เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Look a Breathe (Series 1 - 2)nimon
#179 บูเช็กเทียน

  • “คนส่วนใหญ่ที่เขียนประวัติศาสตร์เป็นบุรุษเพศ และใยล่ะจะเข้าข้างอิสตรีเพศ

    อย่างเเท้จริง


    หนังสือเล่มนี้ตีแผ่สังคมที่บุรุษไม่ยอมรับสตรีอย่างแท้จริงแต่มีสตรีผู้หนึ่ง เมื่อหลายพันปีก่อนที่สู้เพื่อเสรีภาพของสตรีอย่างยิ่งใหญ่


     

         เราหยิบยกหนังสือเล่มนี้มาเล่าสู่กันฟัง เพราะ คุณบุญศักดิ์ แสงระวี เขียนด้วยความเป็นกลางที่สุด และเขียนด้วยการเข้าข้างในเพศชายด้วยกันน้อยที่สุด

    ไม่งั้นอิสตรี ผู้ที่เป็นใหญ่ถึงฮ่องเต้อย่างบูเช็กเทียนในอดีตคงไม่มีที่ยืนในสังคมที่บุรุษผู้เป็นใหญ่ได้เลย เพราะ มีแต่คำด่าว่า มักมากในกามคุณ โหดร้าย หรือหลายๆที่จะเอามาด่าถึงสตรีเพศที่เป็นแม่ให้เจ็บถึงทรวงกันทีเดียว



         ในปัจจุบันนี้ เราเห็นหลายต่อหลายครั้งที่ ผู้หญิงเมื่อเป็นใหญ่ เช่น นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ที่ได้ขึ้นเเท่นเป็นผู้บริหารดีที่สุดในโลก เพราะสามารถจัดการเรื่องโรคระบาดพร้อมกับเศรษฐกิจได้อย่างอยู่หมัด ด้วยการวางแผนอย่างระมัดระวัง ประกอบกับคุณธรรม ศีลธรรมและจริยธรรมอีกด้วย



         แต่ในหลายๆครั้ง ถ้าเรามองด้วยมุมหลากหลาย ที่นักปกครองอย่างผู้ชายก็ทำพังมานักต่อนัก หรือมัวเมาในกามคุณ อย่างในเรื่องนี้ ลูกเอาเมียพ่อ และลูกที่เป็นฮ่องเต้เอาทั้งแม่และลูกที่เป็นญาติของเมียตัวเองอีกด้วย แต่ก็หามีนักประวัติศาสตร์เขียนถึง กลับกลายเป็นเขียนชื่นชมด้วยซ้ำ



         ดังนั้น หากถ้าเรามองในมุมเป็นกลาง ไม่ว่าเพศหญิงหรือเพศชายย่อมทำสิ่งที่ดีและไม่ดีแตกต่างกันไป ดังนั้น หากเราควรจะมองในมุมที่ดีของคนๆนั้นด้วย ว่า เขาทำอะไรให้กับประชาชนในขณะนั้นและชนรุ่นหลังในภายหลัง ย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่า 

    -1-

    คำทำนาย


         เรื่องคำทำนายกับกษัตริย์จีนไม่มีทางหนีกันพ้น เพราะไม่ว่า ประเทศไหนๆก็หนีไม่พ้นคำทำนายพวกนี้ หลายต่อหลายครั้งเป็นจริง แต่หลายต่อหลายครั้งก็ย่อมไม่เป็นจริง เพราะทำนายเอาใจผู้ฟังก็ย่อมมีอยู่



         อย่างเช่นประเทศไทยมีคำทำนายที่ว่าด้วยว่า ซินแสเห็นพระเจ้าตากสินและในหลวงรัชกาลที่ ๑ ในขณะนั้นเป็นพระภิกษุทั้งสองพระองค์ และกล่าวว่า จะได้เป็นกษัตริย์ เป็นต้น และผลการทำนายนี้ย่อมเป็นความจริงในอนาคตกาลข้างหน้า


         ดุจดั่งคำทำนายของบูเช็กเทียน ซึ่งได้มีการทำนายเกิดขึ้นถึงสองคนที่ได้ทำนายไว้ และคำทำนายเหล่านี้เองที่นำพาความลำบากมาให้กับบูเช็กเทียน จนต้องตัดสินใจที่จะสร้างโอกาสให้ตัวเองเป็นไปตามคำทำนายนี้


    คำทำนายแรก


        ในขณะนั้น บูเช็กเทียนยังเด็กและเเต่งตัวเป็นผู้ชาย เหวียนเทียนกังพยากรณ์ว่า 

    “เด็กผู้ชายคนนี้ มีลักษณะผิดแปลกกว่าเด็กคนอื่น

    ยากที่จะพยากรณ์ได้”


         จึงให้แม่นมปล่อยเดินและเหวียนเทียนกังอุทานด้วยความอัศจรรย์ใจว่า

    “หน้าผากนูนปานดวงอาทิตย์ เค้าหน้าและนัยน์ตาดุจดั่งพญามังกร คองามเยี่ยงหงส์

    มีรูปลักษณ์ของผู้เป็นประมุข จักต้องสูงศักดิ์ยิ่งนัก


          และเมื่อมองด้านข้าง เหวียนเทียนกังถึงกลับตกประหม่าและร้องขึ้นว่า

    “หากเป็นสตรี จักต้องเป็นคนเหนือคน”


    คำทำนายสอง


        ในขณะนั้นมีโหรหลวงทำนายกันว่า สตรีแซ่อู๋ จะเป็นผู้ล้มราชวงศ์และจะเป็นใหญ่เหนือราชวงศ์คือ

    “ได้เป็นถึงจักรพรรดินีหรือฮ่องเต้หญิง 

    หรือสตรีจะขึ้นครองราชย์” 


         แถมชาวบ้านก็เล่าลือกันถึงเรื่องนี้เช่นกัน ดังนั้น ถังไท่จงจึงมีรับสั่งให้โหรหลวง นาม หลี่ฉุนเฟิง มาคุยกันตัวต่อตัว และเขาทำนายว่า 

    “ข้าพระองค์ตรวจดูท้องฟ้าแล้วพบว่า 

    อิสตรีผู้นี้อยู่ในวังแล้ว จักต้องใช้เวลาเกือบ ๓๐ ปี 

    ถึงจักเป็นใหญ่ และลูกหลานท่าน

    ไม่พ้นภัยด้วยมือของหญิงผู้นี้


         ผลจากการทำนายครั้งนี้เองที่ทำให้เป็นภัยต่อบูเช็กเทียนอย่างยิ่งจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่ด้วยฉลาดและไหวพริบเลยทำให้รอดพ้นจากความตายไปได้


    -2-

    ถังไท่จงฮ่องเต้


         ด้วยโฉมที่งดงามของบูเช็กเทียน ทำให้ถังไท่จงฮ่องเต้รับสั่งให้นางเข้ามารับใช้พระองค์ แต่แล้วก็มีเรื่องที่ทำให้ถังไท่จงฮ่องเต้ไม่ไว้ใจ บูเช็กเทียนอยู่สองครั้งสองครา ดังนั้น เลยไม่ยอมเลื่อนตำแหน่งใหญ่โตให้กับบูเช็กเทียนในตลอดอายุขัยของท่าน แถมยังให้มาอยู่ใกล้ตัว รับใช้ท่านตลอด เพื่อไม่ให้คลาดสายตาและไม่ให้คิดการใหญ่ได้


    คราแรก คือ ม้าพยศ

         ถังไท่จงได้รับม้าพยศมาตัวหนึ่งและปวดหัวยิ่งนัก เพราะไม่สามารถปราบม้าตัวนี้ให้อยู่หมัด เลยได้มีการปรารภถึงม้าตัวนี้ขึ้นมา  และบูเช็กเทียนบอกว่า

    “แต่ถ้าเป็นข้าพระองค์

    ก็จะทำให้มันเชื่องลงได้ในทันที”

         ถังไท่จงสอบถามว่า ด้วยวิธีการใดล่ะ ที่เจ้าจะทำให้มันเชื่อง และบูเช็กเทียนตอบว่า

    “ถ้าไม่เชื่องก็หวดด้วยแส้

    ถ้าไม่เชื่องอีกก็ตีหัวด้วยท่อนเหล็ก 

    ถ้ายังไม่เชื่องอีก ก็ไม่เอาไว้ 

    เอามีดปาดคอมันให้ตายเสีย 

    ม้าเลี้ยงไม่เชื่องรังจะเสียหญ้าไปโดยเปล่าประโยชน์”


         ถังไท่จงได้ฟังก็อดทึ่งในความห้าวหาญของสตรีผู้นี้ แต่ก็อดไม่ไว้ใจ เพราะนึกว่า นางคนนี้มีใจคอเหี้ยมโหดผิดสตรีวิสัยยิ่งนัก ดังนั้น ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เลยเก็บนางไว้ข้างกาย แต่ไม่ให้นางเป็นใหญ่เป็นโต


    คราสอง คือ คำทำนาย

         หลังจากมีการทำนายนี้ ถังไท่จงยังไม่คิดถึงบูเช็กเทียนโดยทีเดียวแต่คิดถึงแซ่อู๋ตระกูลอื่น เลยสั่งฆ่าทิ้ง แต่พอมารู้ทีหลังว่า ฆ่าผิดก็เสียใจ และในขณะนั้นเองที่สายตาพลันไปเห็นบูเช็กเทียน ทำให้นึกขึ้นได้ว่า ย่อมหมายถึงหญิงผู้นี้แน่นอน เพราะนางแซ่นี้



         แต่ด้วยเพราะเหตุนี้ ดุจดั่งการปูทางความสำเร็จให้กับบูเช็กเทียนในคราวเดียวกัน เพราะนางมีสัมพันธ์สวาทกับองค์รัชทายาท เพราะองค์รัชทายาทรู้สึกชอบพอจนรักใคร่อย่างมาก โดยที่ถังไท่จงหารู้ไหม 

    และเมื่อถึงตอนคราวที่จะสวรรคต ถังไท่จงเรียกนางมาพบ และนางเข้าใจในทันทีว่า ถังไท่จงนั้นรู้สึกไม่ไว้ใจนาง เลยตัดสินใจบอกกับถังไท่จงว่า จะขอออกบวช และทำให้ถังไท่จงตายตาหลับเลยทีเดียว เพราะคิดว่า นางผู้นี้ไม่มีทางที่จะมาทำร้ายลูกหลานได้อีกต่อไปแล้ว ซึ่งตรงกับตำราพิชัยสงคราม 

    “กลยุทธ์ ปิดฟ้าข้ามทะเล คือ ใช้รูปแบบที่เปิดเผยที่สุดแฝงเร้นไปด้วยเนื้อหาที่ปิดลับที่สุด


    -3-

    ถังเกาจงฮ่องเต้


         องค์รัชทายาทก็ไม่พอใจที่บูเช็กเทียนจะไปเป็นชี และนางเลยขอคำมั่นสัญญาว่า หากองค์รัชทายาทได้เป็นกษัตริย์แล้วจะไม่ลืมนาง และรีบมารับนางออกจากการเป็นชี

         แต่แล้วเมื่อถึงคราวจริง องค์รัชทายาทได้เป็นจักรพรรดิ์นามว่า  ถังเกาจงฮ่องเต้แล้ว ก็กลับลืมสิ้นในคำมั่นสัญญานั้น เพราะมักมีนิสัยชอบมัวเมาในกามคุณ 

    โดยเฉพาะตอนนี้เมื่อได้เป็นใหญ่แล้ว กามคุณยิ่งหาง่ายมากขึ้น เพราะมีหญิงมากหน้าหลายตามาประเคนถึงตัว 



         แต่ก็หนีไม่พ้นหญิงคนหนึ่งที่สวยสะดุดตาสะดุดใจยิ่งนัก นามว่า เซียวซูเฟย จนหวังฮองเฮาเมียงหลวงกลับไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง และยิ่งกว่านั้น นางสนมผู้นี้ดันมีพระราชโอรสให้อีกด้วย ทำให้หวังฮองเฮาต้องไปปรึกษากับพระมาตุลา จึงหาบุตรจากสามัญชนมาคานอำนาจแทน แต่ก็ใช่ว่าจะคานได้ดี

         หวังฮองเฮาเลยวางแผนช่วยบูเช็กเทียนให้ได้กลับมาในวังอีกครั้ง เพราะว่า หวังฮองเฮาเห็นว่า ตอนที่ฮ่องเต้พบกับนางชีแล้วเกิดถ่านไฟเก่าครุ เลยจัดการเป็นธุระจัดให้ และเพื่อให้บูเช็กเทียนคิดว่า นี้คือ บุญคุณอีกด้วย



         ส่วนบูเช็กเทียนนั้น ตอนเป็นนางชีก็ตกฟากลำบากยิ่งนัก จึงทำให้คิดได้ว่า ถ้าครั้งนี้ ได้กลับมาเป็นใหญ่ ก็จะสร้างฐานอำนาจให้กับตัวเอง และทำคำทำนายให้เป็นความจริงไปเลย แต่การทำอะไรในครั้งนี้ต้องทำด้วยความระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง

         ดังนั้น แผนแรก คือ นางดูประจบประเเจงเอาอกเอาใจหวังฮองเฮาและทำเป็นเหมือนคนเจียมเนื้อเจียมตัวอยู่ตลอดเวลา ทำให้หวังฮองเฮาไม่ทันเล่ห์ ก็เข้าใจว่า นางเจียมเนื้อเจียมตัวจริง จึงอดชมนางตลอดเวลาต่อหน้าพระพักตร์และอดกระทบในอีกนางผู้หนึ่งไม่ได้ ซึ่งเป็นดั่งในกลยุทธ์ที่ว่า


    “ซ่อนดาบในรอยยิ้ม คือ ภายนอกดูอ่อนน้อมถ่อมตน

    แต่ภายในเต็มไปด้วยความแข็งแกร่งเหี้ยมเกรียม 

    โดยที่ไม่แสดงออกให้ภายนอกเห็นถึงสิ่งแฝงเร้นนั้นด้วยประการใด”


         ไม่เพียงเท่านั้น ถังเกาจงฮ่องเต้ชอบขอคำปรึกษาจากบูเช็กเทียนเป็นอย่างมาก ถึงกลับบางครั้งก็ให้อยู่หลังม่านว่าความด้วยกันเลยทีเดียวและไม่เพียงเท่านั้น ก็นั่งเคียงคู่กันออกขุนนาง และเมื่อนางได้ให้กำเนิดพระโอรส นางเลยคิดว่า ควรจะถึงเวลากำจัดหวังฮองเฮาแล้ว และเวลานั้นก็มาถึง

         แผนต่อไปของนางเกิดขึ้นเมื่อนางได้ให้กำเนิดบุตรีและตัดสินใจฆ่าบุตรีตัวเองเพื่อใส่ความหวังฮองเฮา และใส่ความเรื่องที่เล่นไสยอีก จนทำให้ฮ่องเต้ตัดสินใจขังนางทั้งสอง (คือหวังฮองเฮาและเซียวซูเฟยไว้อีกด้วย)ในตำหนักใน และตอนหลัง ถึงแก่ความตาย


    -4-

    บูเช็กเทียนฮ่องเต้


         หลังจากนั้น นางก็วางแผนการจัดการถ่วงอำนาจของนางโดยทำลายพวกเกี่ยวกับการฝากกันเข้าของขุนนาง โดยให้มีการจัดสอบ เพื่อให้สามัญชนเข้ามาทำงานในวังมากขึ้น เพื่อนางจะได้เจอกับคนที่มีความสามารถอย่างแท้จริง

         และนางได้วางแผนให้นำคนสามัญชนเหล่านี้มาคานอำนาจกับพวกขุนนางผู้ดีเก่า ซึ่งสุดท้าย นางก็สามารถทำสำเร็จ โดยการทำลายพวกขุนนางผู้ดีให้สิ้นซากไป นางได้ทำลายขงจื้อ และเขียนหนังสือขึ้นมาใหม่ หนังสือที่ว่าด้วยคุณธรรม หรือบัญญัติ ๑๒ ประการ ความเท่าเทียมกัน และความไม่มักมากในกามคุณ เพราะนางพบว่า เนื่องจากถังเกาจงเป็นคนมักมากในกามคุณเลยทำให้ประชวรอยู่แบบนี้ และบังคับไม่ให้สามีมีผู้หญิงจนมากเกินไป

         แต่ถังเกาจงไม่ยอมเลยแอบได้เสียกับญาติผู้พี่ของนางกับลูกสาวของญาติผู้พี่ ทำให้นางโกรธมากและถึงกลับสั่งประหารญาติผู้พี่เสีย และเมื่อนางพบว่า บุตรนางถึงสองคนที่จะเป็นกษัตริย์ไม่เข้าข้างนาง เเถมเข้าข้างพวกขุนนางผู้ดีก็ขับไล่เสีย

         ส่วนคนสุดท้อง นางไม่กล้าที่จะให้เป็นใหญ่แล้ว สุดท้ายลูกชายก็ยอมยกบัลลังค์ให้แม่ตัวเอง และบูเช็กเทียนปราบดาภิเษกเป็นจักรพรรดินีบูเช็กเตียน หรือ ฮ่องเต้หญิงหนึ่งเดียวในจีน 



         ภายใต้การปกครองของบูเช็กเทียน ถือว่า เป็นยุคทองของจีนอย่างแท้จริง เศรษฐกิจเฟื่องฟู ไม่มีสงคราม แก้ไขปัญหายากจน และปัญหาอีกต่างๆมากมาย ทำให้ อาณาประชาราษฎร์อยู่อย่างมีความสุข เพราะเนื่องจากนางเคยเป็นสามัญชนมาก่อน ย่อมรู้ว่า สามัญชนมีปัญหาอะไร และควรแก้ไขปัญหานั้นด้วยสิ่งใด

         ไม่เพียงเท่านั้น ทางด้านวรรณศิลป์และศิลปศาสตร์ทุกแขนงก็ก้าวหน้าอย่างรุดหน้าจวบจนปัจจุบัน เพราะนางเป็นคนไม่ถือเนื้อถือตัว แถมตั้งใจศึกษาจากสามัญชนที่มาเป็นใหญ่จากการช่วยเหลือของนางตลอดเวลา แถมนางยังมีหีบให้ถวายฎีการ้องทุกข์ได้อีกด้วย


    -5-

    บั้นปลายชีวิต


         เมื่อพอถึงช่วงอายุขัยของนางในวัย ๘๑ ปี นางได้ประชวรอย่างหนัก จนมีคนขอให้นางสละราชสมบัติให้กับลูกชาย เพื่อพระนางจะได้พักผ่อน และนางได้สละให้

         และในไม่ช้า นางก็ได้ลาจากโลกนี้ไปอย่างสงบ เนื่องในวัย ๘๒ ปี เป็นการจากไปของฮ่องเต้หญิงหนึ่งเดียวในจีน นักสู้เพื่ออิสรภาพ นักขัดหลักธรรมของขงจื้ออย่างแท้จริงที่กล่าวถึง


    “ออกเรือนแล้วต้องเชื่อฟังสามี 

    สามีสิ้นชีวิตแล้วต้องเชื่อฟังบุตรชาย 

    ต้องมีศีลธรรม พูดจาเรียบร้อย กิริยามารยาทดี 

    การฝีมือดี ไม่ให้คิดไม่ให้ทำอะไรนอกเหนือไปกว่านี้

    ขงจื้อ


         ถึงแม้จักรพรรดินีบูเช็กเทียนจะจากไป แต่เรื่องราว คุณธรรมบางประการก็ไม่ได้จากไปด้วย ดังนั้น หากมองมุมกลาง และมองด้านดีของเธอนั้น ยังย่อมมีอยู่ ถ้าหากตัดด้านเสียออกไป และมองว่า หากเธอไม่ทำ เธอย่อมถูกผู้อื่นทำเธอแน่ และคงจะไม่มีชื่อเธออยู่ในองค์ฮ่องเต้แต่ด้วยประการใด และเธอได้ตั้งใจทำเพื่อให้ประเทศจีนยิ่งใหญ่



    5 เหตุผลที่เลือกอ่านหนังสือเล่มนี้


    1. เรียนรู้ประวัติศาสตร์

         ประวัติศาสตร์ไม่ว่าชนชาติใดก็สำคัญด้วยกันทั้งนั้น ไม่ว่า จะเป็นหลักธรรม ๑๒ ประการที่เห็นในเรื่องนี้ ทำให้เราพบว่า มันสามารถมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันอย่างปัจจุบันได้อย่างเเท้จริง เช่น การประหยัด เป็นต้น


    “ในเนื้อหาประวัติศาสตร์ต้องศึกษา

    ให้รอบด้านอย่างไร้อคติ


    2. เรียนรู้ไหวพริบ

         เรื่องราวในหนังสือเล่มนี้มีการชิงไหวชิงพริบกันหลายรอบ และไม่เพียงเท่านั้นต้องมีการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าอย่างหลากหลาย โดยเฉพาะตอนที่บูเช็กเทียนใส่ร้ายหวังฮองเฮาแล้ว เรื่องฆ่าลูก แต่ก็ไม่ผลีผลาม ยังมีการห้ามปรามไม่ให้สามีโกรธอีก ถึงค่อยมาถึงแผนต่อไปที่ใส่ร้ายเรื่องเล่นไสยศาสตร์ เพื่อให้สามีรู้สึกถึงความดี ความเศร้าและเพิ่มระแวงในหวังฮองเฮามากขึ้น

    “การมีไหวพริบไม่สามารถฝึกได้ในวันเดียว 

    แต่ต้องฝึกตลอดไป”



    3. ปรับใช้ในชีวิตประจำวัน

          เรื่องราวเล่มนี้ เป็นหนังสือที่อ่านกี่ทีก็สนุก แถมอ่านได้เรื่อยๆ และไม่ว่า อ่านทุกครั้ง ก็สามารถนำมาปรับใช้กับชีวิตประจำวันได้ อย่างเช่น หลายครั้ง บางคนต้องแกล้งทำเป็นโง่ เพื่อไม่ให้คนเหล่านั้นคิดว่า รู้เท่าทัน และคนเหล่านั้นเปิดเผยความต้องการที่แท้จริงของตัวเองออกมา เป็นต้น การกระทำนี้สามารถทำได้ดีในเวลาทำงานและเรียนหนังสือ เพราะจะทำให้รู้ตื้นลึกหนาบางของคนที่คบกับเราได้เป็นอย่างดี


    “คนเหล่านั้นอาจจะซ่อนความฉลาด

    ไว้ภายใต้ความโง่นั้น”


    4. เรียนรู้อุบายฉลาดแยบคาย

         บูเช็กเทียนได้ให้มีการจัดสอบพวกสามัญชนเพื่อดึงมาคานอำนาจขุนนางผู้ดี เพราะขุนนางเหล่านั้นใช้ระบบฝากจนได้เป็นใหญ่เป็นโต และมีแต่คนโง่ที่อวดฉลาดเท่านั้น จึงทำให้นางใช้อุบายนี้ในการดึงคนเหล่านี้มาเป็นพวก


    “ความแยบคายย่อมนำพาอุบาย

    ที่ฉลาดมาสู่ประโยชน์ของตน”



    5. เรียนรู้ความรักที่มั่นคง

         ความรักที่มั่นคงนั้นเกิดจากความรักตัวเองเป็นหลัก หลายๆต่อหลายครั้งในเรื่องที่เราเห็นผ่านหน้าประวัติศาสตร์ว่า ทุกคนรักตัวเองเป็นหลัก รักแบบผิด ถึงทำให้เกิดเรื่องราวผิดๆมากมายเกิดขึ้น


    "รักให้ถูก ชีวิตจะไม่ถูกครหา"


    เราเรียนรู้ความฉลาดในอุบายทั้งหลายที่วางแผนไว้อย่างรอบคอบ ของบูเช็กเทียนต่อการปูอำนาจในทางเป็นฮ่องเต้หญิงของนางไว้อย่างน่าชื่นชม

    “ชีวิตที่รอบคอบ ฉลาดแยบคาด 

    แฝงเร้น ย่อมนำความสำเร็จ

    สู่จุดมุ่งหมายที่ตัวเองวางไว้ได้ด้วย 



    สตรีเพศดูไปถูกกดขี่

    เป็นเพียงมีไว้สนองตัณหา

    ไม่ว่ากี่ยุคสมัยกาลเวลา

    ไม่มีทางเปลี่ยนมุมมองนี้ได้เลย

    ถึงแม้ร้องเรียกความเท่าเทียม

    หากต้องเจียมตัวอยู่กับที่นั้น

    ไม่มีทางจะสู้ใครให้รู้ทัน        

    หญิงนั้นย่อมไม่ต่างจากก่อนเอย


    “ขอบคุณสำหรับการอ่านเรื่องเล่านี้จนจบค่ะ เรามาใช้เวลาในการศึกษา ค้นคว้า เรื่องราวของบุคคลผู้นี้ให้กระจ่างชัด”

    Look a Breathe


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in