ถึง คุณจริง ไม่อิงนิยาย
ฉันได้รับหนังสือของคุณจริงแล้วค่ะ และฉันได้อ่านหนังสือของคุณจริงแล้วด้วย ทำให้ฉันทั้งอึ้ง ทึ่งกับความสามารถของนักสื่อสารกับสัตว์จริงๆ พอฉันอ่านจบ ฉันอยากให้ประเทศไทยเรามีอาชีพนี้บ้างค่ะ คงสนุกน่าดู
หนังสือเล่มนี้ที่ฉันได้มา เป็นหนังสือที่นักเขียนได้บอกว่า บางส่วนดัดแปลงมาจากเรื่องจริง ครั้งแรกตอนที่ฉันเริ่มอ่าน ฉันก็คิดว่า เป็นนิยายให้กำลังใจซะงั้น แต่เมื่ออ่านไปกับพบว่า มีทุกรสชาติเลยค่ะ
เรื่องราวในหนังสือเล่มนี้เต็มไปด้วยกำลังใจ ความรัก ปัญหาครอบครัว ปัญหาสังคม สืบสวนสอบสวน และทุกอย่างมักจะมารวมกันเป็นเรื่องที่ชวนปวดหัว และวุ่นวายใจให้กับนักสื่อสารกับสัตว์ นามว่า “เฉินฟางหลิง” ทุกคนคิดว่า “ยังไงกันบ้าง เริ่มอยากเปิดใจอ่านหนังสือเล่มนี้กันหรือยังค่ะ”
ชีวิตของเฉินฟางหลิงต้องอยู่ในจุดต่ำสุด เพราะนักข่าวไร้จรรยาบรรณคนหนึ่งที่ทำให้ชีวิตเธอตกต่ำถึงขีดสุด เธอตัดสินใจจะไปฆ่าตัวตาย แต่ระหว่างทางที่เธอจะไปตายนั้น เธอเจอสุนัขสีดำตัวหนึ่ง เธอจึงตัดสินใจจะเลี้ยงสุนัขตัวนี้ (เธอตั้งชื่อสุนัขว่า โต้วโต้ว) และไปสมัครงานเป็นพนักงานร้านสะดวกซื้อ กะดึกแทน
“คนเราทุกคนย่อมเดินทางสู่ความอัปยศ อดสู ได้ทุกคน
แต่คนเราต้องหลุดพ้นจากความอดสูนั้น
โดยการให้กำลังใจตัวเอง เข้มแข็ง อดทน กล้าหาญ
และก้าวข้ามผ่านความกลัวนั้นไปให้ได้
เพื่อชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิม”
ในขณะนั้น เฉินฟางหลิงต้องมีโอกาสได้กลับไปทำงานเก่าของเธอ ซึ่งก็คือ นักสื่อสารกับสัตว์ เพราะลูกค้าเก่าของเธอมาติดต่อให้ช่วยพูดคุยกับสุนัขของเธอ และเมื่อเธอติดต่อสื่อสารที่ร้านเดิม ที่นั่งตัวเดิม ก็คือ ร้านกาแฟโม่โม่ เธอก็ขจัดความเครียด ความกังวล ระหว่างลูกค้าเก่าและหมาของเธอจนได้
และชื่อเสียงของเธอก็เริ่มกลับมาดีขึ้นเป็นลำดับ ขณะนั้น เธอก็ช่วยเหลือทั้งเต่าของคุณลุง เจ้าของร้านสะดวกซื้อที่เธอทำงาน คุณแมว และสัตว์หลายชนิด รวมทั้งเพื่อนเก่าที่หนีชีวิตอันย่ำแย่จากฮ่องกงกลับมาที่ไต้หวัน เพราะเนื่องจาก เพื่อนเก่าไปเป็นเมียน้อยของชายผู้หนึ่ง
และแล้ววันหนึ่ง เฉินฟางหลิงก็บังเอิญได้เจอกับเจ้าหมาตัวหนึ่งที่เธอนำมาเลี้ยงกับโต้วโต้ว มันมีชื่อว่า สีเปรอะ ซึ่งสีเปรอะไปเกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรมล้างตระกูลเข้า (คดีนี้จะพูดถึงช่วงหน้าแรกๆเลย) เพราะสีเปรอะคือหมาของตระกูลนี้ และแฟนเก่าของเฉินฟางหลิงดันเป็นคนดูแลคดีนี้ ดังนั้น เขาขอร้องให้เธอมาช่วยติดต่อสื่อสารกับหมาสีเปรอะให้ ครั้งแรกเธอไม่อยากทำ แต่สุดท้ายเธอก็ทำ
ขณะที่เฉินฟางหลิงติดต่อกับสีเปรอะอยู่นั้น เธอพบเบาะแสบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับตอนแรกที่เธอเจอโตว้โตว้เข้า (โตว้โตว้พูดถึงคุณป้าใจดีคนหนึ่งที่เอาอาหารมาให้) และเธอพบว่า คนร้ายคือใคร (อยากให้ติดตามในหนังสือ)
และเธอมารู้แน่ชัดว่า “แฟนเก่าเธอ เห็นงานสำคัญกว่าเธอ (เรื่องราวในนี้จะมีเหตุการณ์ในหนังสือที่แสดงถึงความเห็นแก่ตัวของผู้ชายคนนี้ได้ดีที่สุด ก็คือ เอาหน้า)” ซึ่งเธอก็ตัดสินใจที่จะรักคนที่รักเธอและมองเธอมาตลอดนั้นก็คือ “โม่โม่” และเธอตัดสินใจรักโม่โม่และไปคุยกับพ่อเธอ (ที่เธอไม่ได้คุยมานานแสนนาน)
“ส่วนเรื่องราวถัดไปนี้จะเป็นยังไงต่อไป ก็เปิดอ่านเถิดค่ะ
และจะพบเรื่องราวในชีวิตมากมายในนี้”
ครั้งแรกในหนังสือแอบมีหลอกด้วย อันนี้เราไม่ได้บอกในเรื่องย่อ เพราะจะมีเด็กชายคนหนึ่งเข้ามาป้วนเปี้ยนกับเฉินฟางหลิง และตอนหลังก็มาเป็นผู้ช่วยเธอ ตอนแรกก็คิดว่า เด็กชายชอบเธอ แต่เปล่าเลย กลับชอบเด็กหญิงอีกคน คือ “เอมี่” และยังมีอีกตอนก็คือ ตอนที่โม่โม่หึง (ถึงจะน้อยก็เถิด) แต่น่ารักมากค่ะ
“นักสื่อสาร กับสัตว์ทุก ประเภทนั้น
ประสานกัน สองสื่อสาร ด้วยจริงใจ
ต้องมีเพียง ใจประสาน ร่วมกันไป
เป็นหนึ่งได้ ถึงสื่อสาร จะเป็นจริง”
ป.ล. ฉันขอบคุณคุณจริงที่ส่งหนังสือเล่มนี้มาให้ฉันอ่านค่ะ และฉันก็ตัดสินใจซื้อหนังสือเล่มนี้แล้ว ดังนั้นฉันเขียนจดหมายฉบับนี้พร้อมกับคืนหนังสือที่คุณจริงส่งมาค่ะ ฉันอยากขอบคุณคุณจริงอีกครั้ง เพราะหนังสือเล่มนี้เติมเต็มส่วนที่ขาดหายไปของฉันอย่างยิ่ง
จาก คนที่รู้จักตัวเอง
LOOK A BREATHE
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in