ผมฝันถึงเขา ในความฝันเขาบอกลาผม ใบหน้าช่างเสร้าสร้อยแต่ผมกลับสัมผัสได้ถึงความโล่งใจผ่านแววตา เขาค่อยๆเลือนหายไป ผมพยายามคว้าตัวเขาไว้ เศษเสี้ยวความเป็นเขาแตกสลายกลายเป็นนกนับร้อยตัว บินโฉบสู่มวลเมฆอึมครึม ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีเทา สายฝนเทกระหน่ำลงพื้นดิน ผมร้องไห้ และตัวผมก็ตื่นขึ้นพร้อมน้ำตาที่ไหลนองหน้า ผมเฝ้าปลอบประโลมตัวเองทั้งวัน—มันก็เป็นแค่ฝัน ใช่ เป็นแค่ความฝัน แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่สามารถเอาความฝันนั่นออกจากหัวได้เลย
“สีหน้าไม่ค่อยดีเลยนะครับ” เบ๊ผู้ซื่อสัตย์ของเพื่อนสนิทยื่นถ้วยช้าให้ผมดื่ม ผมพยักหน้ารับ “เคยรู้สึกไล่ตามใครสักคนไม่ทันไหม?” ผมถาม เหม่อลอยมองไอร้อนของชา คนข้างๆทำหน้าประหลาดใจเล็กน้อย อ่านจากสายตาได้ว่า 'คนๆนี้ใช่หัวหน้าที่ผมเคยรู้จักหรือเปล่า?' แหงล่ะ ปกติผมเคยเป็นฝ่ายชวนคุยก่อนเสียที่ไหน โดยเฉพาะกับเรื่องแบบนี้
"ผมรู้สึกแบบนั้นอยู่ตลอด"
"กับฮันจิ?"
"บอกตามตรงก็ใช่ครับ"
"..."
"เธอมักจะทำอะไรหุนหันพลันแล่นเสมอ ชอบค้นคว้าสิ่งใหม่ๆ รักการใช้ชีวิตอยู่ในห้องทดลอง หัวไว ฉลาดเป็นกรด ส่วนผมก็เป็นแค่ลูกน้องคนนึง ไม่มีผลงานโดดเด่น ได้แต่คอยตามดูว่าวันไหนเธอจะทำอะไรบ้าง เธอชอบทำอะไรบางอย่างที่ผมไม่ค่อยเข้าใจ ทุกครั้งที่ผมคิดว่าผมไล่ตามทันแล้ว กลับพบว่าเธอได้เดินหน้าไปอีกก้าวนึงก่อนที่ผมจะเข้าใจอะไรๆเสียอีก"
"บางครั้งฉันก็ตามยัยนั่นไม่ทันเหมือนกัน"
"แต่หัวหน้ากลับเป็นคนที่รู้ใจเธอมากที่สุด เธอก็เป็นคนที่เข้าใจหัวหน้ามากที่สุด ผมหมายถึงถ้าไม่นับผู้บัญชาการ บางครั้งผมก็รู้สึกว่าตัวเองโง่ บางทีเธอคงไม่ต้องการผม เฮ้อ ผมอยากเป็นหัวหน้า จะได้ไล่ตามเธอทันบ้าง"
"รู้ไหม ถ้าฮันจิไม่มีนายฉันก็นึกไม่ออกว่าชีวิตยัยนั่นจะเป็นยังไง คงลืมเวลากินข้าว คงใส่เสื้อผ้าตัวเดิมทั้งอาทิตย์ คงได้วิ่งวุ่นทั้งวันเพราะตารางงานที่ยุ่งเหยิง นายสำคัญกับฮันจิมากกว่าที่ตัวเองคิดเสียอีก"
“ขอบคุณที่ช่วยปลอบผมนะครับ”
“เป็นตัวของนายเองดีที่สุดแล้ว”
“แล้วหัวหน้าเคยรู้สึกไล่ตามใครสักคนไม่ทันไหมครับ?”
ผมนิ่งเงียบ มองไปทางหน้าต่าง เห็นภาพเขากำลังยืนคุยเรื่องอะไรสักอย่างกับฮันจิอยู่ (แถมยัยนั่นยังหัวเราะเสียงดังเป็นบ้า) ผมคิดว่าตัวผมเองก็ไม่ต่างอะไรกับคนที่ผมสนทนาด้วยเลย พวกเราช่างโง่เง่า เอาแต่ไล่ตามบางสิ่งที่บางครั้งเราไม่แม้แต่จะเข้าใจมันสักนิด แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังต้องการพยายามเข้าใจความคิดเขามากขึ้นอีกอยู่ดี ความรักหนอ ความรัก “ฉันคิดว่าฉันก็เหมือนกับนาย”
ตกเย็นผมไปหาเขาที่ห้องทำงาน เขาชวนผมคุยเรื่องทำภารกิจในอีกไม่กี่อาทิตย์ข้างหน้า ผมฟังเขาพูดไปเรื่อยๆ มือผมเผลอปัดหนังสือที่อยู่บนโซฟาไถลไปกับพื้นพรมหน้าประตู ผมเดินไปเก็บ เงยหน้าขึ้นมาจากพื้นก็เห็นช่อกุหลาบแดงดอกใหญ่อยู่ในระดับสายตา เขายื่นมันมาให้ผม “ช่วยรับไว้หน่อยได้ไหม?” ผมกอดไว้ในอ้อมอก
“ให้เนื่องในโอกาสอะไร? ไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อยนี่”
“เพราะฉันอยากเป็นไงก็เลยให้”
“เป็นอะไร?”
“อะไรก็ได้ที่นายอยากให้ฉันเป็น”
“ถ้าไม่อยากให้เป็นอะไรเลย?”
“ไม่เอาน่า รีไวล์”
“ขอบคุณ”
“สนใจอยากทักทายกันในฐานะคนรักหรือเปล่า?”
“หวัดดี เออร์วิน”
“หวัดดี รีไวล์”
ผมจูบที่แก้มเขาเบาๆ วินาทีนั้นผมตระหนักได้ว่ามันไม่สำคัญว่าผมสามารถไล่ตามเขาได้หรือไม่ หากผมมีเขาในทุกๆวัน ต่อให้ผมต้องเดินตามหลังเขาไปเรื่อยๆแบบนี้ผมก็ยอม ศิโรราบแก่เขาแต่เพียงผู้เดียว แต่ความคิดนั้นกลับทำร้ายตัวผมเองเมื่อเขาเสียชีวิตในภารกิจกอบกู้กำแพงมาเรียในไม่กี่อาทิตย์ต่อมา—ผมไม่มีใครให้วิ่งตามหลังอีกต่อไปแล้ว
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in