เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
[นิยาย] พรหมดาว - เนตรนภัสเนตรนภัส
พรหมดาว - ดาวดวงที่ ๔ ครึ่งแรก
  •  

                    “หนูตานี่ทำไมมาเดินอยู่แถวนี้” ธรรศพึมพำมองเห็นศรานตาเดินอยู่ริมถนนขณะกำลังกดเปลี่ยนช่องสถานีวิทยุเขาจึงรีบเบี่ยงรถเข้าเทียบข้างๆ ร่างกะทัดรัด ลดกระจกลงพลางเรียก

    “หนูตาจะไปไหน ทำไมมาเดินอยู่ตรงนี้คนเดียว”

                    “หนูตาจะไปทำงานค่ะ”

                    “ขึ้นรถ เดี๋ยวพี่ไปส่ง” เขากดปลดล็อกรถรอให้หญิงสาวเข้ามานั่งคู่กันจึงออกรถ แล้วถามคำถามที่ยังไม่ได้รับคำตอบอีกครั้ง“ทำไมถึงมาเดินอยู่ตรงนี้ ไม่ขับรถไปล่ะครับ”

                    “โรงเรียนใกล้แค่นี้เองนั่งรถเมล์แป๊บเดียวก็ถึงค่ะ ไม่ต้องขับรถไปหรอก”

                    เขาได้ยินจากมารดาว่าศรานตาเป็นครูอนุบาลใกล้ๆหมู่บ้านนี่เอง การนั่งรถประจำทางไปใช้เวลาแค่ครู่เดียวแต่เขาว่ามันไม่ค่อยสะดวกนัก สังเกตมานานแล้วว่ารถเมล์ตอนเช้าๆ คนค่อนข้างแน่น

                    “แต่มันไม่สะดวกนี่ครับ ตัวก็เล็กยังจะไปเบียดกับคนอื่นอีก”

                    “แหม แค่สองป้ายรถเมล์ขึ้นไปแป๊บเดียวหนูตาก็ลงแล้วนี่คะ ยังไม่ทันได้อึดอัดหรอก” คำตอบแบบไม่อนาทรที่มาพร้อมเสียงหัวเราะอารมณ์ดีทำให้ธรรศต้องเหลือบไปมองคนข้างๆ อีกครั้ง

                    “มองโลกในแง่ดีจังนะหนูตา”

                    “ไม่ใช่หรอกค่ะหนูตาชอบมองโลกอย่างมีความสุขมากกว่า หนูตาชอบความสุข”

                    “ได้ขึ้นรถเมล์ตอนเช้าๆเนี่ยนะความสุข” เขาเห็นว่าเป็นความทุกข์ของคนกรุงมากกว่าแถมบางคันยังขับรถเบี่ยงซ้ายป่ายขวาจนน่ากลัวเกิดอุบัติเหตุอีก

                    ศรานตาพยักหน้าเบาๆทั้งรอยยิ้ม...สำหรับเธอ ความสุขนั้นอยู่ที่ใจต่างหาก

                    “พี่ธรรศก็ลองคิดดูสิคะ ตอนเช้าๆจากบ้านเราไปถึงโรงเรียนหนูตาใช้เวลาแค่สิบหรือสิบห้านาทีเอง แต่ตอนเย็นถ้าขับรถกว่าจะถึงบ้านเล่นเอาเกือบชั่วโมง ไปรถเมล์แหละดีแล้ว ไปกลับใช้เวลาเท่ากัน”

                    ธรรศนึกภาพตามถึงโรงเรียนกับบ้านห่างกันแค่สองป้ายรถเมล์ตามที่ศรานตาพูดแต่ขากลับออกจากโรงเรียนก็ต้องไปกลับรถเพื่อย้อนกลับบ้านแล้วก็ต้องกลับรถอีกรอบเพราะบ้านกับโรงเรียนอยู่ฟากถนนเดียวกันบวกกับสภาพการจราจรในกรุงเทพฯ ไปๆ มาๆ เลยใช้เวลานานอย่างที่ศรานตาพูดนั่นแหละ

                    “ก็จริง ย้อนไปย้อนมาเสียเวลา”

                    “แล้วถ้ากลับไม่เย็นมากหนูตาก็เดินเข้าหมู่บ้าน ได้ออกกำลังกายด้วยค่ะ”

                    “ไล่จับเด็กเล็กๆทั้งวันไม่พอหรือไงครับ ถึงต้องเดินออกกำลังกายเข้าหมู่บ้านอีกน่ะ”

                    “แหม...เหมือนกันที่ไหน”ศรานตายิ้มแล้วนิ่วหน้า ตั้งใจฟังเสียงจากวิทยุน้ำเสียงและลีลาการพูดอันเป็นเอกลักษณ์ของพิธีกร ไม่ต้องเห็นตัว เธอก็รู้

                    นี่มันรายการคุยข่าวที่มารดาเธอชอบดูตอนเช้านี่นา

                    “กะแล้ว ยายเก๋ต้องอำหนูตาเล่น”

                    “ครับ?” ธรรศเลิกคิ้วถามเมื่อได้ยินเสียงพึมพำเบาๆ จากหญิงสาวข้างกาย อยู่กันตามลำพังแบบนี้เธอต้องพูดกับเขาแน่ “เมื่อกี้หนูตาพูดอะไรนะ พี่ได้ยินไม่ถนัด”

                    “หนูตาขำยายเก๋น่ะค่ะพี่ธรรศรู้ไหม เก๋น่ะมาอำว่าพี่ธรรศเป็นพิธีกรรายการนี้ ใช่เสียที่ไหน ใครๆก็รู้ว่ารายการนี้เป็นรายการสด ถ้าจริงอย่างยายเก๋บอกพี่ธรรศก็ต้องอยู่ในห้องส่งสิ จะมาขับรถให้หนูตานั่งได้ยังไงจริงไหมคะ...อีกอย่างคนเดิมก็มีอยู่แล้ว หนูตาเคยดู เขาเก่งออกแล้วเขาจะเอาพี่ธรรศไปเพิ่มอีกทำไม เก๋นี่ไม่เข้าท่า มาอำกันได้ คอยดูเถอะกลับมาจะต่อว่าเสียให้เข็ด”

                    ตอนแรกธรรศก็อมยิ้มกับประโยคยืดยาวของศรานตาแต่พอได้ยินเธอเอ่ยชมคนอื่นเข้า ก็ชักไม่ค่อยพอใจรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาเสียอย่างนั้น

                    “เก๋ไม่ได้อำหนูตาหรอกนะ”

                    “คะ?”ทว่าศรานตาก็ยังไม่สังเกตถึงน้ำเสียงแข็งๆ

                    “พี่ได้รับการทาบทามจริงและถ้าเมื่อวานหนูตาไม่ไปทำงานละก็ คงเห็นพี่ในจอทีวีแล้วละ”

                    “อ้าว แล้ว...”เธอก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ถ้าจริงอย่างธรรศพูด แล้วทำไมเขาไม่ไปทำงานมาขับรถอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร

                    และพอธรรศเหลือบมองหน้านิ่วคิ้วขมวดของศรานตาเขาก็นึกรู้ในทันทีว่าเธอไม่เข้าใจ...คงคิดว่าเขารับมุกกณิศาแล้วอำเธอต่อเป็นแน่

                    “พี่จัดรายการแค่สัปดาห์ละสองวันครับสลับกับคุณเด่นภูมิพิธีกรที่หนูตาบอกว่าเขาเก่งจนไม่รู้ช่องจะรับพี่ไปแทนทำไมนั่นแหละ”

                    น้ำเสียงสะบัดในตอนท้ายชัดเจนจนศรานตาต้องเหลือบไปมองชายหนุ่มจึงเห็นใบหน้าบึ้งตึงได้ถนัด สงสัยจะเคือง...

                    “ถ้าเป็นแบบนั้นพี่ธรรศเองก็เก่งค่ะ” เอาใจไว้หน่อย เดี๋ยวจะโดนเตะโด่งออกจากรถ

                    “หนูตาพูดจริงๆ หรือ”ธรรศหันมาถาม สีหน้าดีขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่เหมือนเดิมเสียทีเดียว

                    ไม่รู้ทำไมเขาเริ่มอยากสำคัญมากกว่าใครในสายตายายลูกกะตา

                    ท่าทางจะอินกับการเก็บคะแนนใส่สมุดเก็บดาวซะเหลือเกิน

                    “หล่อๆอย่างพี่ธรรศเป็นดารายังได้เลย”

                    ธรรศใจชื้นขึ้นมาอีกนิดแม้ไม่ใช่พวกหลงรูปขนาดหนัก แต่เขาก็มั่นใจในตัวเองว่าไม่ด้อยไปกว่าใคร

                    “อย่ามาทำให้พี่ดีใจเก้อนะหนูตา”

                    “จริงๆ นะ หนูตาพูดจริงเป็นคุณครู สอนไม่ให้เด็กโกหก จะมาโกหกเสียเองได้ยังไงกัน” เจ้าตัวยืนยันน้ำเสียงหนักแน่นมั่นใจว่าสาวอื่นได้เห็นธรรศต้องคิดเช่นเดียวกัน

                    แม้เมื่อวานไม่มีโอกาสได้ดูธรรศจัดรายการสดแต่เชื่อว่าเขาต้องขึ้นกล้องแน่ๆ ก็ผู้ชายเครื่องหน้าสมบูรณ์แบบอย่างธรรศใช่ว่าหาได้ง่ายๆ ทั่วไป

                    รับรองรายการนี้ต้องมีผู้ชมหญิงเพิ่มขึ้นแน่นอน

                    “แล้วหนูตาชอบแบบนี้ไหม”

                    “หือ” คำถามแปลกๆของธรรศทำให้ศรานตาทำเสียงประหลาดในลำคอคิดว่าเขาคงขอความเห็นทำนองจะติดตามผลงานของเขาหรือเปล่า จึงตอบไปตามที่ใจคิด“ถ้าพี่ธรรศเป็นดาราเล่นละครจริงๆ หนูตาสัญญาว่าจะติดตามทุกเรื่องเลยค่ะ”

                    “ได้ยินแบบนี้ดีใจจัง”

                    รอยยิ้มกว้างกระจ่างไปถึงนัยน์ตาคมที่ส่งมาให้ทำเอาหัวใจของศรานตากระตุก รู้สึกแปลกๆ จนต้องหลบหน้ามองมือตัวเอง

                    ระดับการเต้นของหัวใจดวงน้อยยังไม่ทันได้ปรับเข้าสู่ภาวะปกติเสียงอ่อนๆ ก็ดังขึ้นอีกครั้งจนศรานตาถึงกับสะดุ้งเบาๆ ดวงตากลมโตกะพริบปริบๆ

                    “หนูตา พี่รบกวนเปิดกระเป๋าเอกสารด้านหลังหยิบของให้หน่อยสิครับ”

                    คนถูกขอร้องเอี้ยวตัวไปมองที่นั่งตอนหลังคาดไว้ว่า เธอต้องยืดตัวอย่างหนัก ไม่งั้นคงหยิบของที่วางอยู่บนเบาะหลังไม่ได้แน่ๆโชคดีกระเป๋าเอกสารของธรรศเป็นแบบลาก จึงมีขนาดใหญ่สามารถใส่ได้ทั้งเอกสารและคอมพิวเตอร์กระเป๋าหิ้วชายหนุ่มจึงวางมันไว้ตรงที่วางเท้าด้านหลังเก้าอี้คนขับ ศรานตาจึงไม่ลำบากมากนักแต่พอทำท่าจะเปิด มือเล็กๆ ก็ชะงักอีกครั้ง

                    ว่าไปเธอยังไม่รู้เลยว่าธรรศให้ช่วยหยิบอะไร

                    “พี่ธรรศจะให้หนูตาเอาอะไรให้คะ”

                    “หนูตาเปิดช่องด้านหน้านะครับในนั้นมีอย่างเดียว รับรองหนูตาหยิบไม่ผิดอัน”

                    ถึงไม่ได้รับความกระจ่างมากนักศรานตาก็ทำตามอย่างว่าง่าย แล้วสิ่งที่อยู่ในกระเป๋าก็ทำให้เธอชะงักเพราะจำมันได้ดี ในเมื่อทำและให้ธรรศเองกับมือ

                    “สมุดเก็บดาว”

                    “พี่ธรรศพกติดตัวด้วยหรือคะ” เธอไม่คาดคิดว่าธรรศจะให้ความสำคัญกับมันมากถึงขนาดต้องพกไปไหนมาไหนด้วยแบบนี้

                    “พี่ไม่รู้ว่าจะเจอหนูตาตอนไหนก็เลยติดตัวไว้เผื่อเจอเหมือนวันนี้ไง”

                    “อ้อ”ศรานตาไม่รู้จะพูดอะไรมากกว่านั้น นอกจากรับคำเบาๆ

                    ธรรศละสายตาจากท้องถนนมามองว่าศรานตามีสมุดเก็บดาวอยู่ในมือแล้วเขาจึงเอ่ยเสียงรื่นรมย์

                    “วันนี้พี่ทำตัวดีจนหนูตาเอ่ยชมเพราะฉะนั้นขอดาวให้พี่เสียดีๆ ครับ”

                    “นี่พี่ธรรศคิดจะเก็บดาวแข่งกับเด็กอนุบาลจริงๆหรือคะ”

                    ตอนยกสมุดเก็บดาวให้ธรรศก็แค่คิดว่าเขาคงอยากเล่นตามน้ำไปกับเธอและกณิศาเท่านั้น ไม่คิดว่าผู้ชายอายุสามสิบกว่าๆหน้าที่การงานก็ดี จะจริงจังกับเรื่องเด็กๆ แบบนี้ด้วย

                    “แน่ะหนูตาพูดอย่างกับพี่เป็นคนไม่น่าเชื่อถือชอบล้อเล่นอย่างนั้นละ...พี่พูดจริงสิครับ โกหกเดี๋ยวครูหนูตาตี”

                    ท่าทางและน้ำเสียงของธรรศจริงจังจนวูบหนึ่งศรานตาอดคิดไม่ได้ว่าเขาไม่ได้กำลังล้อเลียนเธอเหมือนพี่ชายกำลังหยอกล้อน้องสาวเล่น แต่เสียงเล็กๆในใจก็เฝ้ากระซิบบอกตัวเองว่าไม่มีอะไรหรอก

                    เธอคิดมากไป...

                    อาการมองหน้าเขาแล้วทำหน้านิ่วคิ้วขมวดแถมยังนิ่งไปของศรานตาทำให้ธรรศออกปากทวง

                    “หรือหนูตาคิดจะเบี้ยวพี่”

                    “ปะ...เปล่าซะหน่อยหนูตาไม่ได้คิดแบบนั้นนะ หนูตากำลังคิดว่าจะให้คะแนนพี่ธรรศเพราะอะไรต่างหาก”

                    คำแก้ตัวของเธอคงฟังไม่เข้าท่านักเพราะเป็นฝ่ายหลุดปากชมเขาไปว่าเก่งเอง

                    “ไม้เดียวกับเมื่อคืนเลยหนูตาชมพี่เองนะว่าเก่ง เวลาหนูตาชมนักเรียนคนไหนว่าเก่งตอนเย็นหนูตาไม่ให้ดาวคนนั้นหรือครับ”

                    นั่นปะไร พี่ธรรศออกจะฉลาดเป็นกรด

                    “ให้ค่ะแต่หนูตาติดพี่ธรรศไว้ก่อนได้ไหมคะ หนูตาไม่ได้พกสติ๊กเกอร์ติดตัว ของแจกเด็กๆหนูตาเก็บไว้ในลิ้นชักโต๊ะที่โรงเรียน”

                    ธรรศพยักหน้าเข้าใจ  เขาก็ลืมคิดไปเมื่อคืนศรานตายังต้องวิ่งขึ้นไปหยิบสติ๊กเกอร์จากบนห้องนอนเลย

                    “ตกลงครับ เย็นนี้พี่มารับหนูตานะห้ามปฏิเสธด้วย เพราะยังไงพี่ก็ต้องผ่านมาทางนี้อยู่ดี” ธรรศถือโอกาสมัดมือชกไม่เปิดโอกาสให้ศรานตาปฏิเสธ

                    “ค่ะ” ศรานตารับคำ

                    พอรถจอดเทียบทางเท้าหน้าโรงเรียนหญิงสาวก็รีบเอ่ยขอบคุณก่อนลงจากรถแต่อาการยื่นมือมากุมข้อมือเธอไว้ของธรรศทำให้ศรานตาไม่สามารถออกมาจากในรถได้

                    “ในฐานะหนูตาเป็นคุณครูอวยพรพี่เรื่องงานหน่อยได้ไหม”

                    “พี่ธรรศลักกี้เรื่องงานอยู่แล้วนี่คะไม่เห็นต้องอวยพรเลย” ศรานตาตอบกลั้วหัวเราะรู้สึกช่วงนี้ธรรศชอบทำอะไรลดอายุตัวเองชอบกล

                    “แค่นี้หรือครับ” ธรรศโอดตาปรอยเรียกรอยหัวเราะขำจากศรานตาได้ทันที

                    “แล้วจะเอาอะไรล่ะคะหนูตาก็เห็นหน้าที่การงานพี่ธรรศก้าวหน้าดี พี่ธรรศเก่งออกไม่ได้รับคำอวยพรจากหนูตาก็รุ่งอยู่แล้วละค่ะ”

                    “งั้นคำแนะนำ” ธรรศร้องขอพลางมองจากกระจกมองหลัง ถึงตอนนี้รถยังไม่ถึงกับติดมากแต่เขาก็เกรงใจคนขับรถคันอื่นๆ “นะครับ...หนูตา เดี๋ยวรถคันอื่นจะด่าพี่เอา”

                    “เอาเป็นงานใหม่แล้วกันนะคะงานประจำพี่ธรรศ หนูตาเชื่อว่าพี่ทำได้ดีอยู่แล้ว”ก่อนกลับมาเมืองไทยเขาก็ทำงานอยู่ต่างประเทศตั้งหลายปี

                    “ครับ”

                    “ถึงจะเป็นพิธีกรแต่ยังไงก็เป็นรายการคุยข่าว หนูตาเลยอยากให้พี่ธรรศแสดงความคิดเห็นอย่างเป็นกลางต่อให้พี่ธรรศชอบลิเวอร์พูลมากแค่ไหน ก็อย่าออกนอกหน้ามากเดี๋ยวสาวกแมนยูจะเกลียดขี้หน้าเอา แล้วก็ขอให้พี่ธรรศประสบความสำเร็จมีแฟนคลับเยอะๆ ยังไงหนูตาเชื่อว่าพี่ธรรศทำได้ดีแน่นอนค่ะ สู้ๆ นะคะ”

                    ศรานตาจบคำพูดยืดยาวด้วยรอยยิ้มแล้วเอ่ยลาเปิดประตูแล้วก้าวลงจากรถ ก้าวเข้าไปในโรงเรียนโดยธรรศมองส่งหญิงสาวทางกระจกมองหลังของรถจนลับตา

                    “ขอบใจนะ คุณครู”


    --------------------------------


    สวัสดีค่า เอาพรหมดาวตอนใหม่มาให้อ่านแล้วค่ะ และตอนนี้มีวางจำหน่ายในรูปแบบ E-Book แล้วที่ Meb ใครอยากอ่านก่อนฟินก่อน คลิกที่นี่ https://goo.gl/SyMfOz เพื่ออ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้เลยค่ะ แต่ในเว็บก็ยังลงให้อ่านอยู่เรื่อยๆ นะคะ แล้วพบกันตอนหน้าค่ะ


    เพิ่มเติมอีกนิดค่ะ สัปดาห์นี้ตั้งใจจะลง "กลเล่ห์รัก" นิยายเรื่องใหม่ใสกิ๊กให้อ่านด้วยค่ะ แต่ว่าเรื่องนี้เค้าต้องรื้อใหม่เยอะมากเลย เลยกะจะเอาร่างแรกมาให้อ่านให้หายคิดถึงกันก่อน จริงๆ ช่วงแรกก็แทบไม่ต่างกันนะคะ แต่เกรงใจพื้นที่ minimore ว่าอาจต้องลง 2 รอบแล้วถ้าหาก edit อาจทำให้คนที่ตามใหม่ๆ ไม่เห็น ดังนั้นจึงจะลงอีกที่นึงก่อน ถ้าใครอยากอ่านเรื่องนี้สามารถหาวาร์ปได้ในแฟนเพจนะคะ แล้วถ้าเรื่องนี้นิ่งแล้วจะมาไล่ลงที่ minimore แน่นอนค่ะ ^^


    FB Fanpage : เนตรนภัส

    สามารถติดตามผลงานเรื่องอื่นๆ 

    ในรูปแบบ E-Book ที่ Meb ค่ะ

    https://goo.gl/znYkP7 

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in