ไม่แปลกหรอกที่เราจะรู้สึกว่าการมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้มันก็โหดร้ายเหมือนกันนะโดยเฉพาะการที่เราต้องการเป็นอนุบาลเด็กโข่ง (เออเรารู้สึกคุ้นกับชื่อหนังเรื่องนี้มากไม่มั่นใจเลยว่าอย่างไร แต่ที่แน่ๆมันน่าจะมีตอนประถม ///ว่าด้วยเรื่องหนังเรื่องหนึ่ง) ใช่ตอนนี้เด็กๆชั้นป.3กเป็นเด็กโข่งไปหมดแล้วน่ะสิ แย่หน่อยนะที่การเลี้ยงดูอบรมและดูแลของครูชั้นป. 2มันห่วยจนทำให้เด็กโง่ได้มากขนาดนี้เชื่อว่าการเรียนที่ทั้งชั้นไม่สามารถเรียนแล้วรู้เรื่องได้ นั้นมันเป็นเวรและกรรมของเด็กห้องก ทุกปี โดยเฉพาะการที่จะต้องถูกโดนเปรียบเทียบกับ ห้อง ขที่ถูกอบรมให้กลายเป็นเด็กที่มีบุคลิก ที่ดี ทั้งการวางตัวและสังคมแม่งห้องนั่นน่ะลูกขุ่นหนูมาก แถมแม่งเรียนเก่งด้วยนะ อย่างน้อยตอน ป.2เค้าก็เรียนเก่งกว่านั่นแหละนะ จนกลายเป็น signature ไปแล้วว่าห้องก จะเป็นเด็กกิจกรรม เน้นแอคทีฟ ความรู้ปานกลาง ทั้งๆที่ห้อง กที่มันเป็นห้องเก่งกว่า ไม่ใช่หรอวะ สรุปโรงเรียนนี้มันไม่ใช่แหละ ส่วนเด็กห้อง ขก็จะเป็นเด็กที่สุภาพ เรียบร้อย เป็นผู้ใหญ่ ดูโตกว่าวัยส่วนแก่แดดนั้นไม่รู้อ่ะเราไม่ได้เรียนกับพวกเค้าเราเลยไม่รู้ว่าลึกแล้วเด็กห้องนั้นเค้าแก่แดดรึเปล่าวะถ้าเพื่อนห้องนั้นมาเรานี่คงต้องโดนจ้องเอาสไนป์มายิงหัวแน่ๆอ่ะแบบนี้และนั่นมันก็จะถูกวางบล็อกกิ้งแบบนั้นไปเลยนานแสนนาน จนจบการศึกษาไปเลยเศร้าเนอะแบบนี้ มันคงเป็นเพราะคนคนนั้นนั่นแหละ “ครูเด” ด้วยการสอนที่สามารถบอกได้เลยว่า“ครูคนนี้เค้าเคยสอนอะไรเราวะ”เป็นสัญลักษณ์ของชั้นนี้ทำให้เรารู้สึกว่าเออนี่เราผ่านชั้นนี้มาได้ไงวะเหมือนไม่ได้เรียนเลย 1 ปี (ซึ่งตอนนั้นได้แต่เล่นกับเล่นเท่านั้น)ความทรงจำเกี่ยวกับชั้นนั้นจึงกลายเป็นความเล่นมากกว่าความสอน) แต่เอาเข้าจริงคือแกนั้นไม่สนใจเด็กในโรงเรียนเลยและแกก็ไม่สอนพิเศษ หรือจะสอนอันนี้ไม่ทราบได้ เพราะบ้านแกอยู่ในเมืองไม่ได้อยู่แถวๆนี้เหมือนครูคนอื่น พอเลิกงานคือโรงเรียนเลิกแกก็เตรียมบึ่งรถของแกเป็นรถคล้ายๆรถตู้อ่ะเราไม่รู้เรียกว่าอะไร มีสี่ประตู ตอนท้ายรถจะมีกระโปรงหลังคาคุมไว้เก็บของขนของได้ด้วยทุกคนจะรู้ว่านั่นคือรถของครูเด แถมบึ่งไปตั้งแต่โรงเรียนยังไม่เลิกด้วยนะ สัก15.00 แกก็ไปแล้ว แต่พอมาเจอครูปฏิมา แกเริ่มมีความรักเว้ย แกสนใจครูของเราวะแกเลยเริ่มเปลี่ยนนิสัยมาสอนพวกเราบ้าง ซึ่งก็เหมือนแบบสอนเอาใจสาวน่ะพอสาวหนีก็ปล่อยให้เด็กมันเล่นอยู่ในห้องแบบเงียบๆไม่ส่งเสียงกวนห้องอื่นเป็นพอบรรเจิดมาก ซึ่งนั่นก็สามารถไล่เด็กไปได้ 2 คน เพราะทนกับการสอนครูแกไม่ไหวเลยย้ายโรงเรียนหนี จบ
กลับมาเล่ากันถึงสมัยประถม3 กันเถอะครับพูดถึงครูเดแล้วก็กลายเป็นคนลึกลับอันดับสองของโรงเรียนอยู่ดีนั่นแหละรองจากยัยป้าอสรพิษนั่น ในชั้นประถม 3 นี้เราได้ครูที่ดีมากคนนึงครับ นั่นก็คือครูสรัญ ครูสรัญเขาเป็นครูที่มีความสามารถที่หลากหลายมากครับ ทั้งการพูดภาษาอังกฤษเป็นคนลุยๆ กิจกรรมๆ งานไหนๆก็จะมีแกเป็นคนเตรียมสถานที่ ไม่ว่าจะไหว้ครูเอย วันเด็กเอย วันแม่เอย งานอะรัยก็ไม่รู้เอยแกนี่แหละเป็นคนเตรียมงานอยู่เบื้องหลังด้านสถานที่เลยเครื่องสงเครื่องเสียงนี้ด้วยซึ่งแกจะโคออพกับครูเด ครูห้องก่อนของพวกเรานั่นแหละ สุดท้ายแกต้องมารับบาปภาระดูแลเด็กโข่งเหลือขออย่างพวกเราเลยล่ะน่าแปลกนะ แกกลับไม่เห็นว่าเราเป็นเด็กแบบนั้นและแกเองก็น่าจะรู้ด้วยว่าเด็กคนไหนอยู่กลุ่มไหน เราจะเป็นกลุ่มที่เห็นแกตัวคือพวกหวงวิชา เปล่าหรอกเราไม่ได้หวงแต่เราชอบสอนพวกเด็กอ่อนหรือเขาไม่รู้เราก็จะสอนให้ แต่มันไม่เร็วไง มันไม่ติวเตอร์ไงอ่ะมาเล่นเกมส์กันก่อนไหมว่าทำไมเราถึงอยู่ในกลุ่มเด็กพวกหวงวิชาไปได้ล่ะให้เวลาคิดสองนาที เอ้าเริ่ม
……………………………………………………………………………………
…………………………………………………………
………………………………………………
……………………………
……………….
……
…
.
.
.
.
ก็จากที่บอกไปนั่นแหละเราเป็นพวกที่สอนและจะไม่บอกคำตอบให้ง่ายๆ แบบ เฮ้ยๆสายลมข้อนั่นตอบอะไรอ่ะเราจะไม่บอกเพื่อนเลยแต่จะบอกอ้อมๆถึงวิธีทำให้หาคำตอบได้เองแทน ประมาณนี้เพื่อจะให้ได้รู้ไปเลย ไม่ใช่ว่าได้แค่คำตอบแล้วเอาไปส่งครูให้เสร็จใช่มะแบบนั้นมันไม่แฟร์ไหมวะซึ่งความคิดแบบนี้มันเกิดมาจากการโดนเคี่ยวเข็ญนั่นแหละครับ ที่บ้านแม่แกจะมาสอนพิเศษด้วยวิธีสอนพิเศษแกก็อย่างที่เคยพูดไป มันทำให้ผมฝังใจไงว่าคำตอบมันไม่ได้มาง่ายๆนะมันต้องพยายามคิดด้วยตัวเองบ้างสิวะ ซึ่งส่วนใหญ่เพื่อนมันจะอยากได้คำตอบเพื่อให้ส่งครูแล้วจะไปไปเล่นจบ พอเป็นแบบนี้มากๆเพื่อนก็เริ่มไม่คบ และหาทางแกล้ง เกลียดเนอะช่วงเด็กนี่ชอบโดนแกล้งบ่อยมากไงช่วงหลังๆถ้าไม่จวนตัวจริงๆเพื่อนจะไม่มาหา ซึ่งเราไม่สนใจนะเราอยู่ได้ว่ะเราไม่แคร์ โนแคร์โนสน เพราะมันไม่จำเป็นต้องใส่ใจ ในใจคิดแต่เพียงว่าเอาเหอะเรียนๆไป อีกสามปีกูก็ไม่เจอพวกแล้วล่ะว่ะ ชีวิตกรูมีอะไรตั้งเยอะที่น่าสนใจกรูจะสนใจพวกมึงไปทำไมวะแกล้งก็แกล้งไปกูไม่สน แต่อย่าให้กรูทนไม่ได้ก็แล้วกัน เราเองก็เป็นแบบนั้น
ด้วยความที่นิสัยตุ้งติ้งหน่อยๆไม่ดูทมัดทแมง ครูและเพื่อนผู้ชายก็จะชอบล้อเราตลอดไม่เว้นแม่แต่ครูประจำชั้นนั้นพวกเขามักจตะเรียกเราว่า “อีดูด” เชี่ยแม่ง เรียกชื่อเราเราจะไม่ว่าเลยนะ แม่งเรียกเสียๆหายๆบางทีเราก็แอบคิดนะว่าที่ตั้งว่า “อีดูด” เนี่ย แกต้องการให้เรา “.....” ของแกให้หรือเปล่าเออช่างเถอะอาจารย์คนนี้แกเป็นพวก ผู้ชายบ้าบิ่นและก็ชอบล้อนั่นนี่ตามประสาคนไทยที่แม่งปากหมาไปเรื่อยนั่นแหละแหน่ะไปเหน็บแกจนได้สิน่า เอาจริงๆก็เจ็บใจแหละ ถ้าครูสรัญแกไม่เรียกเราแบบนั้นไอ้พวกมหล่าก๋าพวกนั้นคงไม่เรียกตามหรอก สุดท้ายก็โดนเรียกชื่อนั้น 2 ปีเต็มๆเพราะครูผู้ปากพร่อย ครั้งนั้นนั่นแหละ เสียดายนะที่เราเป็นเด็ก จึงต้องข่มใจแล้วยิ้มแห้งๆไปไม่เหมือนบอสฮอร์โมน หรือเจนฮอร์โมนที่สามารถไฟท์ กับครูหรือใครก็ได้เพราะไม่กลัวอิทธิพลหรือกลัวหาว่าเป็นเด็กแก่แดดบ้าง อืม...เมื่อพูดเรื่องการเรียนในชั้นนี้นับว่าเป็นการเรียนที่ทุลักทุเล เพราะครู สรัญแกต้องรับภาระหน้าที่สอนวิชา ป.2พวกภาษา บวกๆลบๆ คูณ หาร พวกนี้ใหม่เพื่อทบทวนไปด้วย เพราะจากการสอนของครูเดที่แกไม่สอนเหี้ยอะไรให้เราเลยนั่นแหละ ทำให้การเรียนมันชะงักไปเลย แต่ก็ยังดีนะที่แกยังใจดีอุตสาหะสอนเนื้อหาป.2 ให้อยู่ไม่งั้นนะ เด็กจะได้ร้องเพลงบ่าววี(โดดเดี่ยวเดียวดายในท้องเล....) เพราะถ้าแกสอนเนื้อหา ป.3 ไปเลยเชื่อว่าเกือบครึ่งห้องน่าจะเอ๋อแดกไปหมด เพราะความรู้ในชั้น ป.2ที่มันน้อยเหลือเกินนั่นแหละ สุดท้ายการทบทวนเนื้อหาป.2 ก็กินเวลาร่วม 2เดือนเลยแหละครับ ครึ่งเทอมเข้าไปแล้วพวกเราค่อยได้เรียนเนื้อหาชั้น ป.3ซึ่งอีกห้องนี่เรียนไปถึงไหนแล้วก็ไม่รู้
หากเปรียบพวกเราชั้น3ก และ พวกเขาชั้น 3ข พวกเราคงเป็นเต่าและเขาเป็นกระต่ายแต่ตอนจบของนิทานมันต่างจากในนิทานทั่วไปนิดหน่อย คือเต่าก็จะยังเป็นเต่าอยู่วันยังค่ำ และไม่สามารถมีปีกบินได้เหมือนเกมส์ซูเปอร์มารีโอได้อย่างแน่นอน จบ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in