แต่งโดย Noda Yojiro
ขอบคุณเนื้อเพลงจาก http://j-lyric.net/artist/a04ac97/l02459a.html
http://j-lyric.net/artist/a04ac97/l02459a.html より引用
Tachi domaru nante muridayo Kono hoshi no ue ni ikiteru kagiri
Datte mou supi-do de konohoshi wa boku no karada wo hakon derun dayo
Tachi domatte mita kerebajisoku senyonhyaku kiro no hayasa de
Sei ippai chikyuu gyakumawari hashira nai to ne
จะให้ยืนหยุดอยู่กับที่น่ะเป็นไปไม่ได้หรอก ถ้ายังคงมีชีวิตอยู่บนดาวดวงนี้
เพราะว่าดาวนี้ขนตัวผมไปด้วยความเร็วพุ่งไป1400
ถ้าอยากจะลองหยุดยืนอยู่กับที่ดูก็ใช้ความเร็ว1400
วิ่งกลับหลังตรงข้ามกับโลกเอาเป็นเอาตายดูละกัน
Ganban nai tame nimoganban nai to ikenai nante wake ga wakan nai
Shikata nai kara ganbarukedo mou ii douni demo nare
ต้องพยายามเพื่อให้ไม่ต้องพยายามเนี่ย ไม่เห็นจะเข้าใจเลย
ช่วยอะไรไม่ได้เลยมาพยายาม แต่ว่าพอแล้วเป็นยังไงก็เป็นเถอะ
[Chorus]
Dore dake ushiro muki niaruite mitemo mirai ni
Mukatte tte shima un daKibou wo mota sarete shima un da
Tewata sareta soitsu wotada nage sutete mita tokoro de mata
Kara ni natra sono te mitsugi no mirai watasa rete shima un dakara
ถึงจะเดินหันกลับไปด้านหลังยังไง แต่ก็ยังมุ่งไป
ยังอนาคตอยู่ดี ถูกฝากถือความหวังไว้อยู่ดี
ถึงจะแค่ลองโยนทิ้งมันที่ถูกส่งมือมา
แต่ก็ยังถูกส่งอนาคตอันต่อไปลงบนมือที่ว่างนั้นอยู่ดี
Yariba ni komatta sonomirai shikata nai kara totte oita kedo
Futoshi ta toki ni me womukeru to chiba shi tta me de boku wo mirun dayo
Nigekon da heya nosumikko mo kurumatta futon no naka de sae mo
Me ippai boku no sugusoba ni hebari tsui teru
อนาคตที่ไม่รู้ว่าต้องเอาไปไว้ไหน ตอนนี้เก็บมันไว้เพราะไม่รู้ควรจะทำยังไง
พอลองหันตามองมันดูมันแวบหนึ่ง มันจะมองผมด้วยตาที่แดงก่ำด้วยเลือด
ถึงจะในมุมห้องที่หนีเข้าไป หรือจะในผ้าห่มที่คลุมทั้งตัวแล้ว
ยังติดหนึบอยู่ข้างๆผมเท่าที่ทำได้อยู่เนี่ยเลย
“Nee mou iikai?” “Iyamada dayo”
“Jaa mou iikai?” “Mou shitsukoi yo”
Akirameru koto toka shiranai no? Mou dou iu tsumori nano?
“เอาได้ยัง?” “
“งั้นทีนี้เอาได้ยัง?” “โอ้ย รำคาญแล้วนะ
ไม่รู้จักการล้มเลิกหรือว่าอะไรเลยหรือไง
Dore dake koube wo tarearui te mitemo mirai ni
Sugu ni mitsu katte shimaun da Boku wo tsure tette shi maun da
Isso no koto oinui teyarou nante ikimai ta tokoro de mata
Kesshi te oi kose ya shinain da Yoru ni ukabu tsuki no you na mon nanda
ถึงจะก้มหน้าลงแล้วลองเดินไปดูยังไง
แต่ก็ยังถูกหาเจออยู่ดี ยังพาเอาผมไปอยู่ดี
หรือว่าจะแซงหลุดไปเลยจะดีกว่า ถึงจะหอบว่าไปอย่างงั้น
มันไม่มีทางที่จะแซงออกไปได้ เหมือนกับดวงจันทร์ที่ลอยอยู่บนค่ำคืน
Ato nimo saki nimo ikashite kure nain da
Chiccha na hako ni tsumeirare hakoba reru shika nain da
Ato nimo saki nimo soreigaiwa nain dakara
ไปหลัง หรือไปก่อน มันไม่ให้ไปหรอก
ต้องถูกยัดลงกล่องจิ๋วๆแล้วขนไปเท่านั้นแหละ
ไม่มีทั้ง ไปหลัง ไปก่อนหรือว่าอย่างอื่นเลยหรอก
“Konrinzai kakawan nai”“Tsui ni akirameta mou banbanzai”
“Dakedo saigo ni onegaiyo Mimi sumashi te mite”
“ไม่ยุ่งด้วยแล้ว” “ล้มเลิกแล้วซักทีไชโย”
“แต่ว่าขอร้องเป็นครั้งสุดท้ายหน่อย ลองเงี่ยหูดูสิ
Dokoka de kikoeru koe“Sutete shimau you na mirai nara
Douka boku ni yuzutte kureyoDaiji ni tsukatte miseru kara”
เสียงที่ได้ยินจากที่ไหนซักที่หนึ่ง
สละให้ผมหน่อยเถอะ แล้วจะใช้อย่างทะนุถนอมให้ดู”
Soshi te yatto kizui tayoSotto tsuyoku daki shime tayo
Umareta toki sou tashikani boku ga uketotta mono dakara
แล้วถึงจะรู้ตัวซักที จึงค่อยๆกอดมันอย่างหนักแน่น
ตอนผมเกิด ใช่ มันคือสิ่งที่ผมได้รับมาจริงๆ
Haruka saki no kimi nisakebu “Imakara iku kara matte te yo”
Sono me ni namida ukabetakimi wa boku no mirai sono mono dattan da
ตะโกนถึงเธอที่อยู่ใกลนู้น
เธอที่มีน้ำตาเอ่อล้นบนดวงตานั้น คืออนาคตของตัวผมนั่นเอง
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in