เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Autumn has comeByeruk
Sick Day
  • “ไปกี่คืน?” เขาถาม
    “แค่คืนนี้คืนเดียว” ผมตอบ
    “รีบๆกลับมาล่ะ” เขาบอกผมก่อนที่รถม้าจะเคลื่อนตัวไปสู่จุดหมาย

    ตอนนี้ผมอยู่ในเขตสโตนเฮด เขตที่ยื่นออกจากกำแพงซีน่า ผมได้รับคำสั่งให้เข้าร่วมการประชุมเพื่อเสวนาเกี่ยวกับการใช้พลังไททันของเอเรน เยเกอร์ เพื่อกอบกู้กำแพงมาเรีย การประชุมมักลากยาวเกือบครึ่งค่อนวันเสมอ หลากหลายความคิดที่ถูกเสนอขึ้นและถูกปัดทิ้งในเวลาต่อมา บางครั้งเมื่อมีใครสักคนออกความเห็นต่างหรือวิธีการแก้ไขปัญหาของชนชั้นในสังคมก็มักจะถูกคนกลุ่มหนึ่งปฏิเสธทุกครั้งด้วยเหตุผลว่า “มันดีอยู่แล้ว” หรือ “ช่างหัวคนพวกนั้นสิ” เรื่องทำนองนี้เกิดขึ้นบ่อยมากจนสุดท้ายฝ่ายที่ยอมถดถอยออกมาคือฝ่ายที่ต้องการเปลี่ยนแปลงโลกในกำแพง—ในทางที่ดีขึ้น— คนที่สุขสบายอยู่แล้วคงไม่มานั่งกังวลกับชีวิตหรอกว่าภาษีที่จ่ายไปถูกนำไปใช้ทำอะไรบ้าง ประชาชนจ่ายเงินภาษีเพื่อพัฒนาบ้านเมืองแต่คนบางกลุ่มกลับเอามาใช้เพื่อผลประโยชน์ของตนเอง ขุนตัวเองให้สุขสบายบนความยากลำบากของคนอื่น—ชนชั้นกลางถูกลืม ชนชั้นล่างไม่เคยคิดแยแส—สนใจแค่ความสะดวกของตัวเองก็เท่านั้น ทำนาบนหลังคนเป็นแสนโดยไม่ระวังเลยว่าวันหนึ่งตัวเองอาจโดนคนเหล่านั้นตลบหลังเข้าสักวัน ถูกขัง(ใช้คำนี้คงไม่ผิดนัก)อยู่ในกำแพง ใช้ชีวิตรอความตายไปวันๆ หากตัวผมเกิดไม่มีความฝันที่อยากทำให้สำเร็จตั้งแต่ตอนเด็กแล้วล่ะก็ ชีวิตเฮงซวยแบบนี้ไม่น่าเกิดมาคงดีกว่า

    กว่าการประชุมจะเสร็จสิ้นก็เกือบค่ำ ไนล์ชวนผมไปดื่มเหล้าร้านประจำที่เคยไปตอนที่ยังเป็นทหารฝึกหัด บรรยากาศภายในร้านยังเหมือนกับวันวาน แทบไม่มีอะไรเปลี่ยนไปจากอดีตเลย เว้นแต่จำนวนลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้น นึกสงสัยว่าผ่านมากี่ปีแล้วนะหลังจากจบทหารฝึกหัดและเริ่มสังกัดเข้าหน่วยสำรวจ ไนล์สั่งเบียร์สองแก้วเผื่อผมแก้วนึง เมื่อมีแก้วแรกก็ต้องมีแก้วที่สอง ตามด้วยแก้วที่สามแก้วที่สี่ เพื่อนของผมดื่มมันไม่ยั้งโดยไม่มีทีท่าจะหยุดแม้จะต้องทำงานต่อในพรุ่งนี้เช้าก็ตาม นานๆทีจะได้ออกมาที่แบบนี้ล่ะนะ ส่วนผมไม่ได้ดื่มเยอะเท่าไนล์ ดื่มสองแก้วพอเป็นมารยาทเท่านั้น บอกตามตรงผมกลับคิดถึงชาที่เขาชงให้ผมมากกว่า หากผมยังอยู่ในห้องทำงานของตัวเองล่ะก็เขาคงยกถ้วยชาอุ่นให้ผมดื่มแล้ว มีเพียงแค่น้ำชาขมๆเท่านั้นในทุกคืน “ยิ้มอะไรของนาย?” คนตรงข้ามถาม กระดกแอลกอฮอล์เข้าลำคออีกแก้ว ไนล์เริ่มบ่นขึ้นเหมือนทุกครั้งที่เริ่มเมา “สองแก้วเนี่ยนะ? ไม่ต้องกลัวเมาหรอกผู้บัญชาการ ไม่มีใครเห็นนายเมานอกจากฉันอยู่แล้ว ยังไงๆก็ต้องค้างคืนนึงที่นี่อยู่ดี เพราะฉะนั้นสั่งมาอีกแล้วซะ เฮ้ย! เอามาอีกสองแก้ว เร็วๆด้วย” ผมทำท่าจะปฏิเสธแต่ก็ไม่ทันปากของเพื่อน ไนล์เริ่มบ่นขึ้นอีกครั้งเกี่ยวกับชีวิตของสารวัตรทหารที่ต้องเจอตลอดตั้งแต่ลูกน้องขี้เมาไปจนถึงการเอางบที่มีอยู่อย่างจำกัดไปเล่นพนันและซื้อเหล้ายา พูดเรื่องครอบครัวที่ตั้งถิ่นฐานในกำแพงโรเซ่ อยากลาออกไปใช้ชีวิตด้วยกันกับลูกเมีย ผมคงนั่งฟังเพื่อนเล่าเรื่องของตัวเองต่อไปหากแต่ไนล์ดันตั้งคำถามหนึ่งกับผมเสียก่อน “แล้วนายไม่คิดจะมีครอบครัวบ้างหรือไง?” 

    “นั่นสินะ” ผมนั่งนิ่ง เคยคิดว่าแค่ไล่ตามความฝันอย่างเดียวก็คงเพียงพอแล้ว เรื่องสร้างครอบครัวมันไม่จำเป็นสำหรับผมหรอก แต่ตอนนี้กลับมีใบหน้าใครคนหนึ่งโผล่ขึ้นมาในความคิด คนที่ผมเพิ่งนึกถึงไปไม่นานมานี้ ให้ตายสิ ผมคิดว่าผมกำลังนึกถึงบทสนทนาของเราก่อนที่ผมจะเข้ามาในเมืองนี้ “กว่าจะเอามาเสิร์ฟ สร่างหมดแล้วมั้ง” ผมตัดสินใจลุกขึ้นยืน วางเงินค่าแอลกอฮอล์ไว้บนโต๊ะ ไนล์มองผมอย่างงุนงง

     “ขอโทษด้วยนะ คืนนี้ฉันคงไม่แบกนายกลับห้องแล้ว ฝากจัดการเรื่องห้องพักในส่วนของฉันด้วย” 
    “ไปไหน?”
    “ไปหาคนๆหนึ่ง”

    ผมเรียกรถม้าแถวนั้น มุ่งตรงไปยังค่ายทหาร คืนนี้ผมเกือบทิ้งหัวใจให้อยู่อย่างลำพังเสียแล้ว เมื่อถึงที่หมายผมรีบไปหาเขาที่ห้องทันที เคาะประตูห้องสามครั้ง “ใคร?” เขาถาม “ฉันเอง” ผมตอบ ประตูไม้ถูกเปิดออกทันที เขาพึมพำชื่อผมเบาๆ ถามไถ่ถึงเหตุผลที่ทำให้ผมมาที่นี่ก่อนกำหนด ผมไม่ตอบแต่กลับสวมกอดเขาแน่นแทน 

    “เป็นอะไร ไม่สบายหรือไง?” 
    “งั้นมั้ง”
    “เฮ้ ไหนมาให้ฉันตรวจหน่อย”
    “ไข้ใจ มันคิดถึงใครบางคนจนต้องเดินทางมาเจอคนนั้นให้ได้”
    “พูดบ้าๆ“
    “เป็นบ้าเพราะนายคนเดียวนั่นแหละ ที่รัก”
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in