“ความประมาทและหลงระเริงในอำนาจ
มักนำพาชีวิตสู่ความฉิบหายทั้งปวง”
หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่นำเรื่องราวประวัติศาสตร์มาตีแผ่สู่ความจริงอิงนิยาย (นวนิยายอิงประวัติศาสตร์)
ที่หลายคนไม่สามารถหลงลืมได้
แต่บางคนอาจหลงลืม
เราหยิบยกหนังสือเล่มนี้มาเล่าสู่กันฟัง เพราะเป็นประเด็นที่น่าสนใจหลายอย่างที่ทำให้ประเทศจีน มังกรผู้ยิ่งใหญ่ต้องหลังหัก พ่ายแพ้ต่อญี่ปุ่นและอังกฤษ และอีกหลายประเทศ ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีการแพ้สงครามฝิ่นอีกด้วย
และยังถือว่า หมดสิ้นซึ่งราชวงศ์ จักรพรรดิ์ แผ่นดินจีน และการปกครองสมบูรณาญาสิทธิราชย์ที่แสนยาวนาน มาเปลี่ยนแปลงการปกครองสู่คอมมิวนิสต์อย่างแท้จริง เพราะเพียงแค่คนๆเดียวที่หลงใหลในอำนาจอย่างซูสีไทเฮาเพียงแต่ผู้เดียวหรือเพราะคนอื่นๆด้วยนั้นเล่าก็จะมาเล่าสู่ให้ฟังกันต่อไป
การที่ผู้เขียนประวัติศาสตร์อิงนิยาย เพราะถ้าอ่านประวัติศาสตร์อย่างเดียวก็อาจจะดูน่าเบื่อเกินไปก็ย่อมเป็นไปได้ เลยต้องมีการอิงนิยายเข้าไปให้มันดูสนุกสนาน เพราะในความเป็นจริง ก็ไม่มีใครเห็นหน้าประวัติศาสตร์นั้นจริง นอกจากคนที่อยู่ในสมัยนั้น ซึ่งตอบยากว่า แต่ละคนที่เขียนประวัติศาสตร์มีอคติมากน้อยเพียงใดในการเขียน แต่นิยายอิงประวัติศาสตร์เล่มนี้สนุกและยังได้เรียนรู้อะไรอีกมากมายจากเรื่องราวนี้ด้วย
“การหลงในอำนาจวาสนา ประมาทต่อศัตรู
มั่นใจว่า ตัวเองยิ่งใหญ่ ประเทศจีนยิ่งใหญ่จนหาผู้ใดเทียบไม่ได้ ทุกสิ่งที่กล่าวมานั้น ย่อมมาสู่จุดที่เรียกว่า ล่มสลาย นั้นย่อมไม่เกินจริง”
-1-
ความยากจน
ในช่วงที่แผ่นดินจีนเดินทาง นำพาสู่ความยิ่งใหญ่ที่มังกรผงาดได้มาถึงช่วงสุดท้ายได้มีการทำนายไว้ว่า
“จงระวังสตรีแซ่เยโฮนาลา
เพราะเมื่อไหร่ที่นางได้ขึ้นการปกครอง
จะถึงสิ้นกาลวิบัติของแผ่นดินและราชวงศ์อย่างสิ้นเชิง”
นางเยโฮนาลาหารู้ถึงคำทำนายนี้ไหม นางเป็นคนยากจน เพราะพ่อเป็นขุนนางแต่ไม่ได้คดโกง ดังนั้นเลยจน เมื่อพ่อตาย เลยไม่มีแม้กระทั่งเงินทำศพ ดังนั้น นางเลยคิดว่า จะต้องหาเงินทำศพพ่อให้ได้ และต้องพาแม่พร้อมน้องสาวไปยังปักกิ่งหาญาติของเเม่ให้ได้
นางเยโฮนาลาเลยตั้งใจวางอุบายหลอกลวงเรือลำหนึ่งให้ไปส่งถึงเมืองปักกิ่ง แต่ในระหว่างทางที่เรือไปถึงเมืองนานกิง มีการทะเลาะกัน แต่แล้วก็ดันเป็นโชคหรือเวรกรรมของประเทศจีนก็หาจะพูดสิ่งใดได้ไหม เพราะมีชายผู้หนึ่งมาสอบถามนางเยโฮนาลาว่า
“ท่านเป็นเรือขุนนางที่พ่อข้ายืมเงินไปใช่หรือไหม
พ่อข้าให้เอาเงิน 300 ตำลึงมาคืน”
นางแสร้งทำว่าใช่ และยังหลอกให้ชายผู้นั้นคลายความจริง และนางเอาความจริงนั้นมาพูดจาให้ฉลาดแลแนวขู่ชายผู้นั้น และบอกชายผู้นั้นว่า หากดีกับนาง จะช่วยทำให้ยิ่งเจริญขึ้น ดังนั้น ชายผู้นั้นไปคุยกับพ่อและตัดสินใจยกเงินนั้นให้ไป ดังนั้น เรือไปถึงเมืองปักกิ่งได้อย่างปลอดภัย
ส่วนญาติของเเม่นั้นก็รักใคร่ เอ็นดูในญาติตัวเองยิ่งนัก เลยได้ช่วยเหลือ โดยส่งชื่อของนางทั้งสองให้ไป เพื่อจะไปเป็นนางในที่พระราชวัง พร้อมกับบุตรสาวที่ชื่อ นางสะโกตา
เมื่อถึงวันที่มาเลือก ลิเลียนยิงที่เป็นขันทีได้มาทำหน้าที่ นางเยโฮนาลาวางอุบายไว้และมีการพูดกับลิเลียนยิงว่า หากข้าได้เข้าไปเป็นนางใน ข้าจะไปกราบทูลความดีความชอบต่อหน้าพระพักตร์ ซึ่งลิเลียนยิงได้ช่วยนางได้เข้าไปจริงๆ
แต่ด้วยเพราะนางสะโกตา บุตรสาวผู้เป็นญาติฝ่ายแม่นั้น เป็นคนดี มีจิตใจโอบอ้อมอารี แถมเป็นมีคุณธรรมนั้น พออยู่ใกล้ฮ่องเต้ ฮ่องเต้มีจิตใจรักใคร่เป็นพิเศษ เลยไม่สนใจที่จะไปหานางเยโฮนาลาแต่ด้วยประการใด แถมยังมีพระพันปีหลวงคอยสนับสนุน ดังนั้น นางสะโกตาได้ดำรงตำแหน่งพระมเหสีตะวันออก
วันหนึ่ง ฮ่องเต้ได้มาพบกับนางเยโฮนาลาโดยบังเอิญ
และมีการจัดฉากของนางพร้อมกับลิเลียนยิงช่วยกันด้วย ทำให้ฮ่องเต้มีใจรักใคร่ในนางเยโฮนาลามากขึ้น แต่ก็มิได้มีการเลื่อนตำแหน่งนางแต่ด้วยประการใด ยามใดที่มีกิจการบ้านเมือง ชอบมาสอบถาม จนเป็นที่รู้ใจกัน
แต่ด้วยความอิจฉาริษยาในนางสะโกตาอยู่แล้ว ทำให้นางเยโฮนาลาตัดสินใจวางแผนชั่วกับลิเลียนยิง แกล้งทำเป็นตั้งครรภ์ และให้ลิเลียนยิงหาบุตรสวรรค์ปลอมมาเป็นบุตรของตัวเอง ก่อนจะให้ลิเลียนยิงฆ่าแม่ของเด็กผู้นั้นด้วยแพรขาว ผลจากสิ่งนี้เลยทำให้นางเลื่อนตำแหน่งเป็นฮองเฮาตะวันตก แต่ตำแหน่งยังเล็กกว่านางสะโกตา
และเมื่อเวลาผ่านไปไม่นาน ฮ่องเต้ได้เสด็จสวรรคตและบุตรของนางได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้ แต่เนื่องด้วยยังพระเยาว์ เลยจำเป็นต้องมีผู้แทนแผ่นดินอยู่ก่อนคือ ฮองเฮาซูอัน (สะโกตา) และฮองไทเฮาซูซี (เยโฮนาลา) นั้นเอง
-2-
พระนางซูสีไทเฮา
ด้วยความที่พระนางซูสีไทเฮาท่านคิดไว้เสมอว่า หากแม้นไร้ซึ่งอำนาจวาสนาแล้ว คนที่มาเคารพศพยังไม่มีเฉกเช่นเดียวกับพ่อของตัวเอง ดังนั้น นางจึงเกรงกลัวในอำนาจนั้นจะหมดไปเป็นอย่างมาก ถึงแม้มีคนคิดคดทรยศนางอยู่หลายครั้ง แต่นางก็รู้เท่าทันและรู้จักใช้คนในการกำจัดคนเหล่านั้นให้สิ้นซาก
และไม่เพียงเท่านั้น นางใช้เงินตราในการซื้อคน ทำให้คนเหล่านั้นหลงใหลในวาสนาที่นางมอบให้ ก่อนค่อยวางแผนยืมมือคนอื่นมากำจัดทิ้งเสีย ถึงหลายต่อหลายคนที่จะต้องใช้เวลา แต่นางก็ยังจะต้องกำจัด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกที่ไม่ใช่เนื้อในอกของนางก้อนนี้ล่ะ ตอนเด็กนั้นก็เชื่อฟังนางสะโกตามากกว่าตัว พอโตขึ้นก็ยังเชื่อฟังนางสะโกตาอีก แล้วพอตอนเลือกเมียก็ดันเลือกผู้หญิงที่นางสะโกตาแนะนำอีก จึงส่งผลทำให้ซูสีไทเฮาแทบกระอักเลือด
เพราะกษัตริย์ผู้ปกครองผู้นี้ดันมีวิสัยทัศน์กว้างไกล เห็นว่า ประเทศจีนกำลังจะตกสู่ภาวะลำบาก บางอย่างต้องมีการเปลี่ยนแปลงบ้าง และบางประเพณีควรหายไป และควรเปิดโลกทัศน์ให้กว้างไกลสมกับตะวันตกบ้าง เพื่อให้ประเทศชาติรอด
(เราเคยอ่านในหนังสือเล่มหนึ่ง คัดบทความมาตอนหนึ่งว่า คนอังกฤษเล่าว่า พระเจ้าตุ่งจี่ฮ่องเต้ เป็นคนวิสัยทัศน์กว้างไกล พยายามที่จะเรียนรู้ตะวันตก เพื่อไม่ให้ประเทศจีนดูล้าสมัย)
แต่นั้นกลับกลายเป็นว่า พระนางซูสีไทเฮากลับดูแคลนและมองว่า จีนดีที่สุด จึงตัดสินใจคิดจะกำจัดฮ่องเต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อพระนางมเหสีของฮ่องเต้ตั้งพระครรภ์และเป็นผู้อยู่เบื้องหลังให้ฮ่องเต้ทำเพื่อประชาชนแล้วไซร้ นางยิ่งไม่พอใจ จนตัดสินใจวางแผนกับลิเลียนยิงให้แยกฮ่องเต้กับพระมเหสี และพาฮ่องเต้ไปมั่วโลกีย์จนเป็นโรค และให้ลิเลียนยิงใช้เเพรขาวฆ่ารัดคอฮ่องเต้ทิ้งเสีย ส่วนพระมเหสีนั้นได้ข่าวของพระสวามีก็ตรอมใจตายตามไป
นางก็ได้แต่งตั้งลูกชายของน้องสาวร่วมมารดาตัวเองให้มาเป็นฮ่องเต้ต่อ โดยที่นางยังวางแผนชักใยอยู่เบื้องหลัง เป็นพระกวางสูฮ่องเต้ แต่กลับกลายเป็นว่า เข้ามาแบบเดิมไม่มีผิดเพี้ยน ฮ่องเต้องค์ใหม่ก็เชื่อฟังนางสะโกตามากกว่านาง ถึงแม้จะมีเมีย เมียดันเป็นคนดี บอกให้ฮ่องเต้เป็นคนดี และฮ่องเตองค์ใหม่ดันคิดจะเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองอีก แต่นางก็มิยินยอมด้วยประการใด นางจึงต้องหาทางกำจัดอีก
แต่คราวนี้ถ้านางจะกำจัด นางต้องกำจัดนางสะโกตาก่อน โดยที่ถวายซาลาเปายาพิษให้นางสะโกตากินจนถึงแก่ชีวิต และปล่อยข่าวลือว่า นางสะโกตาตายเพราะโรคระบาด ห้ามใครเคารพศพ
-3-
บั้นปลายราชวงศ์
ซึ่งตอนนั้น นางก็ปลดฮ่องเต้อีก และช่วงนั้น มีญี่ปุ่นมาสู้รบกับจีน และเอาชนะจีนได้ ซึ่งในช่วงนั้นเองที่ไต้หวันแยกออกจากจีนไปเป็นเมืองขึ้นญี่ปุ่น และจีนก็เสียทั้งเกาหลีและไต้หวันให้แก่ญี่ปุ่น
อังกฤษก็เข้ามารุกรานอีก นางแพ้ทุกทาง จนไม่รู้จะทำอย่างไร นางเลยไปสมคบคิดกับพวกเล่นไสยศาสตร์ที่จะกำจัดพวกอังกฤษ แต่ไม่มีไสยศาสตร์ไหนจะเอาชนะลูกปืนได้ เพราะถ้าชนะ เขมรคงไม่ถูกเป็นเมืองขึ้น และในไม่ช้า ก็มีการเสียฮ่องกงให้กับอังกฤษ และเสียมาเก๊าให้กับโปตุเกสไป โดยที่แพ้สงครามฝิ่น
เรื่องราวของเส้นทางอำนาจของนางก็เดินมาถึงจุดที่เรียกว่า จะสิ้นสุดมังกรผงาดหรือหงส์เหนือมังกรนี้อย่างบอกไม่ถูก เมื่อนางต้องลี้ภัยกับฮ่องเต้องค์ก่อน และเมื่อถึงจุดที่ทุกอย่างเริ่มจะดีขึ้น นางก็ได้กลับได้ยังปักกิ่ง และพบว่า พวกคนอังกฤษ ฝรั่งเศส โปตุเกสได้มาขนย้ายข้าวของๆนางไปหมดสิ้น ไม่เหลือแม้กระทั่ง เก้าอี้มังกรที่นางนั่งก็ได้เอาไปโยนทิ้งน้ำ นางมีรับสั่งให้ลิเลียนยิง นำยาพิษไปใช้ฆ่าฮ่องเต้องค์ก่อนและตัวเอง ก่อนจะแต่งตั้งให้ปูยี่ขึ้นเป็นจักรพรรดิ์องค์สุดท้าย และนางเสียชีวิตลง
ถือว่าจบเส้นทางมหาอำนาจของผู้หญิงคนที่เป็นผู้ชักใยอยู่เบื้องหลังและหลงระเริงในอำนาจของตน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงตอนเรืองอำนาจสู่ตอนที่ไม่แม้กระทั่งจะเหลืออะไรอีก แต่นางก็ดันอดห่วงลูกหลานไม่ได้ นางกล่าวก่อนสิ้นใจว่า
“อย่าได้ให้สตรีผู้ใดมีอำนาจ
แลอย่าไว้ใจขันทีเป็นเด็ดขาด”
โดยที่เรื่องราวหลังจากนี้จะเป็นส่วนจริงในประวัติศาสตร์ที่แตกต่างจากนิยายที่อิงไม่มากเท่าไหร่ แต่ก็สนุกสนานและทำให้เราเข้าใจส่วนจิกซอว์หลายอย่างที่อาจจะหายไปก็เป็นไปได้ และไม่เพียงเท่านั้น ทำไม ซูสีไทเฮาถึงเป็นสตรีที่โลกไม่ลืมจริงๆ
ประวัติศาสตร์ของพระนางซูสีไทเฮา
(กดลิงค์ด้านบนค่ะ)
5 เหตุผลที่เลือกอ่านหนังสือเล่มนี้
1. เรียนรู้อย่าประมาท
หากจะพบว่า ทุกอย่างที่ทำให้ประเทศจีนพังมาจนถึงขนาดนี้ได้ ไม่เพียงแต่แค่ผู้หญิงที่หลงในอำนาจเพียงคนเดียวก็หาไหม แต่มันรวมไปถึงกำลังพลที่อ่อนแอ คดโกงกันและกัน มัวเมาในกามคุณ จนเป็นเหตุให้หญิงสตรีนามนี้สามารถเป็นใหญ่และไม่มีใครสามารถโค่นได้ นางไม่เพียงแต่ประมาท และนางก็มั่นใจในความเป็นจีนเกินจนลืมไปว่า อีกาย่อมมีทั้งดำและขาว ดังนั้น เราจะดูถูกพวกอีกาดำที่เดินทางมาจากตะวันตกได้อย่างไร
“หากแม้นมีสติและยั้งคิดสักนิด
ราชวงศ์ชิงอาจไม่เป็นราชวงศ์สุดท้ายของจีนก็เป็นได้”
2. เรียนรู้ชิงไหวชิงพริบ
จากที่พบว่า เวลานางกล่าวอันใดก็ตามที่ดูเป็นคนดี พร้อมรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ เมื่อใครได้พบเห็นย่อมคิดว่า นางเป็นคนดีด้วยกันทั้งนั้น แม้นกระทั่งพวกภรรยาฑูตก็ยังเห็นว่า นางเป็นป้าชราผู้ใจดี แต่ลิเลียนยิงกลับเข้าใจว่า ผู้เป็นนายต้องการให้ทำอะไร ขันทีก็จะทำให้ตามประสงค์ทุกอย่าง
“เราลืมไปว่า คนที่กำลังยิ้มให้เราอยู่นั้น
ไม่ได้มีไมตรีจิตกับเราจริงย่อมเป็นไปได้
แลหากมีไมตรีจิตจริง
การกระทำและเวลาย่อมพิสูจน์คนนั้นเอง”
3. เรียนรู้แยกแยะผิดชอบชั่วดี
เราจะพบว่า หนังสือเล่มนี้มีคนดีให้เราเห็นเป็นตัวอย่างมากมาย ไม่ว่าจะหลายๆคนทั้งนางสะโกตา ฮ่องเต้ มเหสีอีกหลายคนที่ทำให้เรารู้ซึ้งและเข้าใจว่า คุณงามความดีเปรียบเหมือนเพชร ถึงแม้จะโดนโคลนตม ก็ยังเป็นเพชร ยังมีคนกล่าวสรรเสริญ ทำให้เราเรียนรู้แยกแยะผิดชอบชั่วดี ว่า สิ่งใดควรทำให้เจริญยิ่งขึ้นไป สิ่งใดไม่ควรทำและควรละเสียจะดีกว่า
“ความดีคือเพชรที่ตามหาได้ไม่ยาก”
4. เรียนรู้การใช้คน
จะพบเห็นว่า การใช้คนในการทำงานของพระนางซูสีไทเฮานั้น เลือกคนที่รู้จักกัน คนที่หลงใหลในอำนาจแบบเดียวกัน คนยากจนที่ตัวเองคิดจะเอามาปูเส้นทางให้ใหม่ เพื่อให้คนเหล่านี้อยู่ภายใต้อำนาจของตัวเอง และไม่คิดจะโค่นอำนาจของนางลง
“หากแม้นใช้คนถูกวิธี
คนเหล่านี้นำผลประโยชน์มาสู่ตน
แต่หากแม้นใช้ผิดวิธี
คนเหล่านี้นำภัยมาสู่ตนได้เช่นเดียวกัน”
5. เรียนรู้ยอมรับตัวเอง
มีหลายต่อหลายครั้งที่พระนางสามารถที่จะยอมรับตัวเองว่า ไร้ซึ่งวาสนาแล้ว และควรที่ต้องมีการเปิดประเทศเพื่อปรับตัวแล้ว แต่พระนางก็ไม่ยอมรับ แล้วยังจะดื้อทำทุกวิถี จนสุดท้ายมังกรนี้ก็หลังหัก โค่นลงมาอย่างไม่มีแม้กระทั่งที่ๆจะให้หงส์ยืนเหนือมังกรได้อีกต่อไป และกลายเป็นหงส์ปีกหักในที่สุด
“การยอมรับตัวเองมันยากเมื่อเราปิดตาและใจ
แต่จะง่ายเมื่อเราเปิดตาและเปิดใจกว้างๆ”
เราเรียนรู้ความประมาทที่เกิดขึ้นมากมาย จนมาสู่การมองในตอนที่ประเทศเราเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ ๒ ไม่ปาน ซึ่งก็เพราะผลของความประมาทที่มีต่อพม่าเช่นกัน
“ชีวิตที่นำไปสู่หนทางแห่งความประมาท
คือชีวิตที่นำไปสู่หนทางแห่งความตาย”
คนเราเกิดมาอย่าประมาทนัก
ไม่งั้นศักดิ์ศรีคงได้แปรผัน
จิตใจคนเปลี่ยนไปทุกๆวัน
ล้วนโลเลสับสนไม่มีวันผัน
ใจดวงนี้ดวงเดียวเมาอำนาจ
ชีวีมีวาสนามากมายเหลือล้น
เพียงแค่คนทุกคนชื่นชมตน
ประมาทจนพาตนฉิบหายเอย
“ขอบคุณสำหรับการอ่านเรื่องเล่านี้จนจบค่ะ เรามาใช้เวลาในการไตร่ตรองดูตัวเองว่ามีสิ่งใดบ้างที่เราประมาทพลาดพลั้งไปกันดีกว่าค่ะ”
Look a Breathe
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in