คำถาม: สัตว์ใดที่คุณรักมากที่สุด
คำตอบ:
๑.หมา
๒.เเมว
๓.ลูกเจี๊ยบ
๔.หมู
คำตอบที่ฉันเลือก ขอใช้ตัวช่วย
คุณสามารถใช้ตัวช่วยได้เพียงแค่ครั้งเดียว คือ คำใบ้ที่เปิดออกมาและพบว่า “ซื่อสัตย์” และเมื่อคำใบ้เปิด คุณยังมีสิทธิ์ตอบผิดได้ถึงสองครั้ง คุณควรคิดคำตอบดีๆก่อนที่จะตอบทุกครั้ง
คำตอบที่ฉันเลือก ๒.แมว
คำตอบนี้ใกล้เคียงกับคำตอบในใจของคุณจริงๆ ขอให้คุณใช้ความคิดอย่างถี่ถ้วนและลองถามใจตัวเอง คุณจะพบว่า “คำตอบนั้น อยู่ตรงหน้าคุณ”
คำตอบที่ฉันเลือก ๑.หมา
คำตอบนี้เป็นคำตอบสุดท้ายที่ถูกต้อง เพราะจากการที่ประตูค้นพบว่า “คุณเป็นคนรักหมาอย่างหาตัวจับได้ยาก ดังนั้น พวกเราจะพาคุณเดินทางไปสู่โลกแห่งคนรักหมา”
“จงเข้าสู่โหมดโลกหมา”
ผมเดินทางเข้าไปยังประตูสีสดใสที่เป็นสีรุ้งแห่งนี้ และผมก็พบกับเจ้าเพื่อนสี่ขาของผมมากมายที่อยู่ในแต่ละวัยที่ผมเคยเลี้ยงมัน หมาที่ผมเลี้ยงมีสองตัว ชื่อ โกโก้ กับ โอเลี้ยง ทั้งสองตัวเป็นมิตรต่อกัน และมิตรกับสัตว์ทุกชนิด มันมักจะเล่นกับเพื่อนใหม่อย่างสนุก แต่วันหนึ่งมันก็ตายไป และความรู้สึกส่วนลึกในใจผมก็ยังคิดถึงมัน
เมื่อผมกำลังจะเข้าไปอุ้มเจ้าหมาสองตัวของผมนั้น เจ้าหมาสองตัวก็กลายเป็นว่า ยืนขึ้นมาเหมือนกับคนและแถมพูดได้ พร้อมบอกกับผมว่า อยากพาผมไปยังประตูทางออกให้ได้ โดยให้ผมได้เรียนรู้ว่า “เมื่อสิ่งใดเกิดขึ้นมา สิ่งนั้นย่อมดับไปเสมอ ดังนั้น เมื่อมันทั้งสองเกิดมา มันทั้งสองย่อมจากไป คงเหลือแต่เพียงคุณค่าให้ผมจดจำ” ผมตัดสินใจและยินดีไปกับมันทั้งสอง
ย่าเหล่เป็นสุนัขทรงเลี้ยงของในหลวงรัชกาลที่ ๖ ที่ท่านทรงรักและเอ็นดูมันอย่างมาก เพราะย่าเหล่นั้นทั้งซื่อสัตย์ มีมารยาทและเป็นเพื่อนที่ดี และเมื่อวันหนึ่ง มันถูกฆ่าตายเพราะการเมือง ดังนั้น ในหลวงท่านทรงเสียพระทัยเป็นอย่างยิ่ง และท่านได้ทรงตั้งอนุสรณ์ พร้อมเขียนถึง “ย่าเหล่” ว่า
อนุสาวรีย์นี่เตือนจิต
ให้กูคิดคำนึงถึงสหาย
โอ้อาลัยใจจู่อยู่ไม่วาย
กูเจ็บคล้ายศรสักปักอุรา
ยากที่ใครเขาจะเห็นหัวอกกู
เพราะเขาดูเพื่อนเห็นแต่เป็นหมา
เขาดูแต่เปลือกนอกแห่งกาย
ไม่เห็นลึกตรึกตราถึงดวงใจ
เพื่อนเป็นมิตรชิดกูอยู่เป็นนิตย์
จะหามิตรเหมือนเจ้าที่ไหนได้
ทุกทิวาราตรีไม่มีไกล
กูไปไหนเจ้าเคยเป็นเพื่อนทาง
“ผมจุกอกอย่างบอกไม่ถูก
หมาของท่านทรงเลี้ยงถูกฆ่า
หมาของผมนั้นเพียงแค่แก่ตาย
ผมเจ็บปวดใจถึงเพียงนี้”
พระเจ้ายุธิษเฐียรได้เดินทางมาพร้อมกับครอบครัวและหมาทรงโปรด และบังเอิญ ครอบครัวของท่านเสียไปหมดระหว่างการเดินทาง และขึ้นสวรรค์ไป เหลือเพียงท่านกับหมา พระอินทร์ที่สรวงสวรรค์โผล่มาตรงหน้าท่าน และจะมารับท่านไปขึ้นสวรรค์ แต่ห้ามรับหมาของท่าน ท่านไม่ยินยอมจะไป หากหมาไม่ได้ขึ้นสวรรค์ สุดท้าย ท่านพูดให้พระอินทร์ฟังถึงความดีความชอบของหมาตัวนี้ จนพระอินทร์ยินยอมรับทั้งหมาและท่านขึ้นสวรรค์
“ผมเดินทางมาต่อและถามโกโก้กับโอเลี้ยงว่า
เจ้าทั้งสองได้อยู่สวรรค์ใช่ไหม ทั้งสองตอบว่า ใช่
เพราะเมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่
ผมได้พาหมาทั้งสองไปฟังธรรม
จนทั้งสองระลึกถึงพระพุทธเจ้าทัน ก็ได้ขึ้นสวรรค์”
มีครั้งหนึ่งที่หม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ ปราโมช ทำหมาหายและประกาศหาหมา ท่านบอกว่า ท่านเป็นทุกข์เพราะหมาตัวนั้นอย่างมาก เพราะท่านได้ไปยึดติดว่า “หมาตัวนั้นเป็นของท่าน” “หมาตัวนั้นเคยอยู่กัท่าน” จนท่านทุกข์มิอันกินอันนอนทีเดียว แต่แล้ววันหนึ่งก็มีคนหาหมาท่านพบ ท่านได้เรียนรู้จากหมาหายครั้งนี้ว่า “เมื่อใดที่เรายึดติดสิ่งใดจนเป็นตัวเป็นตนนั้น ย่อมนำพาความทุกข์มาสู่ใจจนที่สุด”
“โกโก้กับโอเลี้ยงบอกให้ผมผลักประตูออกไป
และมันก็บอกผมว่า จงอยู่กับปัจจุบันอย่างมีสุข
จงอย่ายึดติดเรื่องราวเมื่อครั้งเก่า”
เมื่อผมเดินทางออกมาจากประตูแล้ว ผมก็รีบตรงไปร้านหนังสือทันที เพราะผมจะไปหาซื้อหนังสือเล่มที่ผมเข้าไปผจญภัยมาเมื่อครู่ เพราะเล่มนี้นั้นช่างสอนให้ผมเข้าใจการมีชีวิตอยู่อย่างมีคุณค่าจริงๆ และผมเข้าใจถึง คำว่า
พรากเพื่อจากไปแล้วไม่จากไหน
จากให้ไกลสักวันคงพบประสบสงค์
ชีวิตหนีไม่พ้นแล้วคงต้องปลง
หากมั่นคงคงไม่แคล้วแล้วก็ลา
“ถึงแม้เพื่อนเพื่อนยากจากไปแล้ว
คงไม่แคล้วสักวันพบกันใหม่
อย่าได้ไปไหนหรือจากไปไกล
พบกันใหม่ช่วยจดจำนะเพื่อนเอย”
ผมได้ย้อนกลับไปยังที่ๆผมเจอสถานีแห่งฝัน เพราะผมอยากไปขอบคุณสถานีแห่งฝันนี้มาก แต่ผมกลับไม่พบแล้ว ผมเลยได้แต่ขอบคุณในใจที่เลือกผมให้มารู้จักกับทางออกแห่งความปรารถนานี้
LOOK A BREATHE
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in