๕
ศรานตาเปิดประตูหลังห้องนอนออกไปยังระเบียงหลังซึ่งจัดไว้เป็นมุมพักผ่อน มีไม้ดอกเล็กๆ น่ารักจัดแต่งเป็นสวนหย่อมย่อมๆแล้วนั่งลงบนเก้าอี้
เวลาต้องใช้ความคิดหรือมีอะไรกังวลคิดไม่ตก เธอมักออกมานั่งทอดหุ่ยคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยตรงนี้
เหตุการณ์เมื่อตอนเย็นยังคงรบกวนจิตใจของเธอเป็นอย่างมากจริงอยู่ที่ธรรศปล่อยผู้ชายคนนั้นไปเป็นเรื่องที่มีเหตุผลแม้มองผิวเผินจะเหมือนนิ่งดูดาย และทั้งหมดทั้งมวลก็มาจากความเป็นห่วงไม่อยากให้เกิดเรื่องร้ายแรงขึ้น จึงป้องกันไว้ก่อน ทว่าสำนึกในความเป็นครูก็พร่ำบอกว่ามันไม่ถูกต้องเสียทีเดียว
แม่พิมพ์ทั้งหลายล้วนอยากขัดเกลาอบรมให้คนเป็นคนดี ควรเป็นแบบอย่างให้แก่คนรุ่นต่อไปแต่การที่เธอปล่อยให้เรื่องราวผ่านไปเฉยๆ เหมือนไม่รู้ไม่เห็นว่ามีอะไรเกิดขึ้นปล่อยคนเลวไปหนึ่งครั้ง ก็หมายความว่าเรื่องแบบนี้อาจเกิดขึ้นเป็นครั้งที่สอง
ทำเช่นนั้นดีแล้วจริงหรือ...
เธอผ่อนลมหายใจออกมาราวต้องการความหนักอกและคิดไม่ตกกับการตัดสินใจของตนครั้งนี้ว่าจะส่งผลดีจริงหรือเปล่า
ไม่สบายใจเลยจริงๆ
แม่ครูสาวนั่งนิ่งจมอยู่กับความคิดของตัวเองเป็นนานกระทั่งได้ยินเสียงใครเรียกแว่วๆ จึงหลุดออกจากภวังค์
คราวแรกศรานตาคิดว่าอุปาทานไปเองแต่พอเสียงเรียกดังมาอีกรอบ ดวงตากลมโตจึงมองฝ่าแสงไฟสลัวรางไปรอบๆเพื่อหาต้นเสียง แล้วก็พบกับเงาตะคุ่มๆ จากระเบียงบ้านหลังข้างๆหญิงสาวรู้ได้ทันทีว่าเป็นใคร
“พี่ธรรศ”เธอลุกขึ้นไปยืนเกาะระเบียงด้านเดียวกับที่ชายหนุ่มยืนอยู่
“มานั่งทำอะไรอยู่คนเดียวหลังบ้านหือ”
“อะไรนะคะ”
แม้บ้านสองหลังสร้างอยู่ติดกัน ทว่าก็ห่างกันพอสมควรในระดับที่หากไม่ตะโกนก็จะกลายเป็นเสียงแว่วๆ ไป
“พี่ถามว่ามานั่งทำอะไรอยู่คนเดียว”ชายหนุ่มย้ำเสียงดังขึ้น เน้นทีละคำหวังให้หญิงสาวได้ยินชัดเจนกระนั้นก็ระมัดระวังไม่ให้รบกวนบ้านหลังอื่นในระแวกเดียวกัน แต่ก็ไร้ผลศรานตาส่ายหน้าเบาๆ พลางโบกมือเป็นทำนองว่าได้ยินไม่ชัด
ชายหนุ่มหันรีหันขวางคิดว่าควรทำอย่างไรถึงจะคุยกันรู้เรื่อง เมื่อครู่เขาออกมายืนรับลมเย็นๆ กลางคืนบังเอิญเห็นหญิงสาวนั่งอยู่คนเดียว แถมไฟก็เปิดไว้แค่สลัวๆ จึงเป็นห่วง
ธรรศเดินกลับเข้าไปในห้องนอนแล้วออกมาอีกครั้งพร้อมโทรศัพท์มือถือโบกมันเป็นสัญญาณให้ศรานตารู้ว่าเขาจะใช้วิธีใดสื่อสารกับเธอเพื่อจะได้ไม่ต้องตะโกนรบกวนบ้านหลังอื่นรอให้หญิงสาวไปหยิบโทรศัพท์มือถือของตนแล้วจึงต่อสายเข้าไป
“ออกมานั่งทำอะไรคนเดียวมืดๆ”
“คิดอะไรเรื่อยเปื่อยค่ะ”
“หือ...เป็นอะไรหรือเปล่า”ธรรศจับน้ำเสียงเป็นกังวลและสีหน้าของหญิงสาวได้
“นิดหน่อยค่ะ”
“เรื่องเมื่อเย็น”ชายหนุ่มหยั่งเชิง เมื่อตอนหัวค่ำศรานตามีท่าทีรับฟังเหตุผลของเขาจริงทว่าส่วนลึกแล้วไม่แน่ใจว่าเธอเห็นด้วยหรือเปล่า
“ค่ะ”พอชายหนุ่มทายถูก เธอก็ไม่คิดปิดบัง “พี่ธรรศ หนูตาเป็นครู ถ้าปล่อยเขาไปก็กลายเป็นว่าหนูตาปล่อยให้คนเลวไปทำเลวอีกเป็นครั้งที่สอง ครั้งที่สามแล้วจะเป็นครูที่ดี เป็นแบบอย่างที่ดีกับลูกศิษย์ได้ยังไงล่ะคะ”
“อืมเราทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้หรอกหนูตา”
“ก็เพราะคนในสังคมคิดแบบนี้น่ะสิคะสังคมถึงได้เสื่อมอยู่จนทุกวันนี้ ถ้าเราแจ้งตำรวจ...” ศรานตายังพูดไม่ทันจบธรรศก็ขัดขึ้นเสียก่อน
“หนูตาจะแจ้งตำรวจจับใครข้อหาอะไร”
“พี่ธรรศบอกว่าเขาเสพยา”
“พี่บอกว่าเขาเหมือนคนเสพยาและกำลังเมายาแต่เราไม่มีหลักฐานตรงนั้น ถ้าเมื่อเย็นเขาถูกจับก็ไม่มีอะไรรับประกันว่าเขาจะโดนจับในข้อหาเสพยาเสพติดสิ่งเดียวที่แน่ใจได้ว่าตำรวจจะลงโทษเขาได้ ก็คือข้อหาลักขโมย ข้อหาเล็กๆ น้อยๆโทษก็ไม่ได้หนักหนาอะไร หนูตารู้ไหมว่าอะไรจะเกิดขึ้นหลังจากนั้น”
ศรานตาส่ายหน้าเบาๆ เธอพยายามคิดตามคำอธิบายของธรรศ
“ข้อหาเล็กๆแบบนี้ โทษไม่เท่าไหร่ แป๊บเดียวเขาก็ออกมาทำผิดได้อีกรอบแล้วก็อย่างที่พี่บอกหนูตาเอาไว้ จำได้ไหม”
“เรื่องจะเดือดร้อนน่ะหรือคะ” เธอไม่ค่อยแน่ใจ เพราะธรรศบอกอะไรเธอหลายเรื่องเมื่อเย็น
“ครับเรื่องนั้นละที่พี่เป็นห่วง ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร อยู่ที่ไหนก็ไม่รู้คนพวกนี้เอาแน่เอานอนกับเขาไม่ได้หรอกนะหนูตา ขนาดคนใกล้ตัวพอขาดสติเขายังทำร้ายได้เลย แล้วถ้าเขาแค้นที่เราทำให้เขาถูกจับ เราจะลำบากเพราะเขารู้ว่าเราเป็นคนในหมู่บ้านนี้แน่นอน...คนระวังกับคนจ้องจะทำร้ายยังไงเราก็เสียเปรียบวันยังค่ำแหละหนูตา”
และเหมือนธรรศจะเข้าใจความกังวลของศรานตาเขาจึงกล่าวต่อ “หนูตาไม่ต้องกังวลว่าจะกลายเป็นคนนิ่งดูดายเพราะบางครั้งเราก็ต้องห่วงความปลอดภัยของตัวเองด้วยพี่ไม่อยากให้หนูตาไปยุ่งกับคนที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดเกิดอะไรขึ้นมันไม่คุ้ม...หนูตาอยู่กับแม่แค่สองคนคุณลุงผู้ชายก็ใช่ว่าจะกลับมาบ่อยๆ เกิดอะไรขึ้นจะทำยังไง”
นั่นสิ...เธอมีมารดาต้องดูแลลำพังตัวเธอเองเกิดอะไรขึ้นคงเสียใจไม่มากเท่ามีคนมาทำร้ายท่านหรอกหากเกิดอะไรแบบที่กลัวขึ้นจริงๆ เธอคงแย่
“ยิ้มออกแล้วใช่ไหม”อาการนิ่งไปนานของศรานตาทำให้ธรรศค่อนข้างมั่นใจว่าเธอเข้าใจและรับรู้ถึงความกังวลเรื่องความปลอดภัยจากเขา
“ค่ะสบายใจขึ้นแล้ว” เธอตอบ เลยได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ จากชายหนุ่ม
“พี่และหนูตาต่างก็หวังให้สังคมไทยดีขึ้นด้วยกันทั้งคู่ แต่บางทีเราก็ห้ามทุกคนไม่ให้ทำชั่วได้หรอก”ธรรศสอนมาอีก ก่อนตบท้าย “หนูตาเป็นครูที่ดี อย่าคิดมาก”
“ขอบคุณค่ะ ถ้าไม่ได้คุยกับพี่ธรรศ หนูตาต้องไม่สบายใจไปอีกหลายวันแน่ๆ”
“คิดมากจริงๆคุณครู” ธรรศเย้า “เข้าห้องนอนได้แล้วมั้ง ดึกแล้ว น้ำค้างแรง เดี๋ยวจะเป็นหวัดไปสอนเด็กๆ ไม่ได้นะเออ”
“พี่ธรรศก็เหมือนกันนั่นแหละพรุ่งนี้ต้องไปรายงานข่าวใช่ไหมล่ะ” ปากเถียงแต่เธอก็ยอมเดินกลับเข้าห้องนอนแต่โดยดี
ขึ้นเตียงไปแล้ว บทสนทนาก็ยังไม่จบลง ทั้งคู่ยังคุยกันเรื่อยๆในห้องนอนซึ่งอยู่ตรงกัน...
“กลับมาแล้วหรือ เป็นยังไงบ้างเหนื่อยหรือเปล่า” กุสุมาถามเมื่อเห็นลูกชายเดินเข้ามาในบ้าน พอได้ยินเสียงท่านธรรศก็เดินมานั่งเบียดบนโซฟาตัวเดียวกัน
“นิดหน่อยครับแม่ แต่แค่เห็นหน้าแม่ ธรรศก็หายเหนื่อยแล้วครับ”ว่าแล้วก็กอดเอวอุ่นๆ ของมารดา ออดอ้อนเสียงอ่อนหวาน
“ปากหวานจริง กับแม่ยังขนาดนี้ แล้วกับสาวๆ จะขนาดไหนกัน” ท่านเย้า
“โธ่ แม่น่ะ... กล่าวหา” ธรรศโอดครวญหน้านิ่วมองอาการเลิกคิ้วราวไม่เชื่อถือของมารดาอย่างร้อนตัว กลัวท่านไม่เชื่อถือ“ธรรศยังจำคำสั่งสอนของแม่ได้นะ เป็นผู้ชายต้องเทคแคร์ผู้หญิงดีๆ”
ฟังคารมพ่อลูกชายตัวดี เป็นเสียแบบนี้ ใครๆ เขาถึงคิดว่าเจ้าชู้ชอบให้ความหวังสาวๆ ไปทั่ว
ท่านรู้จักลูกชายตัวเองดีธรรศไม่ได้เป็นคนเช่นนั้น แต่ความที่เข้ากับคนง่าย อารมณ์ดี อบอุ่น และชอบเทคแคร์อุปนิสัยนี้คงติดมาจากการที่ต้องดูแลทั้งน้องและมารดาแทนบิดาซึ่งเสียไปนานแล้วทำให้ธรรศเป็นคนเอาใจใส่คนนั้นคนนี้ไปทั่ว ถ้าใครไม่รู้จักธรรศดีก็จะคิดว่าเขาให้ความหวัง ซึ่งจริงๆ ไม่ใช่
ในขณะที่ธรรศมีเพื่อนผู้หญิงมากเพื่อนผู้ชายของธรรศก็เยอะไม่ต่างกัน
“เราก็เลยเทคแคร์ไปทั่วใช่ไหม”
“แม่น่ะไม่เอาแล้ว แม่เล่าให้ธรรศฟังดีกว่า ไปปฏิบัติธรรมคราวนี้เป็นยังไงบ้าง”ลูกชายเปลี่ยนเรื่อง เพราะยิ่งพูดก็ยิ่งเหมือนเข้าตัว
“ก็ดีจ้ะสงบ คราวหลังธรรศไปกับแม่บ้างไหมลูก น้องไปยังชอบเลย”
“อย่างธรรศเข้าวัดได้หรือครับแม่”
กุสุมาก้มมองลูกชายที่ยังกอดเอวอ้อนกันอยู่อย่างนั้นด้วยดวงตาอ่อนแสงถึงธรรศจะอารมณ์ดี ชอบพูดเล่น แต่ท่านรู้ว่าคราวนี้ไม่เป็นเช่นนั้นธรรศกำลังไม่สบายใจ ซึ่งท่านไม่อยากให้ลูกชายมีอาการแบบนี้เลย
หัวอกคนเป็นแม่ความสุขของลูกคือที่สุด
“พูดอะไรแบบนั้นน่ะธรรศ”
“ก็จริงนี่แม่”
“คิดมากอีกแล้ว ทำไมเป็นคนแบบนี้ หือ...” ท่านรู้ว่าเรื่องบางเรื่องทำใจลำบากแต่ก็ไม่อยากให้ลูกชายยึดติด
“คนอื่นยังเข้าวัดกันเยอะแยะแล้วทำไมลูกแม่ถึงเข้าวัดไม่ได้”
“นั่นสินะ”
กุสุมามองอาการพยักหน้าหงึกๆของลูกชายอย่างพอใจ
“เอาเป็นว่าคราวหน้าถ้าแม่จะไปปฏิบัติธรรมอีก ให้ธรรศไปส่งแม่นะครับคราวนี้ปล่อยให้น้องทำคะแนนเป็นลูกที่ดีไปแล้ว คราวหน้าธรรศขอทำคะแนนบ้าง”
เขารู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่เกิดมาในครอบครัวนี้ถึงวันหนึ่งจะขาดพ่อ ขาดผู้นำในวัยที่ต้องการต้นแบบที่ดี แต่แม่ก็คอยประคับประคองมือของแม่เต็มไปด้วยความรัก...แล้วแบบนี้จะทำให้แม่เสียใจได้อย่างไร
เขาอยากเป็นลูกที่ดี เป็นพี่ที่น่ารักและเป็นผู้นำครอบครัวดูแลทั้งแม่และน้อง
“แล้วกินอะไรมาหรือยังลูกหิวไหม” พอหมดเรื่องหนึ่ง ก็เข้าเรื่องปากท้องซึ่งกุสุมาให้ความสำคัญกับสิ่งนี้เสมอ
“นอกจากกล้วยหอมตอนบ่าย หลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยแม่ธรรศมัวแต่ก้มหน้าทำงานงกๆ เลิกงานก็รีบบึ่งรถกลับบ้าน ไม่ได้ไปเถลไถลที่ไหนตรงดิ่งกลับบ้านอย่างเดียว คิดถึงแม่ใจจะขาด พอๆ กับตอนนี้หิวจนไส้กิ่วแล้วครับ”
“แล้วทำไมไม่แวะหาอะไรกินก่อนล่ะลูกเดี๋ยวปวดท้อง” ท่านเตือนด้วยความเป็นห่วง แม้ออกจะแปลกใจอยู่มากว่าทำไมเดี๋ยวนี้ลูกชายกลับบ้านตรงเวลาเป็นประจำแถมยังไม่ค่อยได้ออกไปสังสรรค์กับเพื่อนเก่าๆ เหมือนตอนกลับจากเมืองนอกใหม่ๆและให้คำตอบกับตัวเองว่า ธรรศคงนัดทักทายกันครบก๊วนแล้ว จึงมีเวลาอยู่บ้านมากขึ้น
“ก็คิดถึงแม่ไงครับรู้ว่าวันนี้แม่กลับบ้านแล้ว คิดถึงกับข้าวฝีมือแม่”
“จ้า”ท่านยิ้มปลื้ม หลงคารมลูกชายจนถอนตัวไม่ขึ้น “แล้วจะอาบน้ำก่อนหรือกินข้าวเลย”
“กินเลยดีกว่าครับแม่เดี๋ยวธรรศช่วยนะ” เห็นมารดาทำท่าลุกขึ้นจะเข้าครัว ธรรศก็รีบลุกบ้างพลางกุลีกุจอเข้าไปช่วย “แล้วยายเก๋ไปไหนเสียล่ะครับแม่ กลับมาธรรศยังไม่เห็นเลย”
“บ้านโน้นแน่ะ”
มองอาการพยักพเยิดหน้าของมารดาไปทางข้างบ้านเขาก็นึกรู้ในทันทีว่าน้องสาวตัวดีอยู่ที่ไหน ก็บ้านยายลูกกะตานั่นแหละ
ว่าไปวันนี้ยังไม่เห็นหน้า ไม่ได้ขอคะแนนเลย อิ่มข้าวแล้วต้องแวบไปหาสักหน่อย
หลายวันมานี้เขาได้ดาวมากี่ดวงแล้วนะ หนึ่ง สอง สาม หรือมากกว่านั้น...
--------------------------------
สวัสดีค่า วันนี้ลงตอนที่ 5 ครบ 100% แล้วนะคะ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดจะมาลงตอนที่ 6 วันพุธค่า อยากส่งนิยายให้ทันก่อนปีใหม่เนอะ จะได้ไปเที่ยวกันสนุกๆ และตอนหน้าเป็นตอนสุดท้ายแล้วนะคะที่จะลงตัวอย่างให้อ่านกัน ใครสนใจเรื่องนี้มีทั้งแบบรูปเล่มที่ตีพิมพ์กับสนพ.อรุณ ที่ยังพอหาได้ตามร้านหนังสืออยู่บ้างค่ะ แล้วก็มี E-Book สามารถโหลดไ้ด้ที่ Meb เลยค่ะ
และปีหน้าจะเอานิยายเก่าที่ยังไม่เคยตีพิมพ์มาให้อ่านกันค่ะ เป็นเรื่องรักใสๆ ที่เค้าได้รีไรท์ใหม่เรียบร้อยแล้วมาปัดฝุ่นให้อ่านกันค่า และไม่ใช่กลเล่ห์รักด้วย ^^v
FB Fanpage : เนตรนภัส
สามารถติดตามผลงานเรื่องอื่นๆ
ในรูปแบบ E-Book ที่ Meb ค่ะ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in