“พ่อครับ เราจะรู้ได้ยังไงว่านอกกำแพงยังมีมนุษย์หลงเหลืออยู่” นี่เป็นประโยคสุดท้ายก่อนที่เขาจะหายไปจากชีวิตผมตลอดกาล ในวันไว้อาลัยเหล่าทหารที่เสียชีวิตในหน้าที่ ผมไม่ได้เข้าร่วมพิธีสวดวิญญาณของบาทหลวง ผมปลีกตัวออกมาอยู่คนเดียว ยืนมองป้ายหลุมศพของเขา ฮันจิเดินมาทางผม ไม่ได้พูดอะไร ตบบ่าผมเบาๆและเดินกลับไปที่งาน หลังจากรอให้ทุกคนออกไปจากสุสานหมดแล้วผมจึงเดินเข้าไปหน้าหลุมศพของเขา ดูชื่อที่ถูกสลักไว้บนป้าย ‘เออร์วิน สมิธ’ อ่านวนไปวนมาอย่างนั้นเพื่อตอกย้ำกับตัวเองว่าเขาไม่อยู่บนโลกนี้อีกต่อไปแล้ว ดวงอาทิตย์บนดินหวนคืนสู่ธรณี กลายเป็นเถ้าถ่าน ลอยไปตามทางจังหวะของสายลม เดินทางไปยังที่ไกลแสนไกล ผมร้องไห้
“โมบลิทก็ไม่อยู่แล้วเหมือนกัน” ผมยกแก้วชาขึ้นดื่ม แววตาของฮันจิเศร้าลง พวกเราอยู่ที่บาร์แห่งหนึ่งในเมือง เป็นสถานที่ๆพวกผมสามคน: ผม ฮันจิ และเขาชอบมานั่งผ่อนคลายกันเป็นประจำหลังเสร็จสิ้นงานทั้งหมดทั้งมวล ฮันจิชนแก้วกับผมและยกดื่ม ผมเหม่อมองน้ำชาในถ้วย “มาบาร์เพื่อดื่มชาเนี่ยนะ ให้ตายเถอะรีไวล์” คนที่นั่งข้างๆถอนหายใจ นิ้วชี้ดันกรอบแว่นให้เข้าที่ สั่งเบียร์จากบาร์เทนเดอร์เพิ่มอีกสองแก้ว ฮันจิดันแก้วนึงมาทางผม ผมคิดจะปฏิเสธแต่อีกใจกลับสั่งให้ผมยกมันขึ้นดื่ม เพื่ออะไร? เพื่อให้เมามายและลืมเขาได้ชั่วคราวงั้นเหรอ? ไม่ มันไม่มีทางเป็นไปได้ ต่อให้ผมดื่มมันเป็นร้อยเป็นพันแก้วผมก็ไม่สามารถลบภาพเขาออกจากหัวสมองได้ ผมคิดถึงเขาตลอดเวลา สุดท้ายผมก็ดื่มเบียร์แก้วนั้นจดหมดและสั่งเพิ่มอีกแก้ว อีกแก้ว และอีกแก้ว
ผมเดินเซออกจากร้าน ปล่อยให้ฮันจินอนบนโต๊ะต่อไป สภาพผมตอนนี้คงแบกยัยนั่นออกมาไม่ได้ เดี๋ยวโมบลิทก็เป็นคนมารับออกไปเองเหมือนทุกที ไม่ใช่สิ เหมือนผมยังจำคำพูดของฮันจิได้รางๆว่าโมบลิทไม่อยู่แล้ว น่าสงสารจริงๆเพื่อนของผม ผมจับศรีษะของตัวเองเพราะเวียนหัว ทรุดลงข้างถนนหน้าร้านอะไรสักอย่าง นั่งเหม่อท้องฟ้าตอนกลางคืน จู่ๆผมก็มีความรู้สึกจั๊กจี้เบาๆตรงฝ่ามือ ผมพยายามเพ่งมองสิ่งนั้น มันร้อง ‘เมี๊ยว’ แล้วคลอเคลียผมเหมือนเดิม ผมปัดมันออกแต่มันก็ไม่ยอมไปจนผมยอมแพ้ให้มันกระโดดมานั่งบนตักผม
แมวสีส้ม
“เป็นแมวที่ไม่กลัวคนเลยนะ”
“เอามันออกไปห่างๆฉันเลยเออร์วิน มันจะทำให้เสื้อฉันเต็มไปด้วยขนสกปรก”
“ก็จับมันอาบน้ำเสียเลยสิ”
“เดี๋ยวมันก็กลับมาหานายอีกหรอก”
“ไม่เป็นไรน่า”
“เออร์วิน แมวมาอีกแล้ว”
“จับไว้ก่อน ฉันไปเอาปลาให้มันแปปเดียว”
“ขนแมวเต็มห้องไปหมด”
“นั่นสินะ”
“นายคงเก็บกวาดไม่หมดแน่ เดี๋ยวฉันกวาดห้องให้นายเอง”
“ขอบใจนะรีไวล์ แต่เรามาช่วยกันกวาดดีกว่า”
“มันขี้อ้อนมากเลย”
“ใช่ แต่อ้อนนายเป็นพิเศษ”
“ก็ฉันให้อาหารมันนี่”
“แมวนั่นกับฉันคงไม่ค่อยถูกกันแน่”
“หมายความว่าไง?”
“ฉันว่าฉันคือแมวหัวเน่า”
เป็นแมวที่เหมือนในวันนั้นเลย ขี้อ้อน ชอบอยู่กับคน กินไม่รู้จักอิ่ม แถมเออร์วินยังตามใจเอาอาหารให้มันเป็นประจำอีกด้วย มันถึงได้อ้วนพุงพลุ้ยและหนักแบบนี้ไง ผมลูบหัวแมว ความทรงจำเก่าๆของเขาไหลย้อนเข้ามาในโสตประสาทเหมือนสายน้ำ เหมือนฝนที่ตกลงพื้น เหมือนคลื่นทะเลที่ซัดเข้าชายฝั่ง เหมือนน้ำน้อยๆที่ไหลออกจากขอบตาของผม ผมกอดแมวและเริ่มร้องไห้อีกครั้ง
ผมจำไม่ได้ว่าผมกลับมานอนต่อที่ห้องได้ยังไง ตอนผมตื่นขึ้นมาผมก็เห็นเอเรนและอาร์มินยืนอยู่ข้างเตียงผมแล้ว และแมวอ้วนสีส้มที่กำลังนอนอยู่บนโต๊ะทำงานของผม อาร์มินบอกว่าพวกเขาเจอผมนอนกอดแมวอยู่ข้างถนนเมื่อเช้านี้ ส่วนฮันจิเจ้าของบาร์พาเธอไปนอนบนชั้นสองของร้านและพาตัวกลับมาเรียบร้อยแล้ว ผมเอ่ยขอบคุณ หลังจากคุยกันสักพักสองคนนั่นก็เดินออกไป ผมหันไปมองสิ่งมีชีวิตที่ตื่นขึ้นแล้วและกำลังยืดตัวบิดขี้เกียจอยู่ เรียกให้มาหา มันกระโดดนั่งบนตักผม ส่งเสียงร้องเพื่อขออาหาร ผมไม่รู้จะให้อะไรมันเลยเอาน้ำเปล่าที่เอเรนรินไว้ให้มันดื่ม
“จะว่าไปแมวตัวนี้มีชื่อแล้วยังนะ”
“มันไม่มีปลอกคอ น่าจะยังไม่มีชื่อ”
“เราช่วยกันตั้งชื่อให้มันดีไหม?”
“จะเลี้ยงมันหรือไง?“
“ถ้าเลี้ยงได้ก็ดีสิ”
“ขนสีส้ม มีถุงเท้าสี่ข้าง มันดูเหมือนนายเลย”
“ไม่เอาชื่อฉันเด็ดขาด”
“ยังไม่ได้พูดออกมาเลยสักคำ”
“ฉันรู้ว่านายคิดอะไรอยู่ รีไวล์”
ภาพในอดีตย้อนเข้ามาอีกแล้ว บทสรุปในวันนั้นคือพวกเราไม่ได้ตั้งชื่อให้แมวตัวนี้ หลังจากเขาพูดประโยคนั้นจบผมก็จูบเขา พวกเราจูบกันโดยที่มีแมวสีส้มเป็นพยานรักให้ในวันนั้น ผมมองดูแมวที่กำลังดื่มน้ำอยู่ ลูบขนนุ่มไปมา ไม่นึกรังเกียจขนของมันเหมือนเมื่อก่อนแล้ว มันมองหน้าผมและเอาหัวถูไถบริเวณฝ่ามือ ผมตัดสินใจเลี้ยงมันไว้ในห้องและปล่อยตอนออกไปทำงาน ผมเลี้ยงแมวทดแทนความเหงาที่ไม่มีเขาในชีวิต บางครั้งเวลาผมมองไปที่แมวส้ม ผมมักจะนึกถึงเวลาที่เขาเล่นกับมัน ให้อาหาร อาบน้ำ หรือแม้แต่ตัดเล็บให้ เขาดูแลแมวจรจัดดีกว่าตัวผมเสียอีก แต่ตอนนี้แมวตัวนั้นได้ย้ายเข้ามาอยู่ในชีวิตผมเรียบร้อยแล้ว หน้าที่เหล่านั้นจึงตกเป็นหน้าที่ของผมแทน นับตั้งแต่วันนี้ผมคือเจ้าของของมันและตั้งชื่อไว้ว่า ‘เออร์วิน’
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in