“คุณขวัญวันนี้ผมมีนัดที่ไหนบ้าง” ธรรศถามมือแตะกลีบกุหลาบสีแดงสดในแจกันบนโต๊ะเลขานุการเล่นอย่างเบามือ
“วันนี้คุณธรรศไม่มีนัดที่ไหนค่ะสิบโมงมีประชุมกับทีมเรื่องการแข่งขันกอล์ฟขวัญเตรียมเอกสารใช้ประชุมไว้บนโต๊ะคุณแล้วนะคะ”
“ขอบคุณครับ แล้วนี่หนุ่มที่ไหนดอดมาขายขนมจีบแจกดอกไม้เลขาฯผมเนี่ย”
ขวัญฟ้าหัวเราะเบาๆ ไม่ตอบคำแต่ในอาการนิ่งเฉยนั้น ธรรศเห็นริ้วแดงๆ ระบายบนแก้มเลขานุการสาวแถมยังลามไปถึงดวงตาจนอดหัวเราะเบาๆ ไม่ได้
“ดูท่าทางผมจะเสียเลขาฯให้หนุ่มที่ไหนก็ไม่รู้แล้ว...เสียใจแย่”เขาเอ่ยแซวตาวิบวับ ถึงร่วมงานกันได้ไม่นาน แต่ก็สนิทสนมพอจะคุยเล่นได้
“คุณธรรศทำมาล้อขวัญ...”และหญิงสาวก็ไม่จิตอ่อน หวั่นไหวไปกับคำหวานๆ ดวงตาพราวของธรรศด้วยหัวใจเต็มไปด้วยเจ้าของดอกไม้แล้ว แต่ถ้าไม่มีคนในหัวใจก็ไม่แน่เจ้านายของเธอมีเสน่ห์เหลือร้าย
“ยังไงผมรบกวนคุณขวัญชงกาแฟให้ผมสักแก้วนะครับ”
“ค่ะ...อ้อ คุณธรรศคะ”
“ครับ” ชายหนุ่มชะงักเท้าเมื่อได้ยินเสียงเลขาฯสาวเรียกไว้
“สาวๆ ข้างล่างเขาฝากนี่มาให้ค่ะ”
“นี่”ของขวัญข้าวก็คือกระดาษแผ่นเล็กๆ ลายน่ารักจำนวนหนึ่ง พอธรรศย่นคิ้ว เธอก็ขยายความ
“สาวๆ ข้างล่างฝากขอลายเซ็นค่ะดังใหญ่แล้วนะคะ มีคนสมัครเป็นแฟนคลับเพียบเลย โดยเฉพาะสาวๆ”
คราวนี้ธรรศได้เป็นฝ่ายหัวเราะด้วยความเก้อเขินบ้าง
“คุณขวัญก็...มาล้อผม”
“ตามนี้นะครับรบกวนคุณขวัญตามเรื่องสถานที่ แขก และสื่อให้ด้วยผมไม่อยากให้มีอะไรผิดพลาดขึ้นในวันงาน”ธรรศย้ำกับขวัญฟ้าอีกครั้ง ขณะเดินเคียงกันออกจากห้องประชุม
“ค่ะคุณธรรศ ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ”
“ขอบคุณครับ”
“คุณธรรศมีอะไรอีกหรือเปล่าคะ”
“ไม่มีแล้วครับ ขอบคุณมากเชิญคุณขวัญตามสบาย” ตอบเสร็จธรรศก็เดินหายเข้าไปในห้องทำงานส่วนตัว
การเตรียมงานสำหรับแข่งขันกอล์ฟซึ่งทางบริษัทจัดทุกปีปีนี้พิเศษหน่อยเพราะเชิญนักกอล์ฟดังจากต่างประเทศมาร่วมแข่งขันเป็นปีแรกซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักกอล์ฟหลายคนทางบริษัทจึงจะเปิดแถลงข่าวอย่างเป็นทางการนอกจากนี้ธรรศยังเสนอให้จัดสอนเทคนิคการเล่นกอล์ฟให้น้องๆ โดยนักกอล์ฟมืออาชีพเขาในฐานะเจ้าของโปรเจ็กต์นี้เลยต้องทำงานหนักหน่อย
ความร่วมมือจากทุกฝ่ายทำให้เขาเบาใจไปหนึ่งเปลาะว่างานกำลังเดินไปได้ดีตามแผนที่วางไว้
“คราวหลังหนูตาไม่ต้องมารอพี่หน้าโรงเรียนนะครับ”ธรรศเอ่ยทันทีเมื่อศรานตาขึ้นมานั่งบนรถเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะหนูตาเพิ่งส่งนักเรียนคนสุดท้ายกลับบ้านไปเมื่อกี้นี่เองรอแป๊บเดียวพี่ธรรศก็มาถึง ยังไม่ทันเมื่อยเลยค่ะ”
ธรรศส่ายหน้าเบาๆเมื่อได้ยินคำอธิบายกับรอยยิ้มอ่อนๆ ที่ส่งมาให้เรื่องนั้นไม่ได้อยู่ในใจเขาสักนิด
“พี่ไม่ได้กลัวหนูตาเมื่อยหรอกครับแต่มันอันตราย”
“พี่ธรรศคิดมาก” ศรานตาหัวเราะเบาๆ“ถึงไม่ออกมายืนรอพี่ธรรศ หนูตาก็มารอส่งนักเรียนที่ประตูเป็นประจำอยู่แล้ว”
“แต่หนูตาก็อยู่ในบริเวณโรงเรียนไม่ได้มายืนรอคนเดียวนอกประตูนี่ครับ”
ศรานตาเม้มปากแน่นเธอไม่เห็นจะเสียหายตรงไหน ในเมื่อตรงประตูก็มีป้อมยามที่เธอต้องมารอหน้าประตูเพราะใคร ก็เขานั่นแหละ หากเธอกลับบ้านเองป่านนี้คงถึงหน้าหมู่บ้านแล้วไม่ต้องมายืนแกร่วรอโดยไม่รู้ว่าเมื่อเช้าเขาพูดจริงหรือแค่ล้อเล่น
ธรรศดูออกจากใบหน้านิ่งๆและอาการเม้มปากไม่พูดไม่จาของศรานตา จำได้ว่าแต่ไหนแต่ไรป้าตามักพูดเสมอว่าลูกสาวของท่านเรียบร้อย ขี้อาย ค่อนข้างพูดน้อย แต่แอบ “ดื้อเงียบ”
“พี่ก็แค่เป็นห่วงไม่อยากให้หนูตาออกมายืนอยู่คนเดียวแบบนี้”
ประโยคดังกล่าวสามารถลดอาการต่อต้านกันเงียบๆของศรานตาลงได้ ใบหน้านิ่งๆ เมื่อครู่จึงดีขึ้น กลายเป็นหนูตาคนเดิม
“ขอบคุณค่ะ แต่หนูตาไม่รู้ว่าพี่ธรรศเลิกงานหรือยังจะมาถึงโรงเรียนหนูตากี่โมงก็ไม่รู้ ถ้าหนูตาไม่ออกมายืนรอ พี่ธรรศจะจอดรถตรงไหนจอดหน้าโรงเรียนนานๆ ก็ทำให้รถติด อีกอย่างถ้ารอในห้องพักพี่ธรรศก็ไม่รู้อีกว่าห้องหนูตาอยู่ตรงไหน หนูตาก็แค่หวังดี”
“พี่ไม่ได้ดุหนูตาสักหน่อย”
“เชื่อตายละ” ศรานตาบ่นอุบอิบ
“นินทาอะไรพี่ครับ”
“เปล่าค่ะ” อาการปฏิเสธทันทีก็ไม่ต่างจากคนร้อนตัว
“แต่พี่ได้ยิน”
ศรานตาเหลือบมองคนขับรถแล้วย่นหน้ามองค้อน ชนิดที่ธรรศเห็นแล้วเหมือนได้ยินประโยค ‘ได้ยินแล้วถามทำไม’ ลอยมา ซึ่งเขาได้แต่นึกขำ
คนข้างๆ นี่ใช่ยายลูกกะตา หน้าม้าหางเปีย ขี้อาย จริงละหรือ
“ใครเคยบอกหรือเปล่าว่าพี่ธรรศช่างหาความ”
นี่ก็อีกเขาไม่เคยคิดว่าศรานตาจะต่อปากต่อคำเก่ง เด็กๆ เห็นเอาแต่นั่งเงียบ หน้าแดงก้มหน้างุดๆ เวลาโดนแกล้งหรือแซว จนเขาอดคิดไม่ได้ว่าหนูตาคนใหม่คงติดนิสัยกณิศามา
เวลาทำให้อะไรๆเปลี่ยนแปลงไปได้จริงๆ
“ก็ถ้าหนูตาไม่อยากให้พี่เป็นห่วงก็เอาเบอร์มือถือมาให้พี่สิครับ” เห็นศรานตายังนิ่ง เอาแต่ทำหน้างงๆชายหนุ่มจึงเร่งเร้า “สิครับ หนูตาจะได้ไม่ต้องออกมายืนรอพี่แบบเมื่อกี้อีก ใกล้ถึงพี่จะได้โทร.บอกแล้วหนูตาค่อยออกมา”
“ตกลงค่ะ”
ธรรศยิ้มสมใจรีบหยิบโทรศัพท์มือถือตรงที่ใส่ของข้างประตูส่งไปให้อย่างรวดเร็ว
“ยิงด้วยนะครับหนูตาจะได้มีเบอร์พี่ แฟร์ๆ”
จะทำอย่างไรได้นอกจากทำตามชายหนุ่มขอร้อง ศรานตาใช้โทรศัพท์มือถือของธรรศกดหมายเลขสิบหลักเข้าเครื่องตนเองเท่านั้นไม่พอ เธอยังใจดีบันทึกเบอร์โทรศัพท์ลงเครื่องให้อีกด้วย
“หนูตาเซฟให้พี่ธรรศแล้วนะคะ”
“หรือครับ ชื่ออะไรน่ะ”ธรรศรับโทรศัพท์ที่ศรานตาส่งคืนมา ถามพลางมือก็ทำท่าจะหย่อนโทรศัพท์เก็บไว้ที่เดิม
“ศรานตาค่ะ”
“โห เป็นทางการเชียว” ชายหนุ่มหัวเราะขำส่งโทรศัพท์คืนมาอีกครั้ง “หนูตาพิมพ์ชื่อเล่นให้พี่ดีกว่าครับหาเจอง่ายกว่าเยอะเลย”
ศรานตาไม่เห็นด้วยกับคำพูดของธรรศนักชื่อจริงหรือชื่อเล่น เวลาโทร.ออก ก็ต้องกดหาด้วยกันทั้งนั้นแต่กระนั้นหญิงสาวก็ไม่ปริปากบ่น ยอมรับโทรศัพท์เครื่องนั้นของชายหนุ่มมาจัดการแก้ไขให้ทันที
“เอ... หรือเอาชื่อลูกกะตาไม่เหมือนใครดี”
สิ้นคำเจ้าของชื่อแทบโยนโทรศัพท์คืนชายหนุ่มค่าที่เรื่องมากนัก ใบหน้างามเริ่มหมดรอยยิ้ม บ่งบอกความไม่พอใจ
รู้ว่าไม่ชอบชื่อนี้ยังแกล้งกันอยู่ได้
“ชื่อหนูตาไม่เหมือนใครอยู่แล้วพี่ธรรศเอาไปแก้เองเลย หนูตาไม่แก้ให้พี่ธรรศแล้ว”
โทรศัพท์เจ้าปัญหาถูกยื่นมาอย่างกระแทกกระทั้นหากไม่เห็นว่าธรรศกำลังขับรถอยู่ ศรานตาคงยื่นไปกระแทกอกกว้างนั้นแรงๆ เสียด้วยซ้ำ
“งอนเลย” ชายหนุ่มเย้า“เอ...ทำไงถึงจะหายงอนนะ”
เขาเอ่ยลอยๆ แล้วหันมองคนข้างๆเห็นหญิงสาวทำตาพองส่งมาให้ราวกับขู่ว่าเธอไม่ได้งอนกระนั้นธรรศก็ทำเป็นไม่สนทั้งที่ในใจกลับคิดว่ามันน่าเอ็นดู
“เอางี้เดี๋ยวเราแวะหาอะไรกินก่อนเข้าบ้านแล้วกันนะ ไหนๆทั้งแม่พี่และคุณป้าก็ไม่อยู่บ้าน หนูตาจะได้ไม่ต้องลำบากกลับไปทำกับข้าวอีก”
“หนูตาไม่ลำบาก”ศรานตาเอ่ยขัดเสียงเรียบ หมั่นไส้ชายหนุ่มเหลือกำลังตั้งแต่ขึ้นรถมาก็แกล้งเธอซ้ำแล้วซ้ำอีก
ใจร้าย...ควรหักคะแนนเป็นที่สุด
“หนูตาจะหักคะแนนพี่ธรรศ” ไม่ใช่แค่คิดยังหลุดออกมาเป็นคำพูดอีกด้วย
“อ้าว...”
พอได้ยิน คนทำดีแต่ยังไม่ได้ดาวประดับสมุดแถมกำลังจะโดนริบของเก่า ร้องเสียงหลง กระนั้นศรานตาจะปรานีหรือก็เปล่าพิสูจน์ได้จากน้ำเสียงแข็ง เฉียบขาดในประโยคต่อมา
“ดาวที่ค้างอยู่เป็นอันเจ๊ากัน”
“โธ่...ใจร้าย”ชายหนุ่มอดโอดเสียงเบาไม่ได้ “ไหนๆ ก็จะโดนหักคะแนนอยู่แล้ว งั้นพี่แวะร้านนี้เลยแล้วกัน”
แวะของชายหนุ่มคือการหักรถเลี้ยวเข้าซอยเล็กๆแล้วจอดสนิท ชนิดศรานตาตั้งตัวค้านไม่ทัน จึงทำได้แต่เพียงนิ่งเพราะคิดว่าเถียงไปก็คงเข้าตัวเปล่าๆ และธรรศคงไม่เปลี่ยนใจออกรถพาเธอกลับบ้านแน่ๆ
ท่าทางปลดล็อกเข็มขัดนิรภัยเปิดประตูก้าวออกไปยืนนอกรถโดยไม่งอแงของศรานตา ทำให้ธรรศอมยิ้มด้วยความพึงใจเขาหยิบกระเป๋าสตางค์และโทรศัพท์มือถือจากช่องตรงประตูอดที่จะไล่ดูรายชื่อซึ่งบันทึกไว้ในโทรศัพท์ไม่ได้ แล้วรอยยิ้มนิดๆเมื่อครู่ก็เปลี่ยนเป็นยิ้มกว้างขวางเมื่อเห็นชื่อ “หนูตา” บันทึกเอาไว้
หนูตาใจดีจัง...
--------------------------------
สวัสดีค่า เอาพรหมดาวตอนใหม่มาให้อ่านแล้วค่ะ และตอนนี้มีวางจำหน่ายในรูปแบบ E-Book แล้วที่ Meb ใครอยากอ่านก่อนฟินก่อน คลิกที่นี่ https://goo.gl/SyMfOz เพื่ออ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้เลยค่ะ แต่ในเว็บก็ยังลงให้อ่านอยู่เรื่อยๆ นะคะ แล้วพบกันตอนหน้าค่ะ
สารภาพว่าตอนแรกจะลงตั้งแต่วันศุกร์แล้วค่ะ แต่เค้าลืม... (อนุญาตให้ตบตีได้ตามสะดวกค่ะ) มานึกได้อีกทีวันเสาร์ แล้วก็ติดหยุดยาว คิดว่าคงอยากเที่ยวหรือไปไหนกับครอบครัวก็เลยยกยอดมาลงวันอังคารนี่แหละค่ะ แหะๆๆ อ่านกันให้สนุกนะคะ ^^
FB Fanpage : เนตรนภัส
สามารถติดตามผลงานเรื่องอื่นๆ
ในรูปแบบ E-Book ที่ Meb ค่ะ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in