แต่งโดย Noda Yojiro
ขอบคุณเนื้อเพลงจาก https://www.uta-net.com/song/229103/
https://www.uta-net.com/song/229103/ より引用
สีเทาคืออธิบายความหมายเนื้อเพลงตามความเข้าใจของตัวเองคร่า อาจจะไม่รู้เรื่อง(หรือมาก)หน่อยนะคะ...
Naa Orega byoki datteieru konkyo nanka annokai
Betsu ni anta yokorobasutame ni umarete kitan janai
Anta tote sou desho Kusaimono ni futa shiyou
Shinji tai mono dake woshinjite kitan deshou
เฮ้จะมีเหตุผลอะไรจะมาบอกว่าฉันป่วยหรือว่าไงล่ะ
ก็ไม่ได้เกิดมาเพื่อให้นายดีใจสักหน่อย
นายก็เหมือนกันนี่นาปิดฝาซ่อนสิ่งที่เหม็น
เชื่อแต่สิ่งที่อยากจะเชื่อมาไม่ใช่หรอ
...เป็นเพลงที่น่าจะสมมติให้ผู้ถูกล้างสมองหรือ洗脳 เป็นผู้ร้องค่ะ อย่างเช่นว่าคนเป็นโรคจิตหรือว่าคนที่คลั่งไคล้ในศาสนาที่สอนเรื่องที่ขัดกับหลักคุณธรรมทั่วไป มีความคิดและความเชื่อที่แตกต่างไปจากคนอื่นๆ
ท่อนนี้จะร้องว่าถึงตนนั้นจะแตกต่างไปจากคนปกติธรรมดาหรือไม่ก็ตาม แต่คนอื่นก็ไม่สามารถบอกได้เต็มปากว่าตนป่วยหรือเป็นโรคจิต เพราะทุกคนมีสิทธิ์ที่จะเลือกสิ่งที่อยากจะเชื่อ การเชื่อแต่สิ่งที่เรียกว่า"ถูกต้อง" ที่ถูกกำหนดหรือเป็นสามัญสำนึกในสังคม (อย่างเช่นว่า ต้องเป็นคนที่มีน้ำใจ มีมารยาท ฯลฯ) ก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่จะเลือกเชื่อและปฏิบัติ ไม่ได้เป็นสิ่ง"ถูกต้อง"จริงๆ เพราะความแตกต่างทางด้านความคิดหรือจิตใจนั้นเรียกได้ว่าเป็นแค่ความหลากหลายเท่านั้น การบอกว่าถูกหรือผิดไม่มีคำนิยามที่แน่นอนในความเป็นจริง
Shou to chuu to kou tohisshi koite teni ireta jyaken to henken to
Ugatta sono shikou woTori harau noni hito kurou
Saa kyou kara wadoushiyou Aa chikushou uzoumozou
Mou damasare ya shinai zo
การคิดที่ผิดหลัก
ที่ลำบากได้มาจากการเรียนประถมม.ต้นม.ปลาย ต้องมาเหนื่อยปัดมันออกอีกที
แล้ววันนี้จะทำไงต่อดี บ้าเอ้ย ไร้สาระไปหมด
จะไม่ถูกหลอกต่อไปอีกแล้วล่ะ
...ในวัยศึกษาเล่าเรียน ความคิดที่ผิดหลัก(สำหรับผู้ร้องในตอนนี้) ความเห็นแบบลำเอียง(ความเชื่อที่ไม่มีหลักการทีี่ถูกต้องและถูกเอนไปเพราะความคิดเห็นส่วนตัว คืออย่างเช่นว่า คนแก่ขี้บ่น เพราะถูกปู่ย่าตายายบ่นบ่อยๆในอดีต แต่คนแก่ก็ไม่ได้ขี้บ่นทุกคนอยู่แล้ว) การเอาแต่สงสัย(คือการเอาแต่คิดไปคิดมาว่าอะไรจริงอะไรเท็จ ชอบสงสัยเชื่อคนยาก) ทั้งหมดที่ได้มาล้วนแต่ต้องมากำจัดออกให้หมด เพราะจะเป็นตัวขัดขวางความเชื่อของตนเองในตอนนี้
และบอกว่าจะไม่โดนอะไรหลอกอีกต่อไปแล้ว คนที่ถูกล้างสมองไปคือจะเชื่อแบบไม่มีเหตุผลและความคิดอะไรมาอ้างอิง(แต่ก็จะเชื่อ)
Anta gata dokosa higo sadoko hiikikatten de
Essa hoisa ikita kekkakoreja
Shikata naishi ajikenaishi izatte toki wa tsukae nai
Kimi no you ni nanigenaku “Jiyuu” ni boku mo kaware tai
การปกป้อง หรือว่าการเข้าข้างลำเอียงใคร
มีขีวิตถึงตอนนี้แล้วเจอผลแบบนี้ไป
ทำอะไรไม่ได้แล้ว แล้วยังน่าเบื่อหน่าย ใช้อะไรไม่ได้ซักอย่าง
ผมก็อยากที่จะถูกความอิสระเลี้ยงอย่างเธอบ้าง
...พอปกป้องหรือเข้าข้างสิ่งต่างๆ เพราะมีความเชื่ออย่างอื่น จนมาเจอผลเสีย ก็รู้ว่าการกระทำแบบนั้นก็ไม่มีประโยชน์อีกแล้ว
ความอิสระเลี้ยง คือการที่สามารถมีความคิดหรือปฏิบัติสิ่งที่ตนนั้นเชื่อว่าถูกจริงได้ ถ้าพูดให้น่ากลัวหน่อยคืออย่างเช่นว่าคนที่ต้องการทำร้ายคนอื่นภายในลึกๆ แต่ก็ไม่สามารถนำความคิดออกมาบอกใครหรือนำมากระทำจริงๆได้ เพราะถูกกฎหมายและสังคมหักห้าม ถูกกำหนดว่าเป็นสิ่งที่ผิดในสังคม
Mieteru mono yori mienaimono
Shi tteru koto yorishiranai koto nohou ga
Ooi towa iuga soryadoudarou kamou
Utagau koto bakari umakunatte mo
สิ่งที่ไม่เห็นกว่าสิ่งที่เห็น
สิ่งที่ไม่รู้ว่าสิ่งที่รู้
จะบอกว่ามันมีมากกว่า แต่ว่ามันจริงหรือไม่กันแน่นะ
ถึงจะสงสัยเก่งขึ้นไปเรื่อยๆก็คงไม่ได้อะไรกลับไป
...พูดไปด้านบนแล้วว่าเราสามารถเลือกสิ่งที่เรารับรู้และเชื่อได้ สิ่งที่เราไม่ได้เชื่อนั้นก็อาจไม่ได้อยู่ภายในตัวเราหรือในมุมมองของเรา เหมือนกับลิง3ตัวที่ไม่ฟัง ไม่ดูสิ่งที่ไม่ดี คือการเมินสิ่งที่เราจะรู้ไปเลย
Shinji tatte ii deshou?Chigatte tatte nan nano?
Dakaratte iikoto gaaruwake ja nain dashi
Kou ka fukou ka douka waboku ni kime sasete yo
Hoka wa sukikatte kimesasete yatterun dakara sa
เชื่อไปก็ไม่เห็นจะเป็นไรถึงจะไม่ใช่แล้วไงล่ะ
ยังไงก็ไม่ได้มีอะไรที่ดีไปกว่านี่นา
จะมีหรือไม่มีความสุขน่ะ ให้ผมเลือกเองเถอะ
อย่างอื่นก็ให้เลือกไปตามใจชอบแล้วนี่
...ถ้าเราให้ความหมายกับความ"ถูกต้อง" และ"ความสุข"ของตนนั้นได้ก็น่าจะพอแล้ว ผู้ร้องเลยร้องไปว่าขอให้ตนนั้นเลือกสิ่งพวกนั้นเองหน่อยเถอะ เพราะที่เหลือก็กำหนดกันไปตามใจแล้ว
Boku ga kowai nokai Nandenakun dai
Rikai ga dekinai Sore waboku mo issho sa
“Me wo samashi te yo”Nani wo itten no?
Ichigo ikku chiga wazusono kimochi mo issho sa
กลัวผมหรอ ทำไมถึงร้องไห้ล่ะ
“ลืมตาตื่นซักทีสิ” พูดอะไรอยู่น่ะ
ความรู้สึกนั้นไม่ต่างกันแม้แต่พยางค์เดียวอักษรเดียว
Nani mo chigawa nain dabokura Souda naku koto nante nain da
Dakara mama kao agete saawaratte ya
“Shiawase ni natte kuresae sureba iitte” sa
Itteta Ima boku wa iu yokokoro kara
พวกเราไม่ได้ต่างกันเลยซักอย่าง ใช่แล้วไม่ต้องร้องไห้หรอกนะ
เพราะฉะนั้นเอาหน้าขึ้นมาแล้วยิ้มสิครับแม่
“ขอให้แค่มีความสุขก็พอแล้ว” น่ะ
เห็นเคยบอกนี่นา ผมเลยจะบอกจากใจตอนนี้
...ถ้าความคิดต่างกันเป็นแค่ความหลากหลาย ดังนั้นก็ไม่มีเหตุผลที่จะแบ่งแยกคนๆใดคนหนึ่งแล้วบอกว่าเขาต่างจากเราได้ พวกเราจึงเป็น"มนุษย์"ที่แค่มีความคิดต่างกัน ผู้ร้องจึงบอกว่าตอนนี้เขามีความสุขพอใจดีแล้วกับตัวเองในตอนนี้
Happy Happy Happy Happy
แฮปปี้ แฮปปี้ แฮปปี้ แฮปปี้
Umare kawatta no dearimasu Kore zo shin no sugata nano desu
Imamade no jikan towaanata sama nimeguri au tame no mono datta no desu
Wakarimasu Wakarunodearimasu Anata no idai sa wo, kyodai sa wo
Rikai dekiru zunou woataete kudasatta koto wo tadatada koko ni kansha itashi masu
ได้เกิดใหม่มาแล้วครับ นี่คือตัวตนที่แท้จริงเองครับ
เวลาทั้งหมดที่ผ่านมาคือสิ่งสำหรับพบกับท่านนั้นเอง
เข้าใจ สามารถเข้าใจได้ความยิ่งใหญ่ของท่าน
จึงซาบซึ้งขอกราบขอบพระคุณที่ท่านยอมถวายความชาญฉลาดที่ให้เข้าใจมันได้
Kazoku ni mo hanashimasita Dame deshi ta
Hamidashi ta nowa boku nohou danante iwarete
Boku wa ware wo wasuretenaguri mashita Naguri tsuzuke mashi ta
Soshita ra tsui ni hahawa ugokanaku natta nodesu
Anata sama no teki wawatashi no teki de aru no desu
Tatoe sorega chi notsunagatta nikuoya de arouto yurusu wake ni wa ikanai no desu
ลองพูดกับครอบครัวแล้วแต่ว่าไม่ได้ผลครับ
กลับถูกบอกว่าฝั่งที่ไปผิดทางคือตัวผมเอง
ผมลืมตัวควบคุมตนจนไม่ได้ แล้วต่อยออก ไปต่อยออกไป
พอทำอย่างงั้นแล้วมารดาก็ไม่ขยับเขยื้อนอีกต่อไปเลย
ศัตรูของท่านคือศัตรูของผม
ถึงจะเป็นพ่อแม่ที่มีสายเลือดตือต่อกันก็ไม่สามารถให้อภัยได้ครับ
...ที่พูดๆๆคือพูดให้กับคนที่ผู้ร้องนับถืออยู่ หรือเป็นคนล้างสมองผู้ร้องไปให้นับถือในตนเอง
Hanakka ra jibun ni maruwo boku ni batsu wo tsukete sa
Atama gonashi ni furikazashita sono kimi no seigi no
Usui koto samui koto hanade waratte shimau yo mou
Kimi janai yo “Kimi nosachi” no teigi tsuketa yatsu wa sou
เอาวงกลมให้ตนเองแล้วเอากากบาทให้ผมแต่แรก
ความถูกต้องที่เหวี่ยงไปมาโดยไหม่สนใครของเธอนั้น
เบาบางและหนาวเหน็บจนพ่นลมหัวเราะออกมาได้เลยนะ
ไม่ใช่เธอหรอกนะ คนที่นิยามให้กับ
"ความสุขของเธอ" นั้นคนที่นิยามให้น่าจะเป็นสังคม เพราะ"เธอ" ในเพลงนี้คิดได้ว่าเป็นคนที่มีความคิดตามหลักของสังคม และว่าผู้ร้องว่าเป็นฝ่ายผิด
Mieteru mono yori mienaimono
Shi tteru koto yorishiranai koto nohou ga
Ooi towa iuga soryadoudarou kamou
Utagau koto bakari umakunatte mo
สิ่งที่ไม่เห็นกว่าสิ่งที่เห็น
สิ่งที่ไม่รู้ว่าสิ่งที่รู้
จะบอกว่ามันมีมากกว่า แต่ว่ามันจริงหรือไม่กันแน่นะ
ถึงจะสงสัยเก่งขึ้นไปเรื่อยๆก็คงไม่ได้อะไรกลับไป
Shinji tatte ii deshou?Chigatte tatte nan nano?
Dakaratte iikoto gaaruwake ja nain dashi
Kou ka fukou ka douka waboku ni kime sasete yo
Hoka wa sukikatte kimesasete yatterun dakara sa
เชื่อไปก็ไม่เห็นจะเป็นไร ถึงจะไม่ใช่แล้วไงล่ะ
ยังไงก็ไม่ได้มีอะไรที่ดีไปกว่านี่นา
จะมีหรือไม่มีความสุขน่ะ ให้ผมเลือกเองเถอะ
อย่างอื่นก็ให้เลือกไปตามใจชอบแล้วนี่
...สรุป ผม/ฉัน(ผู้ร้อง) และเธอ(คนที่ผู้ร้องพูดด้วย) ต่างก็มีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน ถึงผู้ร้องจะถูกบอกว่าผิดปกติไปจากคนปกติ แต่ผู้ร้องก็เอาไปคิดแค่คนเดียว ไม่เหมือนเธอที่เอาแต่บอกว่าคนไหนถูก คนไหนผิดด้วยแค่ความเชื่อ ความคิดเห็นส่วนบุคคล จะเห็นได้ว่าผู้ร้องไม่ได้บอกเลยว่า เธอนั้นมีความคิดที่ผิด แต่สิ่งที่ผิดอย่างเดียวคือการที่คิดไปว่าตนเองนั้นถูก คนที่ความคิดไม่ตรงกับตนเองผิด
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in