เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Look a Breathe (Series 1 - 2)nimon
หนังสือภาพบันทึก ของ แอนน์ แฟร้งค์



  • คำถาม: เวลาเรามีความลับ มักเก็บความลับไว้ที่ไหน

    คำตอบ:

    ๑.ตู้เสื้อผ้า

    ๒.ลิ้นชัก

    ๓.สมุดบันทึก

    ๔.ฝังไว้ใต้ดิน


    คำตอบที่ฉันเลือก ขอใช้ตัวช่วย


          คุณสามารถใช้ตัวช่วยได้เพียงแค่ครั้งเดียว คือ คำใบ้ที่เปิดออกมาและพบว่า “จดและเขียน” และเมื่อคำใบ้เปิด คุณยังมีสิทธิ์ตอบผิดได้ถึงสองครั้ง คุณควรคิดคำตอบดีๆก่อนที่จะตอบทุกครั้ง


         คำตอบที่ฉันเลือก .สมุดบันทึก


    ถูกต้องแล้ว เพราะสถานีแห่งฝันพบว่า “ดูแล้ว คุณจะเป็นนักเก็บความลับได้อย่างสุดยอด เพราะคุณไม่ยอมให้ใครอ่านบันทึกของคุณเลย และสถานีแห่งฝันรู้มาว่า คุณแอบนำบันทึกของคุณไปฝังไว้ที่ใต้ดินเรียบร้อยแล้ว แต่ครั้งนี้ล่ะ เมื่ออยู่ดีๆ บันทึกของคุณถูกเปิดเผยขึ้นมาจะเป็นอย่างไร” 


    “จงเข้าสู่โหมดความลับ”

          แอนน์ แฟร้งค์ ในวัย ๑๓ ปี ที่เป็นช่วงวันเกิดของเธอ และเธอได้ของขวัญวันเกิดเป็นสมุดโน้ตหนึ่งเล่ม ซึ่งสมุดโน้ตเล่มนี้ในตอนหลังเป็นบันทึกลับสำคัญของเด็กหญิงที่อยู่ในช่วงหนีภัยสงคราม โดยครอบครัวเธอเป็นยิว และช่วงสงครามโลกครั้งที่ ๒ มีการกวาดล้างยิวเป็นจำนวนมาก ดังนั้นครอบครัวเธอเลยต้องหนีมาอยู่ในที่ปลอดภัย


    “ผมรู้สึกตระหนักได้ถึงว่า

    “การมีชีวิตอยู่นั้นเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก”

    และผมก็คิดว่า “โชคดีที่ ผมยังมีชีวิตอยู่”

      ผมก็ก้าวต่อไป”


          ครอบครัวเธอได้หนีภัยมาอยู่ฮอนแลนด์ ก่อนที่จะหนีไปอยู่หลังตู้หนังสือและใช้ชีวิตอยู่อย่างทั้งสนุกและหวาดกลัวไปในทีเดียวกัน ครอบครัวเธออยู่กับครอบครัววานดาน และแอนน์ก็อดจะติดรำคาญครอบครัวนี้ไม่ได้ เพราะนางวานดานชอบกล่าวว่าร้ายเธอ และชอบเปรียบเธอกับพี่สาว


    “ผมเข้าใจยิ่งนัก ถึงการเปรียบเปรยของผู้ใหญ่

    ผู้ใหญ่ไม่มีทางเข้าใจหรอกว่า 

    “เด็กอย่างเรารู้สึกอย่างไร”

    ก็มีแต่ใช้คำพูดไปเรื่อยๆกับเด็ก 

    และผมก็ก้าวต่อไป”


          เวลาแอนน์ได้ยินเสียงระเบิด เสียงปืนยิงกัน หรือเธอแอบเห็นภาพที่คนชาวยิวถูกจับกุม บางครั้ง เธอก็มีความคิดว่า “เธอสงสารคนเหล่านั้น และโชคดีที่เธอยังมีชีวิตอยู่ โดยไม่ต้องไปเข้าสถานที่กักกันเหมือนคนพวกนั้น แต่บางครั้งเธอก็อดคิดไม่ได้ว่า เธอกำลังเอาเปรียบคนเหล่านี้” และเมื่อมีเสียงระเบิดดังขึ้น แอนน์ก็จะกลัว และรีบไปนอนกับพ่อ เพราะพ่อของแอนน์คือคนที่แอนน์เคารพที่สุด และแอนน์ก็พยายามที่จะเตรียมหลบหนีตลอด


    “ผมเรียนรู้ว่า “การที่มองโลกในเเง่ดี

    คือ การมองโลกตามความเป็นจริง

    เราเห็นใจได้ แต่บางครั้งเราก็ช่วยเหลือไม่ได้”

      ผมอดเศร้าไม่ได้”


         วันหนึ่ง ขณะที่คนหลบภัยทั้งหมด ๘ คน พยายามคิดว่า เริ่มมีคนรู้เรื่องราวของเขาเหล่านั้นแล้ว และมีทหารมาตรวจสอบ แต่แล้วทหารก็ออกไป พร้อมกับความรักของแอนน์ต่อปีเตอร์ที่เป็นลูกของวานดาน ซึ่งเธอก็หลงรักเขามาก และจะบอกว่า เขาหลงรักเธอด้วยหรือเปล่า ก็บอกยากอยู่ และบันทึกก็จบลง


    “ผมพบว่า ผมเห็นทั้งหมด ๘ คนถูกจับตัวไป

    แอนน์ พร้อมพี่สาวตายด้วยโรคภัย

    และความอดยาก

    ก่อนที่พ่อของแอนน์จะรอดเพียงผู้เดียว

    และขายบันทึกของลูกสาว พร้อมเปิดมูลนิธิ

    เมื่อผมเห็นภาพโหดร้ายเหล่านั้น

    ผมก็ถูกดูดออกมาและประตูก็หายไป”



          ผมยอมรับว่า “ถึงผมเป็นผู้ชาย ผมก็อดเศร้ากับเรื่องราวเหล่านี้จากใจ สงครามย่อมไม่มีอะไรดี เหลือเพียงแค่ซากปรักหักพังเพราะสนองความต้องการของผู้บ้าอำนาจเหล่านั้นเอง”


    “ถึงแม้คนจะเป็นคนยิวนั้น

    เขาพากันเป็นคนไม่ใช่หรือ

    ทุกคนยอมรับพร้อมสองมือ

    และหยุดยื้อว่านั้นไม่ใช่คน”


         ผมมั่นใจว่า “บันทึกลับนี้เป็นการบอกถึงความเท่าเทียมกันของผู้หญิงและผู้ชาย ผู้หญิงมีสิทธิ์เท่าเทียมกับผู้ชาย” “ความเท่าเทียมกันในการเป็นมนุษย์” “ความรักและเมตตาต่อกันในโลกนี้” “ความเชื่อมั่นและศรัทธาต่อความถูกต้องและอิสรภาพ” และ “ความมีอำนาจเหนือซากศพของมนุษย์เป็นอำนาจที่แท้จริงหรือเปล่า” และตอนนี้ที่ผมเห็นว่า “สงครามโลกครั้งที่สามจะเกิดขึ้นหรือไม่ นั้นน่าสงสัย” ผมก็อากถามสถานีแห่งฝันเหมือนกัน แต่ผมรู้ว่า “สถานีแห่งฝันคงไม่ยอมมอบคำตอบให้”

     

    LOOK A BREATHE

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in