มีชายร่างใหญ่และเยอะด้วยรอยสัก 2 คน ตามหาตัวผมโดยไปถามป้าคนหนึ่งที่บ้านอยู่หน้าปากซอย
"ป้าๆ ไอ้คนขับรถโฟล์คสีเขียวคันนี้มันอยู่บ้านหลังไหน" ชายหัวเหม่งถามพร้อมขมวดคิ้วยู่ยี่
" โน้นนนนน " ป้าใช้ไหวพริบและใช้นิ้วชี้ไปคนละทางกับบ้านของผม
แต่ไม่นานชายสองคนนั้นก็รู้ว่าป้าโกหกเพราะถามชาวบ้านซอยนั้นก็ไม่มีใครบอกได้ว่าคนขับรถโฟล์คสีเขียวอยู่บ้านหลังไหน และแล้วชายสองคนนั้นก็มาอยู่ที่หน้าบ้านผม ขณะนั้นผมตากผ้าอยู่หน้าบ้านพอดี
" เพ่...ใช่เจ้าของโฟล์คเขียวที่จอดหน้าปากซอยป่ะ " ชายหัวเหม่งถามขึ้นด้วยอารมณ์ร้อนแดด
" ครับ " ผมตอบด้วยน้ำเสียงแบบใดจำไม่ได้ เพราะกำลัง งงๆ และ ตกใจๆ
" ผมขับรถเฉี่ยวรถพี่ ผมมารับผิดชอบ " ชายหัวเหม่งพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงกึ่งนุ่มกึ่งห้วน
" อ่อ...ครับ " ผมตอบด้วยความโล่งใจ แทนที่จะตอบแบบตกใจเพราะรถโดนเฉี่ยว
" ผมขอโทษจริงๆนะครับ " ชายหัวเหม่งขออภัยจากผมพร้อมโค้งหลังโค้งหัวนิดๆขณะเดินไปดูที่เกิดเหตุดัวยกัน ชายอีกคนก็ยิ้มๆแสดงความเป็นมิตร
" ไม่เป็นไรครับพี่ ก็พี่ไม่ได้ตั้งใจหนิครับ " ผมพูดพร้อมโค้งต่ำระดับคนญี่ปุ่น
ระหว่างที่รอประกันมาที่เกิดเหตุที่หน้าปากซอยบ้าน ชายอีกคนก็เดินไปซื้อน้ำมาให้ผมดื่มแล้วก็ชวนคุยโน้นนี่ ส่วนชายหัวเหม่งก็ยังขออภัยผมอยู่เป็นระยะ ส่วนป้าหน้าปากซอยก็มาด้อมๆมองๆอยู่เป็นระยะ
หลายครั้งที่ความซวยของชีวิตนำพาผมไปเจอมิติความเป็นมนุษย์ที่หลากหลายทั้งดีและไม่มีแต่ผมคิดว่าก็ดีกว่าไม่เจอ ครั้งนี้ผมนึกขอบคุณความซวยที่ทำให้ผมเกิดความประทับใจในความรับผิดชอบของชายสองคนที่ดูทรงแล้วสังคมคงตีความไปในทางลบ ประทับใจป้าหน้าปากซอยที่นึกปกป้องผมเหมือนลูกเหมือนหลาน ทำให้ผมรู้สึกว่าโลกนี้สวยงามสดใส ทำให้ผมนึกอยากจะช่วยเหลือใครก็ได้ถ้ามีโอกาส นึกอยากรับผิดชอบถ้าตัวเองดันทำอะไรพลาดไป
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in