๕
“พี่ธรรศคะ ก่อนเข้าบ้าน หนูตาขอแวะมินิมาร์ทหน่อยนะคะ”ศรานตาเอ่ยเมื่อธรรศพารถเลี้ยวเข้ามาในหมู่บ้าน
“ครับ”ชายหนุ่มรับคำแล้วนำรถเข้าไปจอดหน้าร้านสะดวกซื้อซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามสโมสรประจำหมู่บ้าน
“พี่ธรรศรออยู่ในรถก็ได้นะคะหนูตาไปซื้อนมแป๊บเดียว แล้วจะรีบออกมา” พูดจบหญิงสาวก็ก้าวออกจากรถทันทีหวังทำเวลาเพื่อชายหนุ่มจะได้ไม่ต้องรอนาน
ศรานตาเดินไปยังตู้แช่เครื่องดื่มซึ่งมีนมสดวางอยู่เรียงราย กวาดตามองหานมรสที่ดื่มประจำ แต่หาเท่าไรก็หาไม่เจอเหลือแต่รสอื่นซึ่งไม่ชอบนัก คิ้วเรียวขมวดเป็นปมอย่างคิดไม่ตก ลังเลว่าควรซื้อไปไว้แก้ขัดก่อนดีหรือไม่
ในช่วงที่มารดาไม่อยู่อาหารเช้าของเธอมักเปลี่ยนจากข้าวต้มหรือโจ๊กเป็นอะไรง่ายๆ อย่างขนมปังปิ้งกับนมเนื่องจากเร่งรีบไปทำงาน จึงไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่านั้น
แล้วศรานตาก็เห็นนมขวดเล็กรสเดียวกับที่ชอบวางเรียงอยู่เธอจึงตัดสินใจหยิบขวดเล็กสำหรับดื่มครั้งเดียวใส่ตะกร้าแล้วรีบไปจ่ายเงินเพราะไม่อยากให้คนในรถรอนาน อารามรีบร้อนทำให้ขาดความระมัดระวังแขนของหญิงสาวจึงปัดไปโดนหลังของลูกค้าคนหนึ่งในร้านเข้าไม่เบานัก
ผู้ชายคนนั้นสะดุ้งน้อยๆหญิงสาวละล่ำละลักเอ่ยขอโทษเสียงระรัวด้วยความรู้สึกผิดหวังใจจะได้ยินคำเอ่ยว่าไม่เป็นไรหรืออะไรสักอย่างที่ทำให้คลายกังวลแต่ดวงตากร้าวที่มองมาคล้ายคุกคามทำให้ศรานตาผงะ เผลอถอยหลังโดยไม่รู้ตัว
“ขะ...ขอโทษค่ะ” กริ่งระวังภัยในสมองกรีดร้องว่าดูไม่ดีเลยเธอควรออกห่างจากผู้ชายคนนี้ให้เร็วที่สุด
“มีอะไรหรือเปล่าครับหนูตา”
เพราะความหวั่นกลัว พอมีเสียงดังขึ้นด้านหลังเหนือศีรษะร่างน้อยจึงสะดุ้งโหยง หันขวับไปมองทันที
“พี่ธรรศ”
ใบหน้าตื่นๆเหมือนคนหวาดกลัวเปลี่ยนเป็นความดีใจของศรานตาไม่อาจรอดพ้นสายตาธรรศไปได้คิ้วเข้มขมวดมุ่นด้วยความสงสัยถึงสาเหตุเขามองหญิงสาวสลับกับผู้ชายอีกคนซึ่งยืนอยู่ใกล้ๆ
“มีอะไรกันหรือเปล่าครับ”น้ำเสียงของธรรศไม่ได้คุกคามทว่าหน่วยตาคมก็มีพลังมากพอที่จะทำให้ผู้ชายคนนั้นคลายอาการมองเขม็งไปยังศรานตาเปลี่ยนมามองเขาแทน
“เปล่า”เสียงตอบกลับมายังห้วนและไม่เป็นมิตร
“หนูตาไม่เป็นอะไรนะครับ”
ศรานตาที่หายจากอาการตกใจส่ายหน้าเบาๆเธอมองท่าทางก้มหน้าแล้วลุกลี้ลุกลนเดินออกจากร้านไปอย่างรีบเร่งด้วยความสงสัย
เมื่อครู่ผู้ชายคนนั้นยังยืนเลือกของอยู่เลย จู่ๆทำไมถึงเดินออกไปโดยไม่มีอะไรติดมือกลับไปด้วย จังหวะหนึ่งที่ผู้ชายคนนั้นเบี่ยงตัวหลบลูกค้าคนอื่นในร้านศรานตาก็เห็นประกายแวววาวจากซองพลาสติกสะท้อนแสงไฟโผล่ออกมาจากในเสื้อแจ๊คเก็ตโดยมีมือซึ่งสอดเข้าไปด้านในประคองไว้ หญิงสาวนึกรู้ในทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น
“พี่ธรรศ”หญิงสาวเผลอแตะแขนชายหนุ่มเรียกเสียงเบา ลังเล ไม่แน่ใจว่าธรรศเห็นอย่างที่เธอเห็นหรือเปล่าซึ่งชายหนุ่มก็พยักหน้า มือใหญ่ดึงมือเล็กซึ่งแตะแขนตนอยู่กุมไว้ กระชับเบาๆ
“พี่เห็นแล้วหนูตา”
เขาสังเกตเห็นนัยน์ตาแดงก่ำอาการเลิ่กลั่ก ร่างกายสั่นเทาคล้ายควบคุมตัวเองไม่ได้ซ้ำยังท่าทางหวาดระแวงของผู้ชายคนนั้นตั้งแต่ยืนจ้องศรานตาตาเขม็งแล้วสัญชาตญาณระวังภัยบอกให้เขารีบสาวเท้าตรงไปหาหญิงสาวทันทีเพราะท่าทางของผู้ชายคนนั้นบอกว่า เป็นตัวอันตรายที่กำลังถูกครอบงำโดยยาเสพติด!
ใช่...นั่นเป็นอาการของคนติดยาชัดๆ
“แล้วเราจะปล่อยเขาไปแบบนี้หรือคะ”ศรานตาถามเมื่อเห็นชายหนุ่มยังเฉย...เธอไม่ชอบเหตุการณ์แบบนี้คนทำไม่ดีก็ต้องได้รับการลงโทษ จึงไม่สามารถยืนดูอยู่เฉยๆ ได้
ธรรศเผลอถอนหายใจเบาๆ
“อย่าไปยุ่งเลยครับปล่อยเขาไปดีกว่า”
“แต่...” ศรานตาขยับจะค้าน
“ไปจ่ายเงินดีกว่าจะได้รีบกลับบ้านกัน” ธรรศตัดบท ดึงมือบางเป็นสัญญาณให้หญิงสาวออกเดิน
ศรานตาไม่เข้าใจต่อให้ไม่ใช่ร้านค้าของตัวเอง แต่ธรรศก็ไม่น่าใช่คนนิ่งดูดายเห็นคนขโมยของแล้วปล่อยไปเฉยๆ แบบนี้ ทว่าศรานตาก็ไม่ชอบเซ้าซี้ใครเธอจึงเดินไปจ่ายเงินแต่โดยดี ไม่พูดอะไรอีก มีเพียงอาการต่อต้านเล็กๆด้วยการนิ่งเงียบไม่พูดไม่จาเท่านั้น เป็นการบอกกล่าวธรรศกลายๆ ว่าเธอไม่พอใจ
“หนูตา ทำไมเอาแต่เงียบ” พออยู่ด้วยกันในรถ ธรรศถามทันทีเขาสังเกตว่าศรานตาเอาแต่เงียบตั้งแต่ตอนรอคิวจ่ายเงินแล้ว
“.......”
“โกรธพี่เรื่องเมื่อครู่หรือครับ”
“หนูตาไม่โกรธพี่ธรรศแค่ไม่เข้าใจ”
“ไม่เข้าใจว่า...”
“หนูตาไม่คิดว่าพี่ธรรศจะเป็นคนนิ่งดูดายเห็นคนขโมยของแล้วปล่อยเขาไปเฉยๆ แบบนี้ คนไม่ดีควรได้รับการลงโทษ”
“ไม่ใช่พี่ดูดายหรือไม่สนใจเลยปล่อยคนไม่ดีไปแบบที่หนูตาคิดหรอกนะ”
“แล้วทำไม...”ศรานตายังไม่เข้าใจ
ธรรศผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆดูท่าถ้าไม่อธิบายเรื่องทั้งหมดให้ศรานตารู้ เธอคงเข้าใจเขาผิดๆ ต่อไปแน่
“ผู้ชายคนนั้น...เขาเหมือนคนเสพยาและกำลังเมายา”
“เอ๊ะ”
“หนูตาสังเกตเห็นไหมว่าเขาตัวสั่นตาก็โรยๆ แดงๆ แล้วมองมาที่หนูตาแปลกๆ”
“หนูตาไม่รู้...หนูตาไม่ได้สังเกตถึงขนาดนั้น”หญิงสาวตอบตามจริง นึกถึงสายตาโกรธเคืองเมื่อครู่แล้วยังใจสั่นไม่หาย“ตอนนั้นมัวแต่ตกใจ หนูตาว่าตัวเองชนเขาแค่เบาๆ เท่านั้นเองไม่คิดว่าเขาจะโกรธขนาดนั้น แล้วก็มองหนูตาน่ากลัวมาก”
“อืม...”ธรรศพยักหน้าเบาๆ “คนติดยาหรือเมายาส่วนใหญ่จะควบคุมตัวเองไม่ค่อยได้หรอกพี่ถึงไม่อยากให้หนูตาเข้าไปยุ่ง คนพวกนี้พอเมายาก็ขาดสติ ผิดถูกเขาไม่สนใจอีกอย่าง ถึงเราไปบอกพนักงานในร้านว่ามีคนขโมยของถึงตอนนั้นไม่รู้จะวิ่งตามไปทันหรือเปล่า ถ้าจับเขาไม่ได้ แล้วผู้ชายคนนั้นโกรธกลับมาทำร้ายเพื่อแก้แค้น พนักงานในร้านหรือหนูตาอาจเดือดร้อนได้อย่าลืมสิว่ามันเกิดขึ้นในหมู่บ้านของเราเอง”
คำอธิบายของธรรศทำให้ศรานตานิ่ง ครางเสียงแผ่ว
“หนูตาไม่รู้จริงๆ”ถ้าผู้ชายคนนั้นติดยาอย่างพี่ธรรศบอกจริงก็นับว่าน่ากลัวมาก และหากเขาไม่เข้ามาตามจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอก็ไม่รู้ เธออาจโดนทำร้ายก็เป็นได้“หนูตาต้องขอบคุณพี่ธรรศนะคะที่เข้ามาช่วย”
“จ้ะ พี่เห็นเราหายไปนาน เลยเป็นห่วง เห็นบอกว่าจะเข้าไปแป๊บเดียว”
“พอดีนมรสที่หนูตากินมันหมดค่ะก็เลยลังเลว่าจะซื้อรสอื่นดีหรือเปล่า เผลอคิดนานไปหน่อย” พอเบาใจศรานตาก็มีอารมณ์หัวเราะเบาๆ กับความเปิ่นของตัวเอง “เอ๋ออยู่นานเชียวกว่าจะเห็นว่าเขามีขวดเล็กขาย”
“เอาละเข้าใจพี่แล้วนะครับ”
“ค่ะ”ศรานตายิ้มหวาน “ขอบคุณพี่ธรรศมากนะคะ”
“ไม่เป็นไรจ้ะถึงบ้านแล้ว เข้าบ้านเถอะ” ธรรศบอก เมื่อรถเทียบหน้าประตูบ้านหญิงสาว
“แป๊บนึงค่ะ”
ธรรศเลิกคิ้วเมื่อเห็นคนนั่งเบาะข้างๆหยิบกระเป๋าหูหิ้วแบบที่ผู้หญิงชอบใส่ของจุกจิก แต่ศรานตาใช้ใส่เอกสารต่างๆแล้วหันมาแบมือตรงหน้า
“ขอสมุดเก็บดาวด้วยค่ะ”
“หือ...”กระนั้นธรรศก็เอี้ยวตัวไปเปิดกระเป๋าเอกสารข้างหลังเบาะของตนแต่โดยดีหยิบสมุดเล็กๆส่งไปให้ศรานตา ซึ่งรับไปแล้วลอกสติ๊กเกอร์รูปดาวแปะลงในตาราง“ไหนหนูตาว่าพี่ถูกริบดาว วันนี้ไม่ให้คะแนนพี่ไง”
“ตอบแทนที่พี่ธรรศพาไปกินของอร่อยหนูตาประทับใจร้านนั้นมากๆ ไว้วันหลังจะพาแม่ไปบ้างอีกอย่างพี่ธรรศยังเข้าไปช่วยหนูตาไว้ด้วย จะให้หนูตาใจร้ายได้ยังไงกันคะ”
“ขอบใจจ้ะ”ธรรศรับสมุดคืนมา และเก็บไว้ที่เดิม
“ไม่เป็นไรค่ะหนูตาเข้าบ้านแล้วนะคะ”
“จ้ะ”
ชายหนุ่มรอจนศรานตาเข้าไปในตัวบ้านและเปิดไฟเรียบร้อยแล้วเขาถึงค่อยๆ ออกรถเพื่อเข้าบ้านตัวเองด้วยใบหน้าที่ยังเปื้อนรอยยิ้ม
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in