“Time and Tide wait for no man.”

(เวลาและวารีไม่เคยรอใคร)

เวลาผ่านไปและไม่มีทางย้อนกลับมา ดังนั้น

จึงไม่ควรปล่อยให้เวลา

ผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์เลย

       ในแต่ละวัน ทุกคนใช้เวลาไปกับอะไรบ้าง หลายต่อหลายครั้ง เราอาจหมดเวลาไปกับเรื่องไร้สาระ แต่หากบางครั้งก็ปล่อยเวลาผ่านไปกับความเครียดที่สะสม กับเรื่องที่มีสาระจนปวดหัวกบาลไปหมด เก็บไปคิดเรื่องทุกข์วนไปเวียนมาไม่หยุดหย่อน

“เพราะในแต่ละวันของทุกคน

มีเวลาเท่ากัน คือ ๒๔ ชั่วโมง 

แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทุกคนไม่เท่ากัน คือ เวลาที่ใช้ไป”

หนังสือเล่มนี้ เกิดขึ้น เนื่องจาก แต่ละคนจะมีการจัดการเวลาให้มีประโยชน์ได้อย่างไร และจัดการเวลาให้คุ้มค่าทุกนาที โดยการแบ่งออกเป็นหลักๆ ได้แก่ 

-1-

รวบธุระไว้พร้อมกัน ชีวิตก็ง่ายขึ้น

วิธีนี้เป็นวิธีที่ใช้บ่อยและได้จากเล่มนี้ เพราะมันใช้ได้ดีในทุกโอกาส ไม่ว่า จะเที่ยว ทำงาน หรือ ทำอะไรทุกอย่าง สามารถใช้ได้หมด และไม่ว่ากรณีไหน อยากให้ลองทำดูค่ะ แล้วจะพบว่า มันเป็นทางที่ดีทางหนึ่งในการจัดการเวลาค่ะ

การเที่ยวห้าง	การทำงาน
เวลาเราไปเที่ยว เราจะจดรวบรวมไว้ว่า วันนี้เราจะทำอะไรบ้าง ภายใน ๓ ชั่วโมง ถ้าหากเราทำทุกอย่างเสร็จเร็ว เราสามารถทำอย่างอื่นแบบผ่อนคลายได้	เวลาเราช่วยลูกค้าหลายคนในเวลาเดียวกัน เราสามารถช่วยลูกค้าที่มีคำถามหรือเรื่องสนใจเดียวกัน หรือผลิตภัณฑ์เดียวกัน แล้วอธิบายให้ลูกค้าฟัง โดยหาผลิตภัณฑ์พร้อมบริการอื่นร่วมด้วย เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น

-2-

๘ กลยุทธ์ ในช่วงจัดการเวลา (กระวนกระวาย)

ในช่วงที่เราจัดการเวลามีหลายต่อหลายครั้งที่ทำให้เราปวดหัว เครียด กังวลใจ ว่า เราควรเริ่มต้นทำสิ่งใดก่อนหรือสิ่งใดหลังนี้ดี และสิ่งไหนสำคัญกว่ากัน ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องน่าปวดหัวเช่นกัน ดังนั้น เรามาดูวิธีการจัดการความกระวนกระวายใจเหล่านี้กันดีกว่า 

“เราลองทำได้ผลอยู่ เพราะทำให้ลดความกังวล

และสมองปลอดโปร่งขึ้น จนคิดอะไรได้มากขึ้น”

๑. ฟังเพลงและร้องเพลงโปรด เพราะในขณะที่ทำแบบนี้ ช่วยให้เราคลายเครียดและคิดอะไรได้ดีมากขึ้น

๒. พักดื่มเครื่องดื่มที่เราชอบ เช่น ชา กาแฟ โกโก้ เพื่อช่วยผ่อนคลายและออกจากเรื่องที่เครียดหรือกังวลอยู่

๓. เดินเล่นนอกบ้าน เป็นวิธีออกกำลังกายที่ดีและผ่อนคลายที่สุด เพราะเดินดูนู่นดูนี้ แวะนู่นแวะนี้ ไม่ต้องคิดอะไร 

(ขณะนี้ห้ามทำค่ะ เพราะฉะนั้น 

แนะนำ เดินเล่นในบ้านแทนค่ะ)

๔. เปลี่ยนอิริยาบถ เช่นขยับตัว หรือออกกำลังกาย เพื่อให้ออกจากเรื่องที่กำลังคิดไม่ตกอยู่

๕. ทำงานอื่นที่ไม่ใช่งานที่ทำอยู่ เพราะบางที คิดเท่าไร่ก็คิดไม่ออก แต่ถ้าเราเปลี่ยนไปทำงานอย่างอื่นก่อน มันจะทำให้คิดได้ดีมากขึ้น

๖. ปลีกตัวไปทำงานบ้าน เช่น ล้างห้องน้ำ หรือ ล้างจาน เป็นต้น

๗. ทำเรื่องที่รู้สึกดีและเรื่องสนุก เช่นดูหนัง อ่านหนังสือ ดูการ์ตูน และดูซีรีย์

๘. สังเกตสภาพแวดล้อมและสุขภาพ โดยสุขภาพใจเป็นสิ่งสำคัญให้สุขภาพกายแข็งแรงและทนทาน

-3-

๑๒ ข้อ พิชิตการลืมการทำธุระ

คุณเคียวโกะมีคำมาแนะนำสำหรับคนขี้ลืมค่ะ

๑. เขียนสิ่งที่อยากค้นหาหรือรายการทีวีที่อยากดูแปะไว้ในที่ๆเรามองเห็นได้โดยง่าย

๒. ใส่รายการที่ชอบทั้งหมดไว้ในกระเป๋าเงิน ที่หาง่าย

๓. จดรายละเอียดของข้อมูลที่ได้รับทางอีเมล์ไว้

๔. เก็บอีเมล์ไว้เฉพาะธุระที่ทำยังไม่เสร็จ

๕. เก็บกระดาษที่ระบุอยู่เอาไว้

๖. จดวันทิ้งขยะที่ห้ามเผาซึ่งจำยากไว้บนปฏิทิน

๗. กำหนดสัญญาณการชำระเงินที่ลืมง่าย

๘. ห้อยเครื่องจับเวลาในห้องอาบน้ำ

๙. เขียนสิ่งที่ต้องเช็กก่อนออกจากบ้านตัวโตๆไว้ที่ประตู

๑๐. เตรียมของที่จะถือไปทำธุระในทันทีที่นึกออก

๑๑. จดธุระที่ลืมง่ายไว้ในตำแหน่งที่เห็นแน่ๆ

๑๒. ธุระนอกบ้านที่ต้องทำให้เสร็จ ให้ถือไว้ตอนจะปิดบ้าน 

5 เหตุผลที่เลือกอ่านหนังสือเล่มนี้

1. การจัดการเวลาเป็นสิ่งสำคัญ

เวลาเป็นสิ่งสำคัญที่มีจำกัดแค่ ๒๔ ชั่วโมง ต่อวัน และ ถ้าเราเสียเวลากับสิ่งที่ไม่มีคุณค่าไป มันไม่สามารถนำกลับคืนมาได้ เปรียบดั่ง แม่น้ำที่ไม่อาจไหลหวนกลับคืนเช่นเดียวกัน

“ตั้งแต่นั้นเป็นต้นไป 

เราก็ตั้งใจใช้ชีวิตและเวลาอย่างมีคุณค่า

เราจะค่อยๆพบกับชีวิตที่ดำเนินไปอย่างมีประโยชน์”

2. การรวบรวมสิ่งสำคัญอยู่ด้วยกัน

เราสามารถรวบรวมสิ่งสำคัญด้วยกัน โดยการจดว่า เราต้องทำอะไรในแต่ละวัน ในแต่ละชั่วโมง เพื่อให้เราไม่เสียเวลาในการทำสิ่งที่ไม่มีประโยชน์ 

ยกตัวอย่างเช่น 

         เราเคยนั่งอยู่ร้านเสื้อผ้านานถึง 5 ชั่วโมง กับการลองเสื้อผ้าไปมาจนพอใจ แต่หลังจากเริ่มมีการรวบสิ่งสำคัญ เราจะดูผ่านออนไลน์ก่อน และกวาดตามองเสื้อผ้าที่คิดว่า ชอบ และเริ่มลอง ซึ่งสามารถลดการใช้เวลาลงถึง 4 ชั่วโมง เหลือเราอยู่ในร้านเสื้อผ้าเพียงแค่ 1 ชั่วโมงเท่านั้น ถือเป็นการประหยัดเวลาได้เป็นอย่างดี

“พอเรารวบรวมสิ่งเดียวกัน ทำให้ชีวิตง่ายขึ้น

และทำให้มีเวลามากขึ้น

เราก็สามารถทำอะไรแบบปล่อยวาง

และสบายได้มากขึ้น”

3. ความไม่ประมาท

เวลาเรามีจำกัดและชีวิตเราไม่แน่นอน ดังนั้น เราไม่ควรประมาทในการใช้ชีวิตเช่นนี้ ซึ่งทุกคนมีเวลาจำกัดกันต่างกันไป ถ้าเราจัดการเวลาไม่ดี และอยู่อย่างประมาท ทำให้ ชีวิตของเราสามารถเป็นระบบ ระเบียบได้อย่างแน่นอน

“เมื่อเรามีการจัดการระบบเวลาอย่างดี

ทำให้เราไม่ประมาทในการใช้ชีวิตเช่นกัน

แล้วหลังจากนั้น ชีวิตเราจะดีขึ้นเป็นลำดับ”

4. ความมีสติ

การใช้ชีวิตทุกอย่างในเวลาจำกัดนี้ให้ดีที่สุด คือต้องมีสติและสัมปชัญญะควบคู่ไปด้วย และการมีสติ สัมปชัญญะช่วยให้คนเราไม่ก้าวไปในทางที่ผิดพลาดได้

“เมื่อไหร่ที่เราตั้งใจใช้ชีวิตอย่างเต็มที่

ในเวลาที่ประมาณ ๑๖ ชั่วโมง

และอีก ๘ ชั่วโมงที่ต้อง

ใช้เวลานอนหลับพักผ่อนอย่างมีสติ

การทำชีวิตแบบนี้มีคุณค่ามากขึ้นในทุกวัน”

5. ลดความกังวล

หลังจากที่วางแผนในชีวิตมาอย่างดี ความกังวลในการใช้ชีวิตในเวลาที่จำกัดน้อยลง และ สามารถใช้ชีวิตอย่างมีสนุกในทุกวันได้อย่างลงตัว โดยที่ทั้งทำงานและใช้ชีวิตส่วนตัว ทุกอย่างจะสมดุลไปหมด

“WORK LIFE BALANCE อย่างแท้จริง”

เราเรียนรู้การจัดการเวลาจากหนังสือเล่มนี้และเปลี่ยนชีวิตตัวเองให้มีเวลาที่เหลือให้ตัวเองมากขึ้น

“ตัดสิ่งไม่สำคัญออกจากชีวิต 

อย่างเช่น ความเครียดและกังวลออกไป” 

"ชีวิตการทำงานก็ลำบาก

ต้องหยุดหากมีเวลาพัก

อย่าปล่อยให้คนเขาทัก

คนน่ารักหายไปไหน

หากเราไม่สมดุลในชีวิต

อาจจะหวิดพาชีวิตตกเหวได้

หากเราจัดการเวลาดีเลวไหน

ชีวีพ้นเหวไหวหรือเหลวเอย"

“ขอบคุณสำหรับการอ่านเรื่องเล่านี้จนจบค่ะ เรามาใช้เวลาให้คุ้มค่ากันค่ะ และเราจะพบความสุขที่ค้นหาอยู่ตรงหน้าค่ะ”

Look a Breathe