คำถาม: ถ้าคุณย้อนอดีตกลับไปได้ คุณอยากย้อนไปในวัยไหนที่สุด
คำตอบ: ๑.วัยทารก
๒.วัยเด็ก
๓.วัยรุ่น
๔.วัยทำงาน
คำตอบที่ฉันเลือก ๒.วัยเด็ก
คำตอบนี้เป็นคำตอบที่ถูกต้องในใจของคุณมากที่สุด เพราะจากการที่ประตูทำการสำรวจและพบว่า “คุณอยากย้อนไปในวัยเด็กมากที่สุด เพื่อเก็บเกี่ยวความทรงจำที่น่าจดจำถึงวัยที่สวยงามนั้นว่า มีคุณค่าแก่ชีวิตมากเพียงใด”
“จงเข้าสู่โหมดการย้อนเวลา”
ฉันเดินทางเข้ามาในประตูนี้และเต็มไปด้วยหมอกขาวจนฉันมองอะไรไม่เห็นเลยทีเดียว และเเล้วอยู่ดีฉันก็เหมือนกับถูกดูดเข้าไปยังสถานที่หนึ่ง และฉันก็พบว่า “ฉันมีความสุขมากที่ฉันหลุดเข้ามาในหนังสือเล่มโปรดของฉัน ฉันแทบไม่อยากหาทางออกเลย แต่สถานีแห่งฝันบอกว่า ฉันต้องหาทางออกให้เจอ ไม่งั้น ตัวของฉันจะสลายไปในที่สุด”
เมื่อคุณตาคุณยายยังเด็กเป็นหนังสือเล่มโปรดของหลายๆคนแน่นอน และเมื่อฉันเลือกทางเดิน ฉันพบว่า ตัวเองถูกดูดมายังเล่มที่ ๑ ของหนังสือเล่มนี้ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ สมัยก่อนนั้น แขกเฝ้ายามจะกลับอินเดีย และคุณยายอยากขอลูกอูฐเป็นของฝาก แต่เนื่องจาก แขกเฝ้ายามนั้นหาไม่ได้ ก็เลยนำเมียมาแทน เเละเมื่อคุณยายกับเด็กคนอื่นเห็นเมียของแขกเฝ้ายามผู้นั้น ก็พากันหลงลืมเรื่องลูกอูฐไปหมดสิ้น เพราะสนใจการแต่งหน้า และเสื้อผ้าของเมียของแขกมากที่สุด
“ฉันเดินอยู่ข้างหน้า และฉันพบว่า
มีทางแยกเต็มไปหมด
และฉันเลือกทางเลือกที่เลี้ยวขวาเข้าไปในป่า
และฉันถูกดูดมายังเล่มสอง”
คนไทยสมัยก่อนมักไม่สวมใส่รองเท้ากัน โดยแม้กระทั่งว่า “บางคนทั้งชีวิตก็ไม่เคยใส่รองเท้า จนกระทั่งถึงเสียชีวิตไปแล้วก็ไม่สวม” แต่เมื่อคนไทยรับวัฒนธรรมต่างชาติมา จึงมีการสวมใส่รองเท้ากันเกิดขึ้น และบางคนถึงกลับทำตามฝรั่ง ใส่รองเท้าเข้าบ้าน แต่คุณตาถูกสอนว่า “เราเป็นคนไทย เราห้ามใส่รองเท้าเข้าบ้านอย่างฝรั่งเขา”
“เมื่อฉันกำลังจะเดินทางไปต่อยังเรื่องราวถัดไป
ฉันถูกหมอกสีขาวนั้นบังตาจนมิด
และพอลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง
ฉันก็พบว่า ตัวเองกำลังนั่งอยู่ที่เสื่อสาดและสวมหมวกอยู่ (เล่ม ๓)”
หลังจากที่คนไทยรับประเพณีและวัฒนธรรมจากต่างชาติเข้ามามากมาย ส่วนหนึ่งที่รับเข้ามาก็คือการสวมหมวก และหมวกที่ชอบถูกขโมยมากที่สุด คงหนีไม่พ้น “หมวกหางนกยูง” เพราะเนื่องจากทั้งเบาและราคาแพง ดังนั้น หากใครมีก็ควรระวังเป็นพิเศษ และไม่เพียงเท่านั้น สมัยก่อน คนไทยนิยมใช้เสื่อเป็นจำนวนมาก เพราะทั้งนั่งสบาย และยังมีประโยชน์อยู่อีกมากมาย แถมหากใครขี้เกียจเก็บเสื่อที่นำคุณประโยชน์มาให้มากมายนี้ ก็คงโดนตีให้เจ็บน่าดู
“หมอกสีขาวหายไป และฉันเดินตรงไปข้างหน้า
ฉันก็พบว่า ตัวเองหลุดมายัง
สถานที่ที่มีป้ายชื่อร้าน เต็มไปหมด
ป้ายพวกนั้น เป็นป้ายสมัยก่อนที่ฉันเคยเห็นนี้หนา (เล่ม ๔)”
ป้ายชื่อร้านนั้น ไม่ได้มีประโยชน์แต่เพียงสร้างชื่อให้กับเจ้าของร้าน หรือให้คนซื้อจดจำร้านเราได้เพียงเท่านั้น แต่ยังมีประโยชน์ต่อเด็กหญิง เด็กชาย (คุณตา คุณยาย ยังเด็ก) จดจำและอ่านออก เขียนได้อีกด้วย ดังนั้น ป้ายชื่อร้านก็ถือเป็นคุณอย่างหนึ่ง และบุคคลผู้ตั้งชื่อร้านที่ไพเราะท่านหนึ่งจนถึงกับหาตัวจับยากก็คงจะหนีไม่พ้น “ในหลวงรัชกาลที่ ๖” ของปวงชนชาวไทย เพราะท่านจะใช้คำที่เป็นความหมายของสิ่งนั้นอย่างไพเราะ เช่น “โอสถ” ที่มีความหมายว่า “ยา” เป็นต้น
“แล้วอยู่ดีๆก็มีแรงดึงดูด
บางอย่างดูดฉันมายังทางออกของประตู
และตัวของฉันก็กระเด็น
ออกจากประตูไปทันทีทันใด”
หลังจากที่ฉันออกจากประตูแล้ว ประตูนั้นก็ปิดทันที ฉันพยายามเปิดเข้าไปใหม่ ก็เปิดไม่ได้อีกแล้ว และฉันก็อิ่มเอมใจที่ครั้งหนึ่ง ฉันเคยมีชีวิตอยู่แบบนั้น
และไม่เพียงเท่านั้น ฉันยังดีใจที่เคยอ่านหนังสือเล่มนี้ถึงหลายรอบทีเดียว ความหวังของฉันก็คือ “อยากให้ทุกคนได้อ่านหนังสือเล่มนี้ เพราะเป็นหนังสือที่ทรงคุณค่าแก่การดำเนินชีวิตที่ถูกต้องอย่างแท้จริง”
“เมื่อคุณตาคุณยายยังเด็ก
ชีวิตเล็กแต่ไม่เล็กพริกขี้หนู
ได้ศึกษาค้นคว้าและเรียนรู้
สังเกตดูจนโตขึ้นมามีวิชา”
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ฉันจะเข้าประตูไม่ได้แล้ว ฉันก็อิ่มใจที่สถานีแห่งฝันให้ฉันได้ย้อนเข้าไปในวัยเด็ก เพราะตอนนี้ ฉันก็ตายตาหลับแล้ว เพราะชีวิตของฉันเมื่อวัยเด็กนั้น ก็ถือว่า “ใช้อย่างคุ้มค่าแล้วจริงๆ” แต่ฉันอยากถามหนูๆทั้งหลายว่า “สมัยนี้ หนูๆทั้งหลายใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่าไหม” ถ้าหนูๆยังคิดไม่ออกว่า “คุณค่าของชีวิตหน้าตาเป็นอย่างไร” จงโปรดอ่าน “เมื่อคุณตาคุณยายยังเด็ก” ทั้งสี่เล่มจนจบ ก็จะพบคุณค่าของการดำเนินชีวิตอย่างถูกต้องและรู้คุณค่าในชีวิตอย่างแท้จริง
LOOK A BREATHE
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in