เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
[นิยาย] พรหมดาว - เนตรนภัสเนตรนภัส
พรหมดาว - ดาวดวงที่ ๒ ครึ่งหลัง
  • เบบี้บานาน่าสปริงโรลโรยไอซิ่งรับประทานกับครีมคาราเมลหมดลงในเวลาอันรวดเร็ว ครั้งนี้
    ธรรศเหมาคนเดียวถึง ๕ชิ้น

                    “เมื่อก่อนเห็นแต่เล่นหม้อข้าวหม้อแกงไม่คิดว่าเอาเข้าจริงหนูตาก็ฝีมือดีเหมือนกัน” ธรรศว่าส่วนลูกคู่อีกคนก็น้องสาวเขานี่แหละ โตมาไม่ยักฝีมือดีด้วย

                    “หนูตาเขาฝีมือดีมาตั้งนานแล้วต่างหาก”

                    “พี่ไม่ยักรู้”เขามองหญิงสาวข้างบ้านที่เห็นมาตั้งแต่เด็กอย่างไม่เชื่อสายตาดูเหมือนศรานตามีอะไรให้เขาแปลกใจอยู่เสมอ “ไม่เคยได้ชิมฝีมือหนูตาสักที”

                    “จะได้ชิมยังไงกันคะเมื่อก่อนเวลาชวนพี่ธรรศไปเล่นหม้อข้าวหม้อแกงบ้านหนูตา พี่ธรรศก็ไม่เคยว่างสักทีเห็นแต่ตะลอนๆ ไปกับเพื่อนตลอด” กณิศาเถียงแกมเหน็บแนม

                    ตอนนั้นเธอและศรานตาอายุเพียงแค่สิบขวบเศษแต่จำได้แม่นยำว่าพี่ชายอยู่ไม่ค่อยติดบ้าน เดี๋ยวก็ออกไปกับเพื่อนคนนั้นเดี๋ยวก็ไปกับเพื่อนคนนี้ บางทีกลับบ้านค่ำมืดดึกดื่นซึ่งเด็กน้อยอย่างเธอเข้านอนไปแล้ว

                    “น้อยๆ หน่อยเถอะเราอาหารใบหญ้าของเด็กเจ็ดแปดขวบน่ะเหมือนกับเบบี้บานาน่าสปริงโรลที่หนูตาทำตอนนี้เสียที่ไหน”

                    “ชิ! ไม่รู้อะไรซะแล้วหนูตาน่ะไปเรียนทำขนมมาแล้วด้วย ขอบอก”

                    “ถ้าอย่างนั้นพี่ต้องขอชิมขนมฝีมือหนูตาบ่อยๆแล้วสิ อย่างเบบี้บานาน่าสปริงโรลเนี่ย อร่อยถูกปากพี่มาก”คนถูกน้องสาวค่อนไม่มีท่าทีเดือดร้อน ยังหันไปคุยกับศรานตาหน้าตาเฉย

                    “หนูตาได้ยินว่าพี่ธรรศชอบกินกล้วย...ของโปรด ไม่ว่ายังไงก็อร่อย”

                    “ถ่อมตัวไปแล้วหนูตาลองให้ยายเก๋ทำดูสิ พี่ว่าคงกินไม่ลงแน่”

                    “เอ้า เอาเข้าไปว่ากันอยู่นั่นแหละ เก๋ทำอาหารไม่เป็นผิดตรงไหน ชิ!” กณิศาออกอาการงอนพี่ชายจนธรรศต้องยื่นมือไปโยกศีรษะทุยนั้นเบาๆอย่างเอ็นดู

                    “ทำน้อยใจไปได้ ล้อเล่นแค่นี้เองเนอะ หนูตาเนอะ”

                    ศรานตาทำเพียงยิ้มอ่อนๆพลางเปลี่ยนเรื่อง ด้วยกลัวถ้าผสมโรงไปด้วย เพื่อนจะเกิดอาการน้อยใจ

                    “อ้อ นี่ เกือบลืมแน่ะหนูตาเอานี่มาให้เก๋ด้วยละ”

                    ศรานตายื่นกระดาษแข็งมาตรงหน้ากณิศาซึ่งเธอก็รับไปเปิดดู พอเห็นว่าเป็นตารางให้ “ดาว” ทำจากกระดาษซึ่งไปหาซื้อมาพร้อมกันเมื่อวันก่อน ก็ทำหน้ามุ่ย...เธอไม่ใช่เด็กอนุบาลสักหน่อย

                    “เก๋ไม่ใช่เด็กๆ นะหนูตาเอามาให้ทำไมเนี่ย”

                    กณิศารับมามองแล้วยื่นคืนเจ้าของทันทีแทบเป็นผลักแต่กระดาษแผ่นนั้นกลับไปไม่ถึงมือศรานตา เมื่อธรรศถือวิสาสะรับมาเปิดดูด้วยอยากรู้ว่าแค่กระดาษแผ่นเดียว ทำไมน้องสาวของเขาถึงออกอาการโวยวายหน้ายู่แบบนั้น

                    กระดาษเอสี่พับครึ่งพอคลี่ออกก็พบว่าด้านหนึ่งแปะไว้ด้วยกระดาษขาวล้วน ตีเป็นตารางช่องเล็กๆเว้นบริเวณไว้สำหรับกรอกชื่อ ด้านบนเขียนไว้ว่า “สมุดเก็บดาว”

                    “อะไรน่ะหนูตา”

                    “สมุดเก็บคะแนนสำหรับเด็กอนุบาลในห้องเรียนหนูตาเขาน่ะพี่ธรรศดูสิ หนูตาเอาของแบบนี้มาให้เก๋” ท้ายประโยคคนอธิบายยังไม่วายบ่นกระปอดกระแปดขอความเห็นใจที่ถูกเพื่อนล้อว่าเป็นเด็กไม่โต

                    “ก็เหมาะสมดีแล้วนี่เก๋เอาไปให้แม่สิ ไว้ให้แม่ให้คะแนนไง” ธรรศอดแปลกใจไม่ได้อย่างศรานตาไม่น่ามีอารมณ์ขันร้ายกาจแบบนี้มีอย่างที่ไหนเปรียบกณิศาเป็นเด็กอนุบาล

                    ยายลูกกะตาเปลี่ยนไปจริงๆหรือบางทีเมื่อก่อนเขาอาจไม่ค่อยได้ใส่ใจน้องน้อยข้างบ้านมากนักด้วยเห็นเป็นเด็กกะโปโล หน้าม้า หางเปีย หน้าตามอมแมม ขี้อายชอบเก็บผักหญ้าข้างรั้วมาเล่น...

                    สงสัยเขาต้องเปลี่ยนความคิดใหม่แล้วกระมัง

                    “อ๊ะหนูตาแถมสติ๊กเกอร์ดาวสีเขียวให้อีกแผง”

                    คราวนี้ธรรศเลยหัวเราะเสียงดังอย่างถูกใจยิ่งทำให้กณิศาหน้าบูดมากกว่าเดิม

                    “พี่ธรรศ! หนูตาก็เป็นไปด้วย”

                    “เอาละๆ ไม่หัวเราะแล้ว”

                    ปากพูดเช่นนั้นแต่กณิศาก็เห็นว่าพี่ชายสำลักน้ำเสียงตัวเองตั้งหลายครั้งกว่าจะยอมซาเสียงหัวเราะ อดไม่อยู่เลยค้อนเข้าให้อีกหนึ่งทีหันมาทางเพื่อนก็เห็นนั่งเฉยหน้าตาย เลยแถมค้อนให้อีกคน

                เข้ากันดีจริงๆ

                    “พี่ว่ามันน่ารักดีออกนะ”ธรรศที่ลมหายใจเป็นปกติแล้วพูดขึ้น ขณะพลิกกระดาษแผ่นนั้นไปมา“แล้วไม่มีของพี่เหรอหนูตา ให้เก๋คนเดียวรึ”

                    “เอ๋...” ได้ยินคำถามศรานตาก็ทำหน้าแปลกๆ ไม่คิดว่าเขาจะเอาจริงกับเรื่องเด็กๆ พวกนี้ จนต้องถามย้ำ“พี่ธรรศพูดเล่นหรือจริงคะ”

                    “พูดจริงสิครับ น่ารักดีออก”

                    “งั้นพี่ธรรศก็เอาอันนั้นไปเลย”สบโอกาส กณิศารีบโยนให้พี่ชายทันที สมุดเก็บดาวเล่มนั้นจะได้พ้นๆ จากตัว

                    “ได้ไง อันนี้สีชมพูลายกระต่ายหนูตาทำมาให้เก๋โดยเฉพาะนะ” เจ้าของสมุดเก็บดาวค้านทันใด

                    “ทำมาให้หรือเหลือจากทำให้เด็กๆก็บอกมาเถอะ ไม่โกรธหรอก”

                    “แหม รู้ทัน”

                    ธรรศที่นั่งมองสองสาวต่อล้อต่อเถียงกันเลยได้หัวเราะอีกครั้ง

                    “ถ้าเก๋ไม่เอางั้นพี่เอาเล่มนี้ก็ได้”

                    “หนูตาทำให้ใหม่ก็ได้นะถ้าพี่ธรรศอยากได้จริงๆ” ศรานตาบอก

                    “ให้ๆ พี่ธรรศไปเถอะหนูตา”ไม่เอ่ยสำทับเปล่า กณิศายังทำหน้าพยักพเยิดเร่งเร้า

                    วิธีใดก็ตามที่สามารถทำให้สมุดสีชมพูเล่มเล็กนั้นพ้นตัวกณิศาก็พร้อมจะทำ อีกอย่างดูเหมือนธรรศเต็มใจรับมันอยู่ไม่น้อย

                    เธอไม่ได้ยัดเยียดนะ ก็เจ้าตัวอยากได้เอง

                    “อย่างที่เก๋บอกนั่นแหละดีแล้วไม่ต้องลำบากทำใหม่หรอก เล่มนี้ก็น่ารักดี อีกอย่างสีชมพูไม่เป็นปัญหาสำหรับพี่”

                    “งั้นหนูตาให้พี่ธรรศก็ได้”เจ้าของสมุดเก็บดาวที่ตอนนี้กลายเป็นอดีตไปแล้ว ยอมในที่สุดกระนั้นความสงสัยก็ยังไม่คลาย

                    พี่ธรรศจะเอาไปให้ใครให้คะแนนอย่างป้าสุไม่น่ามาเล่นอะไรเป็นเด็กๆ แบบนี้ บางทีอาจเป็นสาวๆ ของพี่ธรรศแวบหนึ่งศรานตารู้สึกไม่พอใจจนอยากเก็บสมุดเล่มนั้นไว้กับตัว

                    แล้วเสียงเล็กๆ ในใจก็ดังขึ้น เธอจะไปสนทำไมว่าธรรศจะเอาไปให้ใครให้คะแนนบ้าจริงๆ!

                    “ส่วนนี่ของแถมค่ะ เอาไว้ให้ใครก็ตามที่พี่ธรรศจะให้เขาเป็นคนประเมินความประพฤติของพี่ธรรศติดให้”

                    ธรรศมองเฉยไม่มีทีท่าว่าจะรับสติ๊กเกอร์แผ่นนั้น ศรานตาจึงได้แต่ถือค้างคิ้วเรียวเลิกขึ้นอย่างแปลกใจและนั่นเป็นอีกอาการหนึ่งที่ธรรศไม่คาดว่าจะเห็นมันจากเด็กข้างบ้าน

                    “เอาไว้ที่หนูตานั่นแหละ”

                    “อ้าว แล้ว...”ดวงตากลมโตกะพริบปริบๆ หันไปมองกณิศาคล้ายถาม ซึ่งเจ้าตัวก็ได้แต่ส่ายหน้าเบาๆไม่มีคำตอบให้เหมือนกัน

                    “หนูตาเป็นคุณครูเก็บไว้ที่หนูตานั่นล่ะ เดี๋ยวพี่จะเอาสมุดเก็บดาวไปให้หนูตาให้คะแนนทุกวันเอง”

                    คราวนี้ไม่ใช่แค่ศรานตาที่อึ้ง กณิศาก็มีอาการไม่ต่างกัน!

     

    การทำงานเป็นพิธีกรรายการเล่าข่าวตอนเช้าของธรรศวันแรกไม่น่ากังวลอย่างที่คิดเขาได้รับการต้อนรับอย่างดีจากรุ่นพี่ ทั้งคชาพิธีกรหลักดำเนินรายการทุกช่วง เด่นภูมิ พิธีกรข่าวกีฬาอีกคนแม้วันนี้ไม่มีหน้าที่เพราะธรรศมานั่งทำรายการแทนแล้ว แต่ก็ยังมาให้กำลังใจและทำความรู้จักน้องใหม่ในวงการอย่างเป็นกันเองทั้งยังให้คำแนะนำต่างๆ เกี่ยวกับการดำเนินรายการอีกมากมาย

                    ธรรศเป็นผู้ชายมั่นใจในตัวเองทำให้เขาไม่ตื่นกล้อง เวลาถึงช่วงเล่าข่าวจริงๆ ก็ทำได้ไม่เคอะเขินเป็นตัวของตัวเอง จนคชาถึงกับออกปากชมกลางรายการ ว่าวันแรกยังทำได้ดีขนาดนี้รับรองแฟนๆ ให้การตอบรับเป็นอย่างดีแน่ พอหมดเวลาธรรศอยู่พูดคุยกับทีมงานเล็กน้อยแล้วเอ่ยขอตัว เพราะเขาต้องไปทำงานที่บริษัทต่อระหว่างทางออกไปลานจอดรถ ชายหนุ่มบังเอิญเจอรุ่นพี่สมัยเรียนคนหนึ่งเห็นว่าไม่เสียเวลามากนักหากเจียดเวลาไปนั่งดื่มกาแฟกับ “เพื่อนเก่า” ก่อนสักแก้ว

                    “ไม่คิดว่าจะเจอพี่สรที่นี่”ธรรศเอ่ยหลังยกกาแฟหอมกรุ่นขึ้นจิบ

                    ไกรสรเป็นรุ่นพี่ในชมรมสมัยเรียนมหาวิทยาลัยตอนนั้นเขาเพิ่งเข้าไปเป็นน้องใหม่ เป็นเฟรชชี่ปีแรก ไม่รู้จะเข้าชมรมอะไรดีจึงเลือกชมรมบาสเกตบอล อีกอย่างชมรมนี้ก็น่าสนใจตรงกองเชียร์สาวๆ เยอะแต่เพราะเขากับไกรสรไม่ได้สนิทสนมกันมาก พอธรรศลาออกไปเรียนต่อต่างประเทศจึงไม่ได้ติดตามข่าวสารของกันและกันไม่แปลกถ้าชายหนุ่มไม่รู้ว่าไกรสรทำงานเป็นนักข่าวสายกีฬาในสถานีโทรทัศน์แห่งนี้ด้วย

                    “แต่พี่กลับรู้ว่าเราจะมาทำงานวันนี้เลยมาดักรอแสดงความยินดี”

                    “ขอบคุณมากครับพี่สรอยู่สายข่าวไหนครับ” ถึงไม่ได้เรียนสื่อสารมวลชนมาโดยตรงก็พอทราบว่านักข่าวเขาแบ่งเป็นสายตามประเภทข่าว

                    “อย่างเราจะไปอยู่สายไหนได้ก็ข่าวกีฬานี่แหละ เป็นผู้ประกาศภาคสนามน่ะ”

                    ธรรศไม่ได้พูดอะไร เพราะเขามีความรู้ด้านนี้ไม่มากงานพิธีกรเล่าข่าวกีฬาก็เพิ่งมีโอกาสทำเป็นครั้งแรก

                    “ได้ยินมาว่าเพิ่งกลับจากต่างประเทศตอนนี้ทำงานอยู่ที่ไหนล่ะ หรืองานนี้เป็นงานแรก”

                    “ผมเป็นโปรเจ็กต์แมเนเจอร์อยู่บริษัท...”ธรรศบอกชื่อบริษัทซึ่งทำงานอยู่

                    “แล้วเขาปล่อยให้มาทำงานนี้ได้ยังไงนายไม่ว่าเอาหรือธรรศ” ฟังชื่อบริษัทแล้วไกรสรได้แต่ทึ่ง

                    คนอย่างธรรศได้โอกาสดีขนาดนี้เชียวหรือ...

                    “ตอนแรกๆก็กังวลบ้างเหมือนกันครับ แต่ทางโน้นเขาให้โอกาส เห็นว่าจัดรายการช่วงเช้าด้วยจัดเสร็จก็เข้าบริษัทต่อ ไม่เสียเวลาอะไรมาก แค่ต้องตื่นเช้ากว่าปกติเท่านั้นเองถ้าจัดช่วงสายหรือบ่าย ผมก็คงขอบายเหมือนกัน ไหนจะแต่งตัว ไหนจะบรี๊ฟข้อมูลได้เสียงานแน่ๆ” เขาไม่ได้ขยายความว่าผู้ใหญ่ทางช่องขอร้องผ่านเจ้านายอีกทีหนึ่งด้วยเพราะไม่เห็นความสำคัญที่ไกรสรต้องรับรู้

                    “เป็นพิธีกรรายการข่าวจะว่าง่ายก็ง่ายจะว่ายากก็ยาก ใช่ว่าหน้าตาดีมีโอกาสยืนอยู่หน้ากล้องแล้วจะได้รับการยอมรับจากคนดู มันอยู่ที่ความสามารถอย่าลืมรักษาคุณภาพและทำมันให้ดีขึ้นล่ะยิ่งนายมาเบียดบังจุดที่คนอื่นเขายืนอยู่ด้วย อย่าประมาท อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้ตลอด”

                    คำพูดแปลกๆของไกรสรทำเอาธรรศต้องย่นคิ้วเพราะการที่เขายืนอยู่จุดนี้ได้เป็นความสามารถของตัวเอง ไม่ได้ไปแย่งใครมา 

                    เขากำลังจะเอ่ยปากถามว่ามีความหมายอะไรพิเศษหรือเปล่าถึงพูดเช่นนี้ทว่าหนุ่มรุ่นพี่ลุกขึ้นตบไหล่เขาเบาๆ พลางเอ่ยลา ปิดโอกาสทั้งหมดทันทีและเขาไม่มีวิสัยชอบเซ้าซี้จึงเฉยเสีย บอกตัวเองว่าคงไม่มีอะไรเป็นแค่คำเตือนด้วยความหวังดีของรุ่นพี่ในวงการเดียวกันเท่านั้น

     

    ---------------------------------



    สวัสดีค่า เอาตอนใหม่มาลงเรียบร้อยแล้วค่ะ อัพเดทข่าวนิดนึงนะคะ สำหรับใครที่โหลด E-Book ของเค้าไปแล้ว ตอนนี้มี 3 เรื่องที่เปลี่ยนปกใหม่ค่ะ สามารถไป re-download เวอร์ชั่นใหม่ได้เลยค่ะ ที่เปลี่ยนปกคราวนี้เพื่อที่จะได้ทำเวอร์ชั่น epub ด้วย ต่อไปจะทยอยเพิ่มให้ครบทุกเรื่องนะคะ แต่ขอเวลาเค้านิดนึงน้าาาา ตอนนี้ปรับเพิ่มไปได้ 50% แล้ว ยังเหลือเรื่องเก่าๆ ที่ยังไม่ได้เพิ่ม แต่ยังไงจะจัดทำแน่นอนค่ะ ^^

    FB Fanpage : เนตรนภัส

    สามารถติดตามผลงานเรื่องอื่นๆ 

    ในรูปแบบ E-Book ที่ Meb ค่ะ

    https://goo.gl/znYkP7 

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in