหรือกระทบไหล่กับคนเหล่านี้มาแล้วก็เป็นไปได้
เรื่องราวของหนังสือเล่มนี้เริ่มต้น
{อดีต}
มิ่งเกิดในสลัมและเกิดในสภาพแวดล้อมไม่ดี โดยที่บ้านอยู่ตรงข้ามแฟลตที่เต็มไปด้วยผู้หญิงขายบริการ และข้างๆบ้านก็ยังเป็นกึ่งผับกึ่งขายบริการอีก มิ่งถูกแม่ทิ้งมาให้อยู่กับตาและยาย และตาก็ไม่ค่อยชอบหน้ามิ่งเท่าไหร่ ส่วนของยายนั้นคิดว่า “ไม่ใช่ความผิดของหลาน” ทำให้เวลาที่มิ่งอายุ ๖ ขวบ ถามว่า “แม่ของมิ่งคือใคร” แต่ตาไม่อยากบอก ผิดกับยายของมิ่งที่ต้องการบอกความจริง
{ปัจจุบัน}
มิ่งทำสัญญากับตาว่า “ถ้ามิ่งเรียนหนังสือเก่ง มิ่งขอให้ตาและยายให้คำมั่นสัญญาว่า มิ่งขอเรียกตาว่า กง และยายว่ายาย” ซึ่งทั้งสองก็ให้คำมั่นสัญญา ดังนั้น มิ่งตั้งใจเรียนหนังสืออย่างมาก และหลังกลับมาจากเรียนหนังสือ มิ่งต้องทำหน้าที่ส่งอาหารไปยังห้องพักของผู้หญิงขายตัวแต่ละคน แต่มิ่งถูกขัดเกลาด้วยครู
วันหนึ่ง มิ่งเจอโสวรรณ ที่เป็นหมอนวดและเปลี่ยนเสี่ยเหมือนกับเปลี่ยนกระดาษทิชชู่ โสวรรณเป็นผู้หญิงขายบริการที่ออ่อนโยน อ่อนหวาน และไม่เคยให้ทิปกับมิ่งเหมือนกับผู้หญิงขายตัวคนอื่น แต่สอนให้มิ่งเก็บเงินทอนเป็นเงินออม จนมิ่งเก็บเงินได้มาก และวันเวลาผ่านไป โสวรรณพาโสฬส น้องชายและปริก เพื่อนน้องชายมาอยู่ด้วย
โสฬสคือผู้ชายที่ไม่เอาไหน เพราะได้เงินจากพี่ที่ขายตัวมาใช้จนไม่เคยพบกับความลำบาก ทำอะไรก็ทำไม่เป็น และสุดท้ายก็เลือกชีวิตตัวเองไปเป็นผู้ชายขายตัวและพระเอกเอวี ส่วนปริกเป็นผู้ชายที่ยากจนแต่ขยันทำมาหากิน โดยโสวรรณหาบ้านให้กับปริกใช้ซ่อมเครื่อง และตอนหลังปริกก็สอบเข้าวิศวะได้ ส่วนมิ่งตั้งใจเรียนหนังสือและทำงานไปด้วย จนกระทั่งสอบได้แพทย์
ตอนหลังโสวรรณป่วยเป็นเอดส์และมีมารุต ผู้ชายที่มาหลงรักโสวรรณจริงๆ ก็ขอที่จะอยู่เคียงข้างโสวรรณตลอดไป ซึ่งโสวรรณพ่ายแพ้ความดีของมารุตในที่สุด และตอนหลัง มิ่งก็เรียกตากับยายว่า “อากงและยาย” ก่อนที่ทั้งมิ่งและปริกจะตัดสินใจแต่งงานกัน เพราะความเป็นจริงแล้ว ทั้งสองแอบปลูกต้นรักอย่างเงียบๆ และให้ความช่วยเหลือกันและรัก จนความรักสุกหงอมพร้อมที่จะแต่งงานกัน
{ดอกบัวอันเกิดจากโคลนตม
บัวบางดอกไม่อาจโผล่พ้นน้ำขึ้นมา
จึงถูกกุ้งหอยปูปลากัดจนขาดหรือแหว่ง
แม้พ้นน้ำขึ้นมาได้ก็อยู่
หากบัวสองดอกนี้บานไสวรับแสงตะวัน
แม้จะต้องหุบเหี่ยวสลดหมดงามยามพลบ
ก็เป็นไปตามสัจจะ อนิจจัง}
ละครไทย เรื่อง เกิดแต่ตม
ฉันไม่ทันดูทัชกับกบค่ะ แต่ฉันทันดูของน้ำ รพีพัฒน์ จำได้ว่า ตอนดู ฉันรู้สึกว่า “เป็นละครที่อะไรจะรันทดขนาดนี้ และอะไรที่ชีวิตคนเราจะลำบากขนาดนี้” และเมื่อโตขึ้นมา จึงพบว่า “การทำงานและการเรียนหนังสือนั้นต่างกันมากจริงๆ เพราะการทำงานแบบผู้ใหญ่ก็ลำบากน่าดู” เฉกเช่นเดียวกับเรื่องราวในเรื่องนี้
ความสำคัญต่อบัว
“บัว” เปรียบกับคนทั้งหมด ๔ เหล่า ได้แก่
๑. ดอกบัวที่พ้นน้ำแล้ว ๒. ดอกบัวที่ปริ่มน้ำ
๓. ดอกบัวที่อยู่ใต้น้ำ ๔. ดอกบัวใต้โคลนตม
มนุษย์ทุกคนหนีไม่พ้นจากความเป็นบัวเหล่าใดเหล่าหนึ่งในนี้ และทุกคนล่ะ อยากเป็นบัวแบบไหน เพราะสำหรับฉันเลือกแล้ว ฉันไม่ขอเป็นบัวใต้โคลนตมอย่างแน่นอน และมนุษย์ฝึกฝนและนำพาตนให้พ้นจากโคลนตมเหล่านั้นได้
[หนูขอบอกบัวว่า “หนูจะขอฝึกตนจนเป็นบัวเหล่าแรก”]
LOOK A BREATHE
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in