เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Autumn has comeByeruk
Star Gazing
  • "แม่ คืนนี้ผมกับมิคาสะออกไปเดินเที่ยวที่งานเทศกาลนะครับ" ทันที่ขออนุญาตเสร็จเอเรนก็วิ่งออกมาทันทีโดยไม่รอให้แม่เอ่ยปากเพราะกลัวว่าจะไม่ให้ตนเองไป "จริงๆเลยเด็กคนนี้" คลาร่าถอนหายใจ จับไหล่มิคาสะ "ฝากดูแลเอเรนด้วยนะ เอ้า ค่าขนมของคืนนี้ เอาไปเผื่ออาร์มินด้วย อย่ากลับดึกนักล่ะ" เด็กสาวพยักหน้าและวิ่งตามเพื่อนเธอไป เมื่อวิ่งถึงหน้างานก็ไม่พบเอเรน หันซ้ายที หันขวาที เดินไปดูที่ถังขยะ—ที่ๆเธอจำได้ว่าเด็กชายมักจะมาแอบเธออยู่ตรงนี้เสมอ—ก็ยังไม่เจอ เด็กสาวตัดสินใจตามหาเอเรนในงาน เดินจนทั่วทุกบริเวณแล้วก็ยังไม่พบ ถามคุณป้าขายเนื้อก็ไม่ได้อะไรมากนัก ถามแก๊งค์เด็กเกเรที่มักจะแกล้งอาร์มินเป็นประจำก็ไม่รู้เพราะเด็กพวกนั้นหน้าถอดสี เดินถอยห่างออกจากเธอและเอามือปิดหน้า พูดเสียงสั่นฟังไม่ได้ศัพท์ จับใจความได้คร่าวๆว่า "วันนี้พวกเรายังไม่ได้ทำอะไรอาร์มินหรือเอเรนเลยนะ! ไม่ได้ฉีกหนังสือของหมอนั่นเลยสักนิด!" และวิ่งหนีไป เธอหน้าซีด ในหัวจินตนาการว่าเอเรนอาจโดนลักพาตัวหรืออาจตกอยู่ในอันตรายที่ไหนสักแห่ง เด็กสาวกัดเล็บ เดินวนไปวนมาทั่วงาน ในมือเล็กๆกำเงินไว้แน่น หากเธอไม่สามารถดูแลเอเรนตามที่คุณป้าขอไว้ล่ะก็คงโดนคุณลุงเยเกอร์กับคุณป้าคลาร่าไล่ออกจากบ้านแน่ๆ พวกท่านอุตส่าห์รับเลี้ยงเธอเป็นบุตรบุญธรรม เรื่องเล็กๆแค่นี้ถ้าเธอทำไม่ได้คงน่าผิดหวังน่าดู มิคาสะส่ายหัว สะบัดไล่ความคิดแย่ๆพวกนั้นออกไป พยายามนึกถึงสถานที่ๆเอเรนชอบไปบ่อยๆ เธอตัดสินใจเดินออกจากงาน มุ่งหน้าไปยังที่หมายทันที

    เมื่อถึงริมแม่น้ำใกล้ๆตัวงานก็เห็นเอเรนกำลังนั่งดูอะไรสักอย่างกับอาร์มินที่อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำ เด็กสาวกระโดดเหยียบแผ่นหินเพื่อข้ามไปที่นั่น กระโดด กระโดด และกระโดด "นั่งที่มืดแบบนี้มันอันตรายนะ เกิดมีพวกขโมยมาล่ะก็หนีไม่ทันแน่" มิคาสะเตือน "ถ้าพวกมันมาจับฉันล่ะก็ฉันจะอัดมันให้ดู" เอเรนยืดตัว กอดอกอย่างภาคภูมิ อาร์มินมองมาทางพวกเขา "ไม่เป็นไรหรอกครับ อีกสักพักพวกเราก็ไปเดินในงานแล้ว" เด็กสาวคนเดียวในกลุ่มพยักหน้า นั่งลงข้างๆเอเรน หากมีใครผ่านมาแถวนี้ล่ะก็คงเห็นภาพเด็กสามคนกำลังนั่งล้อมอะไรสักอย่างเป็นวงกลมและกำลังมองดูมันอย่างตั้งอกตั้งใจราวกับเจอของเล่นชิ้นโปรด "อ่านอะไรอยู่น่ะพวกนาย?" มิคาสะถาม "หนังสือเกี่ยวกับโลกภายนอกกำแพงครับ" อาร์มินตอบ พลิกกระดาษไปหน้าถัดไป เอเรนขยับตะเกียงให้ใกล้ๆหนังสือจะได้อ่านสะดวกมากขึ้น 

    "ดูนี่สิครับ ในหนังสือบอกไว้ว่าข้างนอกกำแพงมีทะเลทรายอุ่นร้อน มีีท้องฟ้ากว้างไกล ทะเลที่พ่อค้าไม่สามารถเก็บเกลือขึ้นมาหมดทุกเม็ดได้ ต้นไม้หลากหลายสายพันธ์ สัตว์บางชนิดที่ไม่ได้อยู่ในกำแพง น่าทึ่งใช่ไหมล่ะ! ผมน่ะอยากเห็นทะเลด้วยตาตัวเองสักครั้ง" เอเรนและมิคาสะมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น แววตาประกายเอ่อล้นความอยากรู้อยากเห็น น้ำเสียงไร้เดียงสานั่นเกือบทำให้มิคาสะเชื่อว่ามีสิ่งที่อาร์มินพูดเมื่อกี้มีตัวตนจริงๆ อาร์มินหันมาทางพวกเขา "ความฝันของพวกเธอคืออะไรเหรอครับ?" เอเรนอ้ำอึ้ง ตอบด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยมั่นใจสักเท่าไหร่ "ก...ก็ต้องออกจากกำแพงห่วยๆนี่และใช้ชีวิตอย่างมีอิสระยังไงล่ะ" เด็กชายผมสีบลอนด์ถามคำถามเด็กสาวเหมือนที่ถามเอเรน มิคาสะตอบว่า "ฉันต้องดูแลเอเรน ถ้าเอเรนไม่มีฉันล่ะก็ชีวิตคงสั้นแน่" เอเรนขมวดคิ้ว พูดเสียงดังจนเกือบตะโกน "ฉันไม่ใช่ลูกหรือน้องชายเธอนะ!"

    พวกเขาทั้งสามคนล้มตัวลงแผ่บนพื้นหญ้า มองดูท้องฟ้ายามกลางคืน ทุกครั้งที่มองขึ้นไปก็จะเห็นกำแพงสูงใหญ่ล้อมรอบ ผู้ใหญ่ชอบบอกพวกเขาเสมอว่าใช้ชีวิตอยู่ในกำแพงนั้นสะดวกสบาย ดีกว่าต้องเอาชีวิตไปทิ้งให้กับพวกไททันที่นอกกำแพง ไม่ก็บอกว่าทำตัวให้ชินกับมันเข้าไว้ มนุษย์มีชีวิตอยู่ในกำแพงมาแล้วร้อยๆปี อีกร้อยๆปีก็คงเป็นเหมือนเดิม แต่คนที่นอนข้างๆเธอกลับไม่คิดอย่างนั้น เอเรนมองออกไปไกลกว่านั้น เธอไม่รู้หรอกว่าอะไรเป็นตัวจุดชนวนให้เอเรนคิดแบบนี้ เด็กชายเคยบอกกับเธอว่าจะเข้าหน่วยสำรวจ เธอคัดค้าน ทุกครั้งที่เห็นทหารจากหน่วยสำรวจกลับมาจากการสำรวจโลกภายนอกกำแพง ประชากรทหารจะลดลงทุกครั้งเกินหกในสิบ แม้แต่เด็กอย่างเธอยังรู้ดีว่านั่นเป็นการทิ้งชีวิตตัวเองแท้ๆ แต่เอเรนก็ยังต้องการเข้าหน่วยสำรวจให้ได้ เด็กสาวรู้ดีกับเองอยู่แล้วว่าห้ามไปก็เท่านั้น เอเรนน่ะทั้งดื้อด้านและหัวแข็ง 

    "ถ้าได้ดูดาวจากนอกกำแพงก็คงดีเนอะ" อาร์มินเอ่ย มิคาสะมองตามอาร์มิน ดวงดาวล่องลอยอยู่บนฟ้า ส่องสวางเกือบทุกคืน อาร์มินชี้ดวงดาวแต่ละจุด เอเรนและมิคาสะมองตามมือเล็กๆของอาร์มิน เธอไม่เคยสังเกตเลยสักนิดว่าดาวบนท้องฟ้าจะสวยขนาดนี้ เด็กสาวเอียงคอไปทางเอเรน เธอไม่มีความฝันที่อยากออกไปนอกกำแพงเหมือนเพื่อนทั้งสองคนของเธอหรอก หากการปกป้องเอเรนคือความฝันของเธอล่ะก็ เธอคงยอมตกเป็นทาสของความฝันนั่น ตลอดจนกว่าชีวิตจะหาไม่ แม้จะต้องแลกด้วยชีวิตก็ตาม เอเรนเปรียบเหมือนดาวเหนือที่คอยส่องแสงนำทาง ประกายในตัวเขาไม่เคยดับมอด คล้ายดาวบนพื้นดินแต่ส่องแสงได้ด้วยตัวเอง สว่างจ้าและเจิดจรัส งดงามในสายตาเธอเสมอ อยากรักษาไว้ให้เปล่งประกายต่อไป

    เอเรนลุกขึ้น ชักชวนให้ไปเดินเที่ยวในงานได้แล้ว เด็กชายกอดตัวเอง พึมพัมว่าหนาวเบาๆ มิคาสะทำท่าจะยื่นผ้าพันคอให้แต่เอเรนกลับบอกไม่เป็นแล้วเดินนำหน้าเธอ เด็กชายที่เดินตามหลังอาร์มินสะดุดเท้าตัวเองส่งผลให้ทั้งคู่พลัดตกลงในแม่น้ำเปียกโชกไปทั้งตัว เหมือนอเล็กซ์หมาของเพื่อนบ้านอาร์มินเลย มิคาสะคิด ยกยิ้มกับตัวเอง

    พวกเขาเดินไปทั่วทั้งงาน ซื้อมันฝรั่งแบ่งกันกินสามคน อาร์มินถือสายไหมในมือข้างหนึ่ง ถือน้ำผลไม้อีกข้างหนึ่ง แต่อาหารที่อยู่บนมืออาร์มินล้วนเป็นของเอเรนทั้งสิ้น มิคาสะป้อนพิซซ่าให้อาร์มิน เตือนให้เอเรนค่อยๆกิน เด็กชายซื้อพายฟักทองจะเอาไปฝากพ่อกับแม่ที่บ้านแต่กลับโดนชายแปลกหน้าคนหนึ่งล้มก้นคะมำ พายฟักทองเละคามือเหมือนตอนที่เขาพยายามทำมันครั้งแรกกับแม่ ชายผมสีบลอนด์พยุงเอเรนขึ้น ยิ้มให้ด้วยท่าทางใจดี "ขอโทษนะ เดี๋ยวฉันซื้อให้ใหม่" อาร์มินกระซิบมิคาสะ "เขาต้องเป็นทหารแน่ ดูกล้ามที่โผล่ออกมาจากเสื้อเชิ้ตนั่นสิ" เด็กสาวพยักหน้าเห็นด้วย

    "ทำอะไรชักช้าน่ะเออร์วิน? เดี๋ยวนะ ไม่ยักรู้ว่านายมีลูกแล้ว" ชายแปลกหน้าอีกคนโผล่มา เอเรนและอาร์มินหลบหลังมิคาสะเพราะกลัวสีหน้าที่ไม่ค่อยสบอารมณ์ของเขา "ฉันทำขนมของเด็กพวกนี้เละเลยซื้อให้ใหม่ เอ้านี่ ขอโทษอีกครั้งนะ" ชายผมสีบลอนด์ยื่นพายฟักทองชิ้นใหม่ให้เอเรน เด็กชายขอบคุณและชักชวนให้มิคาสะและอาร์มินไปดูอีกร้านหนึ่ง

    "เออร์วิน ฉันซื้อโดนัทมาให้ นายยังไม่เคยกินเลย"
    "ขอบใจ กำลังอยากกินพอดี"
    "ก็นะ ไม่มีใครรู้ใจนายเท่าฉันอีกแล้ว"
    "ครับ คนรู้ใจ"

    หลังเดินจนพอใจแล้วเอเรนและมิคาสะจึงเดินไปส่งอาร์มินที่บ้านเพราะกลัวว่าระหว่างทางเพื่อนตัวเล็กคนนี้จะโดนแก๊งค์เด็กเกเรรังแกเหมือนเมื่อคืนก่อนอีก อาร์มินโบกมือให้พวกเขาทั้งคู่เมื่อถึงหน้าบ้านแล้ว คุณตาของอาร์มินยื่นลูกอมคนละเม็ดให้เอเรนและมิคาสะเป็นค่าตอบแทน พวกเขาจึงเดินกลับบ้านของตัวเอง "โอ๊ย! ปวดขา" เด็กชายบ่น "ก็เอเรนเล่นเดินไปทั่วทั้งงานขนาดนั้นนี่" มิคาสะตอบพลางตบยุงไปด้วย "อย่าบอกแม่ล่ะว่าฉันตกน้ำ ไม่งั้นแม่คงให้ธอตามติดฉันหนักกว่าเดิมอีก" เอเรนกอดอก เธอไม่ได้ตอบอะไรเพราะเธอคิดจะทำอย่างที่เอเรนบอกอยู่แล้ว เมื่อถึงบ้าน คลาร่าที่เห็นลูกชายหัวเปียกซ่กจึงเอ่ยถามว่าไปทำอะไรมา เอเรนไม่ตอบจึงหันไปถามมิคาสะแทน "เอเรนสะดุดขาตัวเองจนตกน้ำค่ะ" เธอพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง คลาร่าได้ยินดังนั้นจึงตักเตือนลูกตัวเองเสียยกใหญ่ เอเรนหันมามองค้อนเธอ มิคาสะเดินไปล้างจานที่ยังหลงเหลือแทนคลาร่า หูก็คอยฟังคำพูดของป้าคลาร่าไปด้วยโดยไม่สนใจสายตาโกรธเคืองที่มาจากเอเรนเลยสักนิด เธอยกยิ้มน้อยๆ ความอบอุ่นไหลผ่านทั่วร่าง นี่สินะที่เรียกว่า 'ความสุข'




     



       





     
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in