๒
ธรรศวางหูโทรศัพท์ลงบนแป้นอย่างเบามือวันนี้คนจากทางสถานีโทรทัศน์โทร.มาเพื่อย้ำเวลาสำหรับไปทำงานในฐานะพิธีกรช่วงเล่าข่าวกีฬายามเช้านี่ไม่ใช่งานประจำ แต่เป็นศาสตร์อีกแขนงที่น่าสนใจ พอมีคนเสนอมาเขาจึงไม่ลังเลในการรับงาน
ตอนที่ทางสถานีโทรทัศน์ติดต่อมา เขาเกรงใจบริษัทซึ่งทำงานประจำในตำแหน่งโปรเจ็กต์แมเนเจอร์จึงคิดจะปฏิเสธ ทว่าทางนั้นก็เสนอว่าผู้ใหญ่ทางช่องจะคุยกับผู้บริหารในบริษัทของเขาเอง และก็ไม่มีปัญหาอะไรเขาได้รับอนุญาตให้รับงานนี้ได้
ธรรศทำงานเป็นพิธีกรในช่วงเล่าข่าวเช้าเพียงสัปดาห์ละ๒ วันเท่านั้น ที่เหลือมีพิธีกรอีกคน ซึ่งเป็นมือเก๋าในวงการรับหน้าที่เป็นพิธีกรหลักอยู่แล้ว
ฟังดูแปลกในเมื่อมีพิธีกรมือดีอยู่แล้ว ทำไมต้องหาคนอื่นมาทำหน้าที่แทน ถึงแค่บางวันไม่ใช่เต็มเวลาก็ตาม เขาไม่เห็นความจำเป็นว่าต้องหาคนอื่นมาแบ่งงานทว่าพอเข้าไปคุยรายละเอียดทั้งหมดจึงเข้าใจ
เมื่อสังคมเปลี่ยนไปสื่อจึงเข้ามามีบทบาทสำคัญกับแนวคิดและการดำเนินชีวิตของคนมากขึ้นกว่ายุคสมัยก่อนในยามสิ่งเร้าเพิ่มมากขึ้น อย่างหนึ่งที่กำลังเป็นปัญหาใหญ่คือยาเสพติดในเยาวชนเด็กๆ เหล่านี้เป็นกลุ่มเสี่ยง หากใจไม่แข็งพอก็มักถูกชักจูงให้หลงผิดได้โดยง่ายดังนั้นเขาจึงเป็นส่วนหนึ่งในการทำดีสู่สังคมโดยการใช้สื่อในการเข้าถึงพฤติกรรมของเด็กๆ
ดูเหมือนเป็นเพียงจุดเล็กๆและไม่สำคัญเท่าไร ทว่าจุดเล็กๆ นี่แหละเป็นพื้นฐานของสังคมที่ดี
ทางผู้ใหญ่เลยต้องการจูงใจวัยรุ่นโดยการคัดหาตัวแทนคนรุ่นใหม่สนใจกีฬาขึ้นมาทำหน้าที่พิธีกรสลับกันไปกับคนเดิมเพื่อเป็นแบบอย่างและแรงบันดาลใจให้วัยรุ่นหันมาสนใจกีฬากันมากขึ้นและบริษัทที่เขาทำงานอยู่ก็เห็นดีด้วย
เพียงเขาต้องบริหารเวลาให้ดีขึ้นวันไหนต้องไปจัดรายการ วันนั้นเวลาเข้างานและเลิกงานประจำของเขาก็จะเลื่อนออกไปแต่เวลารวมก็ยังทำงานวันละ ๘ ชั่วโมงเหมือนพนักงานคนอื่นๆซึ่งไม่เป็นปัญหาสำหรับเขาอยู่แล้ว
การต้องอาศัยอยู่ในต่างประเทศเพียงลำพังออกจะโหดอยู่ไม่น้อยในด้านความรู้สึกเขาคิดถึง โหยหาบรรยากาศที่เรียกว่าบ้าน ดังนั้นนอกจากการเรียนกีฬาจึงเป็นอีกสิ่งที่ทำให้เขาสามารถก้าวผ่านความรู้สึกว้าเหว่นั้นไปได้
กีฬาชนิดหนึ่งที่เขาเอาดีได้ก็คือตีกอล์ฟและผลจากการออกก๊วนกอล์ฟนี่เองทำให้มีโอกาสรู้จักคนใหญ่คนโตในต่างประเทศหลากหลายวงการซึ่งมีประโยชน์มากในเรื่องโอกาสทางด้านการทำงานและส่งผลกระทั่งเมื่อกลับมาถึงเมืองไทย ทำให้เขาสามารถเข้าทำงานในบริษัทยักษ์ใหญ่ได้ไม่ยากโดยการชักชวนจากเจ้าของเลยทีเดียว
นั่นพิสูจน์ให้เห็นประโยชน์อีกอย่างหนึ่งของกีฬานอกเหนือจากร่างกายแข็งแรง มีกิจกรรมทำยามว่างทำให้ไม่หมกมุ่นกับเรื่องไม่ดีนั่นก็คือ “โอกาส”
“ทำอะไรกันน่ะเก๋หอมเชียว” ธรรศถาม เขาเดินตามเสียงหัวเราะเข้ามาเจอน้องสาวกับเพื่อนกางโต๊ะไว้ใต้ร่มมะม่วงข้างศาลาหกเหลี่ยมทำอะไรกันอยู่สักอย่าง ท่าทางสนุกเชียว
“ทำขนม”
ธรรศเลิกคิ้ว ทำหน้าประหลาดอย่างน้องสาวของเขาเนี่ยนะทำขนม ท่าทางจับตะหลิวเก้กังแถมยังยืนห่างกระทะเป็นเมตรแบบนั้น น่าเชื่อนักนี่
“ไม่ต้องมาทำหน้าแบบนั้นเลย”
อาการค้อนพลางแหวมาเสียงดังทำให้ธรรศเผลอหันไปสบตาศรานตาแล้วอดยิ้มให้ไม่ได้เมื่อเห็นหญิงสาวยิ้มน้อยๆ อยู่ก่อน
“แล้วไปกินข้าวกับเพื่อนเป็นยังไงบ้างคะอร่อยไหม” กณิศาถามไม่จริงจังนัก เพราะตั้งแต่กลับจากต่างประเทศจนตอนนี้พี่ชายเธอยังเนื้อหอม มีนัดกับเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ไม่หยุดหย่อน
“ก็ดี พี่ชอบอาหารไทยแล้วนี่ทำอะไรกันอยู่ ไหนว่าทำขนมไง เปาะเปี๊ยะทอดชัดๆ” ชายหนุ่มขัดมองแท่งสีขาวในกระทะที่ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีเหลืองทองอย่างสงสัย
“ใช่ที่ไหนพี่ธรรศไม่รู้อะไรซะแล้ว นี่ละขนม อร่อยด้วย ขอบอก เบบี้บานาน่าสปริงโรลสูตรหนูตาเขา”
เจ้าของสูตรตั้งชื่อไว้สุดหรูทั้งที่จริงๆ ก็คือ กล้วยไข่ห่อแป้งเปาะเปี๊ยะทอด นั่นเอง
“หนูตาว่ามันจะอร่อยกว่านี้นะถ้าเก๋เลิกยืนห่างเป็นวาแล้วยื่นตะหลิวมากลับแป้งแบบนั้น”
คำพูดของศรานตาตรงใจธรรศเป็นอย่างมากเห็นท่ากณิศาแล้วน่ากลัวกระทะจะคว่ำ พอดีพอร้ายได้โดนน้ำมันลวกกันทั้งสองคน
“นั่นสิ อย่างที่หนูตาบอกแหละเก๋มายืนทำใกล้ๆ มา”
“ก็เก๋กลัวน้ำมันกระเด็นใส่นี่” คนเป็นน้องตอบหน้าแหยเรื่องทำนั้นเธอไม่เก่งเท่ากับกิน
“รู้ว่าทำไม่เป็นแล้วทำทำไมพอดีพอร้ายกระทะคว่ำ น้ำมันจะราดเอา คราวนี้ละเรื่องใหญ่”
ใบหน้าเคร่งและเสียงแข็งๆของธรรศทำให้ศรานตาต้องรีบไกล่เกลี่ย ก่อนที่จะเกิดศึกสายเลือดกันขึ้น
“เก๋ส่งตะหลิวมานี่เถอะเดี๋ยวหนูตาทำเอง”
ทว่ากณิศาไม่ยอมส่งคืนแถมยังถือเอาไว้แน่น
“คืนมาเถอะน่า หนูตาไม่ใจร้ายไม่ให้เก๋กินหรอก”เธอเดาได้จากอาการของเพื่อน เพราะก่อนหน้านี้ตอนคิดทำของกินเล่นๆเธอขู่กณิศาไว้ว่า ถ้าไม่ช่วยจะไม่ให้กิน
“จริงนะ”
“จริงสิเก๋เห็นหนูตาเป็นคนใจร้ายไปได้” เธอบอก น้ำเสียงดีขึ้นจากเมื่อครู่รับตะหลิวจากมือเพื่อนมาจัดการกลับเปาะเปี๊ยะจนเหลืองกรอบแล้วเขี่ยมาไว้ริมกระทะ
กณิศาเห็นดังนั้นก็หยิบจานฉีกกระดาษซับน้ำมันรองแล้วส่งให้อย่างรู้งาน
“เดี๋ยวเก๋ห่อแป้งเพิ่มเลยแล้วกันเนอะมีพี่ธรรศมาเพิ่มอีกคน แค่นี้ไม่น่าจะพอ”
ศรานตาเหลือบมองธรรศซึ่งยืนกอดอกมองมานิ่งๆอยู่ใต้ร่มมะม่วง ได้ยินว่ากล้วยไข่เป็นของโปรดเขาแต่ไม่แน่ใจว่าจะมาร่วมวงกับเธอและกณิศาหรือเปล่าได้ยินว่าเพิ่งเสร็จจากมื้ออาหารไม่นาน บางทีอาจกำลังอิ่มอยู่ก็ได้
“พี่ธรรศจะทานกับเราไหมคะ”
“เอาสิ ให้พี่ช่วยอะไรไหมได้ยินแว่วๆ ว่า ถ้าไม่ทำ หนูตาจะไม่ให้กิน”
“พี่ธรรศก็เหมือนยายเก๋อีกคนหนูตาไม่ได้ใจร้ายขนาดนั้นสักหน่อย แต่ถ้าพี่ธรรศอยากช่วยจริงๆช่วยเก๋ห่อกล้วยไข่นะคะ เอาเท่าจำนวนที่อยากทานเลยค่ะ เพราะถ้าทอดทิ้งไว้มันจะไม่อร่อย กินร้อนๆ แบบนี้อร่อยกว่า”
“งั้นพี่ขอหลายอันหน่อยแล้วกันเบบี้บานาน่าลูกจิ๋ว ไม่อยู่ท้องพี่แน่” เขาพูดเสียงระรื่นแล้วเริ่มลงมือปอกเปลือกกล้วยส่งให้น้องสาว ซึ่งใช้แป้งห่อเป็นแท่งๆแล้วส่งต่อให้ศรานตาทอดอีกที
---------------------------------
สวัสดีค่า เอาตอนใหม่มาลงเรียบร้อยแล้วค่ะ อัพเดทข่าวนิดนึงนะคะ สำหรับใครที่โหลด E-Book ของเค้าไปแล้ว ตอนนี้มี 3 เรื่องที่เปลี่ยนปกใหม่ค่ะ สามารถไป re-download เวอร์ชั่นใหม่ได้เลยค่ะ ที่เปลี่ยนปกคราวนี้เพื่อที่จะได้ทำเวอร์ชั่น epub ด้วย ต่อไปจะทยอยเพิ่มให้ครบทุกเรื่องนะคะ แต่ขอเวลาเค้านิดนึงน้าาาา ตอนนี้ปรับเพิ่มไปได้ 50% แล้ว ยังเหลือเรื่องเก่าๆ ที่ยังไม่ได้เพิ่ม แต่ยังไงจะจัดทำแน่นอนค่ะ ^^
FB Fanpage : เนตรนภัส
สามารถติดตามผลงานเรื่องอื่นๆ
ในรูปแบบ E-Book ที่ Meb ค่ะ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in