เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Look a Breathe (Series 1 - 2)nimon
หัวใจที่สูญหายและต้นไม้แห่งการเริ่มต้น


  • คำถาม: ความหมายของชีวิตคืออะไร

    คำตอบ:

    ๑.ทำงานหนัก

    ๒.มีเงินมากมาย

    ๓.แต่งงานมีลูก

    ๔.ไม่มีข้อใดถูก


    คำตอบที่ฉันเลือก ขอใช้ตัวช่วย


         คุณสามารถใช้ตัวช่วยได้เพียงแค่ครั้งเดียว คือ คำใบ้ที่เปิดออกมาและพบว่า “ค้นหาตัวตน” และเมื่อคำใบ้เปิด คุณยังมีสิทธิ์ตอบผิดได้ถึงสองครั้ง คุณควรคิดคำตอบดีๆก่อนที่จะตอบทุกครั้ง


    คำตอบที่ถูกต้อง .ไม่มีข้อใดถูก


         หากคุณตอบคำตอบนี้ก็ย่อมเป็นคำตอบที่ถูกต้อง เพราะไม่ว่าอย่างไรก็ตาม คนเราทุกคนย่อมมีคำถามนี้ในใจ ในทุกช่วงเวลา จะมีคำถามนี้ถามว่าตลอดว่า “ความหมายของชีวิตคืออะไร เราดำรงอยู่ในโลกนี้เพื่ออะไร” เพราะหลายต่อหลายอย่าง โลกนี้ก็ทำให้เราทั้งเจ็บปวดและเปล่งประกายไปในคราวเดียว


    “จงเข้าสู่โหมดความหมาย”



         เนื่องจากอุบัติเหตุครั้งนั้น ที่ทำให้ ฟูรูยะ สูญเสียภรรยาที่รักพร้อมกับขาของเขาที่ไม่มีวันหวนกลับ แต่ชีวิตของเขาที่ทำงานเกี่ยวกับคติชนวิทยา ก็ยังเดินทางท่องโลกต่อไป โดยมีนักศึกษาสาวอย่าง ชิกะตามไปด้วยกัน ทั้งสองคนตั้งใจขึ้นเหนือ ล่องใต้ เพื่อทำงานด้านคติชนวิทยาด้วยความตั้งใจ


    “ทุกคนคิดว่า คติชนวิทยาคืออะไร”

    ผมก็ตัดสินใจออกเดินทางค้นหาเช่นกัน

    และเมื่อผมโดยสารรถไฟอยู่นั้น 

    ผมก็พบกับธรรมชาติที่สวยงามระหว่างข้างทาง”


         วันหนึ่ง ชิกะเริ่มเข้าใจว่า คติชนวิทยานั้นเกี่ยวข้องกับหลายศาสตร์ ไม่ว่า จะเป็น วรรณคดี โบราณคดี สิ่งเเวดล้อมและอย่างอื่น เพราะการศึกษาเกี่ยวกับคติชนก็เหมือนกับการศึกษาธรรมชาติที่แท้จริงของการอาศัยอยู่ระหว่างธรรมชาติและมนุษย์ และการดำรงอยู่ของมนุษย์กับธรรมชาติ


         ในขณะที่ทั้งสองกำลังออกเดินทางอยู่นั้น ทั้งสองก็พบชายคนหนึ่งโดยบังเอิญ และชายคนนั้นก็มอบบางสิ่งให้กับชิกะ ซึ่งเมื่อทั้งสองเดินทางมาถึงจุดหมายที่จะไปในวันนั้น ก็พบกับพ่อแม่ของชายผู้นั้นที่มาเฉลยทีหลังว่า “ลูกชายตายไปแล้วเมื่อปีก่อน” 


    “​“ทำไมคนตายถึงกลับมาได้” 

    เพราะคนตายคือธรรมชาติที่สูญดับ

    ใครจะรู้ว่า เบื้องหลังความตายนั้นเป็นอย่างไร

    แต่หากแม้นคนตายกลับมา

    ก็คงอยากทำความหวังตอนเป็นให้สำเร็จ 

    เพื่อจากไปอย่างสงบ และผมก็ลงที่ป้ายนี้

     ก่อนจะก้าวไปข้างหน้าต่อ”


        หลังจากเหตุการณ์ในครั้งนั้น ก็มีเรื่องราวชวนน่าปวดหัวอีก คือ คติชนวิทยาจะถูกยุบ และชิกะเริ่มเกิดการลังเลขึ้นว่า เธอเรียนไปเพื่ออะไร เธอใช้วิชาความรู้ที่เธอเรียนไปใช้ประโยชน์ต่อยอดอนาคตได้หรือ ในเมื่อตอนนี้ แม้กระทั่งธรรมชาติถูกทำลาย เพื่อตอบโจทย์คุณค่าของเงินและวัตถุนิยมอยู่แล้ว


         และแล้ววันหนึ่ง เธอเดินทางไปกับฟุรุยะ และได้ยินเสียงพระสวดมนต์พร้อมกับเห็นภิกษุผู้สง่า แต่ตอนหลังเธอมารู้ว่า “ไม่มีใครเห็นและได้ยินนอกจากเธอ” ดั่งกับคำพูดที่ว่า “สองคนร่วมทาง” เปรียบดั่งที่ “ชิกะกับธรรมชาติเป็นหนึ่งเดียว”


    ““สองคนร่วมทาง หนึ่งคนร่วมใจ เพื่อเป็นสิ่งเดียว”

    ผมเคยได้ยินแม่เคยบอกผมมาก่อน

    วันนี้ก็เป็นวันแรกที่ผมเพิ่งเข้าใจ

    ผมตัดสินใจเดินทางไปต่อ โดยโดยสารเรือ

    เพื่อถึงทางแห่งแม่น้ำที่แยก”


         ถัดจากนั้นหลายวัน ชิกะเจอฟูรูยะกำลังดื่มชา และเธอได้คุยกับเจ้าอาวาส ถึง ศรัทธาและการปล่อยวาง เหนือธรรมชาติทุกสิ่ง “ว่าง วาง ศรัทธา ความเชื่อ และธรรมชาตินั้นย่อมเป็นหนึ่งเดียวกัน” 


         เพราะเมื่อไรที่คนเราเดินทางกลับไปยังจุดเริ่มต้น ไม่ได้หมายความว่า “เป็นคนอ่อนแอ” แต่หมายความว่า “เป็นคนเข้าใจชีวิตอย่างถ่องแท้ เพราะเหตุใดที่ชีวิตขาดซึ่งธรรมชาตินั้นไซร้ และสิ่งใดที่จะยังหลงเหลืออยู่อีกล่ะ เพราะธรรมชาติตีค่าด้วยเงินตราไม่ได้ แต่มีคุณค่าในการดำรงชีวิตอยู่ต่างหาก”


          ชิกะเกิดความเข้าใจอะไรหลายอย่างมากขึ้น จนกระทั่งวันที่ชิกะตัดสินใจเดินตามทางของตัวเองในฐานะที่เธอสมควรจะเป็นตั้งแต่เริ่มต้น เพราะเธอค้นพบว่า “วัตถุนิยมกำลังนำพาธรรมชาตินิยมล่มสลายไปพร้อมกับทุกอย่างในโลกนี้ เพราะเมื่อไรที่มนุษย์ยึดติดกับวัตถุจนมากเกินไป ทางออกสุดท้ายของมนุษย์คือการล่มสลายไปพร้อมกับธรรมชาติที่โลกและเทพสร้างขึ้นมา”


    “ผมพบว่า “ผมเห็นทางแยกที่ทุกคนสวมเสื้อดำ”

    “ทุกคนกำลังร้องไห้” และผมหันไปมองอีกที

    รูปภาพที่งานศพนั้นคือ ภาพของผม

    ผมได้ยินเสียงเรียกบอกว่า “เราต้องไปแล้ว”

    ผมเข้าใจแล้วว่า “ธรรมชาติของผมนั้นสูญดับแล้ว”

    “แต่จิตใจของผมนั้นกำลังรอวันสูญดับเช่นกัน”

    ผมเดินทางออกไปจากประตูพร้อมกับคนๆนั้น”



         ผมจำได้แล้วว่า “ผมตายไปแล้ว” แต่ผมก็ยังไม่อยากตาย เพราะผมมีห่วงเต็มไปหมด แต่เมื่อผมได้เดินทาง และเข้าใจแล้วว่า “สักวันหนึ่ง ทุกคนก็ต้องดับสูญ นี้คือเรื่องแน่นอนที่เลี่ยงไม่ได้” ผมก็เข้าใจทันทีว่า “สถานีแห่งฝันคงช่วยให้ผมเข้าใจเรื่องนี้ดี เพื่อตัวของผมเองจะได้ไปในทางที่ดี” ผมยอมรับและขอบคุณ


    “ธรรมชาติครั้งนี้หรือครั้งไหน

    สิ่งอื่นใดสำคัญเท่าสิ่งนี้

    ไม่มีสิ่งอื่นใดที่ดีกว่านี่

    เพราะสิ่งนี้คือสิ่งมีไม่ดับไป”


         ผมอยากบอกทุกคนว่า “จงทำชีวิตทุกวันให้ดุจดั่งธรรมชาติที่กำลังรอคอยคาวแตกดับเถอะ เพราะธรรมชาติเหล่านั้นไม่มีวันที่จะทำลายความเป็นมนุษย์เหมือนวัตถุนิยมที่กัดกร่อนความเป็นมนุษย์อยู่ร่ำไป เมื่อถึงวันที่สำคัญกำลังมาถึง แล้วทุกคนขอบคุณธรรมชาติทุกวัน” เพราะสำหรับผมแล้ว ผมเป็นเช่นนั้นเอง


    LOOK A BREATHE

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in