ศรานตาเดินเข้าบ้านมาแล้วต้องขมวดคิ้วด้วยความสงสัยเมื่อเห็นผู้ชายคนหนึ่งยืนหันหลังอยู่หน้าบ้านตรงโรงจอดรถแผ่นหลังไม่คุ้นตาทำให้เธอรู้ว่าไม่ใช่ศรุตน้องชายซึ่งตอนนี้กำลังเรียนอยู่ที่เชียงใหม่
สงสัยจะเป็นแขกของแม่
สรุปได้ดังนั้น ศรานตาจึงตั้งใจเดินเลี่ยงไปทางด้านข้างเพื่อเข้าประตูหลังเนื่องจากเห็นว่าชายหนุ่มคนนั้นกำลังยืนคุยโทรศัพท์อยู่ไม่อยากเดินผ่านไปรบกวนการคุย ขณะหญิงสาวเดินหลบไปด้านข้างบ้านเป็นจังหวะเดียวกับชายหนุ่มคนนั้นหันมาพอดี สัญชาตญาณทำให้เธอเผลอหันไปมอง
พี่ธรรศ...
แม้จะไม่ได้พบกันเป็นเวลานาน แต่กณิศาก็นำรูปมาให้ดูบ่อยๆ ทำให้เธอจำเขาได้ในทันที
“ยายลูกกะตา”
ใช่แน่ๆชีวิตนี้ไม่เคยมีใครเรียกเธอด้วยชื่อประหลาดๆ อย่าง “ลูกกะตา” มาก่อนนอกจากเขาเพียงคนเดียว
ถึงไม่ชอบใจนักแต่คนถูกเรียกฉายาสมัยเด็กก็ยกมือไหว้ชายหนุ่มอย่างรู้มารยาท เก็บกักอารมณ์ขุ่นๆไว้ในใจ ผิดกับธรรศซึ่งรับไหว้ด้วยรอยยิ้มเกลื่อนหน้า ดูอารมณ์ดี
“ไม่เจอกันนานเลยหนูตาสบายดีหรือเปล่า”
“สบายดีค่ะพี่ธรรศล่ะคะ”
“ดีครับ พี่กลับมาตั้งนานแล้ว ยังไม่ได้เจอหนูตาสักทีมากราบคุณป้าคราวก่อน หนูตาก็ออกไปข้างนอก” เขาตอบ มือใหญ่ยื่นไปแย่งถุงประดามีในมือหญิงสาวมาถือไว้เองพลางเดินเข้าบ้านอย่างคุ้นเคย “คุณป้าบอกว่าวันนี้หนูตากลับช้า”
“หนูตาแวะซื้อของค่ะเลยช้าไปหน่อย” จากที่จะเข้าประตูหลังบ้าน เลยต้องเข้าประตูหน้าแทน
“พี่มารอตั้งนานแน่ะ”
“รอ...รอทำไมคะ” ศรานตาเผลอเอียงคอมองเขาอย่างสงสัยเธอกับเขาห่างกันไปนานจนเรียกได้ว่าไม่สนิทกัน มีเหตุผลอะไรทำให้เขามารอ...
“พี่เอาของฝากมาให้หนูตาไง”
“ก็คราวก่อนพี่ธรรศเอามาฝากแล้ว”เธอหมายถึงของซึ่งธรรศนำมาไหว้มารดา คราวนี้มีหลายชิ้น ทั้งของศานติและรตาในนั้นไม่มีของเธอรวมอยู่ด้วย แต่ก็ไม่ได้ติดใจอะไรเธอไม่คาดหวังว่าจะได้รับของฝากอยู่แล้ว
“อันนั้นของคุณป้าไม่ใช่ของหนูตานี่”
“อ๋อค่ะ”
“พี่อยากให้มันกับมือหนูตาเองจะได้รู้ว่าหนูตาชอบมันหรือเปล่า”
ศรานตายิ้มเฉย ไม่ได้เอ่ยสนับสนุนใดๆ
พอถึงห้องนั่งเล่นเห็นรตาอยู่ในนั้นก่อนแล้ว จึงเดินเข้าไปหา ทุกๆ วันพอกลับถึงบ้านศรานตาจะต้องเข้าไปไหว้มารดาก่อนเป็นอันดับแรก วันนี้ก็เช่นเดียวกัน
“นี่เจอกันแล้วใช่ไหมจ๊ะ”
“ครับ”
“ค่ะหนูตาเจอพี่ธรรศที่หน้าบ้าน” คนเป็นลูกขยายความ
“แล้ววันนี้หนูมัวทำอะไรอยู่จ๊ะพี่เขามารอตั้งนานแน่ะลูก หรือผู้ปกครองมารับเด็กในห้องช้า...ธรรศคงยังไม่รู้ตอนนี้หนูตาเป็นคุณครูโรงเรียนอนุบาลใกล้ๆ บ้านเรานี่เอง”ท้ายประโยครตาหันไปพูดกับธรรศ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ“ธรรศคงไม่คิดว่าเด็กลูกกะตา ยายหน้าม้าหางเปียที่ธรรศชอบล้อบ่อยๆกลายเป็นคุณครูไปแล้ว”
“แม่น่ะ มาว่าหนูตา” คนเป็นลูกพ้อแก้มป่องวันนี้โดนเรียกชื่อนี้สองครั้งแล้ว
“เห็นไหมธรรศ”ท่านหันไปพยักพเยิดกับหนุ่มคนเดียวในนั้นทั้งรอยยิ้ม
ยิ้มซึ่งธรรศคิดว่าเป็นยิ้มเอ็นดูมากกว่าจะต่อว่าจริงจัง
“เราก็เป็นเสียแบบนี้ถ้าแม่เป็นผู้ปกครองเด็กๆ คงไม่กล้าส่งลูกมาเรียนกับหนูหรอก ว่าไหมธรรศ”
คนถูกดึงเข้าไปมีส่วนร่วมเหลือบมองศรานตาแวบหนึ่ง เพียงเห็นอาการเม้มปากธรรศก็รู้ทันทีว่าเขาไม่ควรผสมโรง จึงได้แต่ยิ้มอ่อนๆ ให้รตาเท่านั้น
หนูตา ของใครๆ ถึงไม่เคยโกรธออกงิ้วเหมือนยายเก๋แต่บทดุก็เอาเรื่องเหมือนกัน อีกอย่างตอนนี้หางเปียก็ไม่มีแล้ว มีแต่หางม้า
“แม่ก็...ถึงเวลาทำงาน หนูตาก็น่าเชื่อถือเหมือนกันนะคะ”
“จ้า”รตารับคำเอาใจ “หนูตายังไม่ตอบแม่เลยว่าไปไหนมาทำไมวันนี้ถึงได้กลับบ้านช้าล่ะลูก”
“หนูตาแวะไปซื้อกระท้อนมาค่ะจะทำกระท้อนลอยแก้วให้แม่ทานไงคะ ได้ยินแม่บ่นหลายวันแล้ว นั่นไง” เธอชี้ไปยังถุงบรรจุกระท้อนบนโต๊ะซึ่งธรรศหิ้วเข้ามาให้
“ขอบใจจ้ะ”รตาจูบขมับลูกสาวเบาๆ อย่างรักใคร่
ศรานตาน่ารักแบบนี้เสมอถึงศานติซึ่งเป็นทหารชั้นผู้ใหญ่ต้องไปประจำการอยู่ต่างจังหวัด กลับบ้านนานๆ ครั้งแต่รตาก็ไม่ต้องหนักใจเลยในการเลี้ยงดูบุตรทั้งสองเพียงลำพัง
“หนูตาซื้อมาแยะแบบนี้ จะทานยังไงหมดล่ะจ๊ะ ตารุตก็ไปเรียนเสียแล้ว”เห็นปริมาณกระท้อนถุงใหญ่แล้วรตาได้แต่เป็นกังวล เพราะในบ้านเหลือสมาชิกแค่สองคนแถมยังเป็นผู้หญิงอีกต่างหาก
“หมดสิคะหนูตากะว่าจะทำทั้งลอยแก้วและทรงเครื่องเลยค่ะ อีกอย่างกะว่าจะแบ่งไปให้คุณป้าด้วยถ้าน้อยๆ ก็ไม่พอท้องยายเก๋สิคะ”
“นั่นสิจ๊ะ แม่ก็ลืมไป ของโปรดหนูเก๋เลยนี่”รตาพูดอย่างรู้จักเจ้าของชื่อดี ก็เจ้าตัวมักประกาศทุกครั้งว่า ‘ไอ้นั่นเก๋ชอบ ไอ้นี่เก๋ชอบ’ “ธรรศแน่ะรอชิมฝีมือน้องหน่อยไหม”
ชายหนุ่มยังไม่ทันได้ตอบ ศรานตาก็ขัดขึ้นมาทันที
“พี่ธรรศอาจมีธุระก็ได้นะคะแม่”พูดกับมารดา แต่สายตากลับมองไปยังธรรศนิ่ง
“เอ่อนั่นสินะจ๊ะ ป้าก็ลืมถามธรรศก่อน ถ้าติดธุระก็ไม่เป็นไรนะยังไงหนูตาก็เอาไปให้ที่บ้านอยู่แล้ว”
ธรรศประสานสายตากับศรานตา เขารู้สึกว่าภายใต้ใบหน้าซื่อๆเจ้าตัวซ่อนอาการรวนเอาไว้มิดชิด
คงกะกีดกันเอาคืนเขาที่ไปเผลอเรียกฉายาเก่าๆ ไม่ให้รับประทานของอร่อยละสิ
“ถ้าไม่ดูรบกวนจนเกินไปนัก ผมขอเป็นมื้อเย็นอีกสักมื้อด้วยได้ไหมครับวันนี้แม่ไม่อยู่บ้าน ยายเก๋ก็ไม่รู้จะกลับมาทานข้าวเย็นที่บ้านหรือเปล่าผมรบกวนคุณป้าหน่อยนะครับ”
“ไม่รบกวนหรอกจ้ะธรรศคนกันเองแท้ๆ อ้อ นี่ของฝากจากพี่เขาแน่ะ” รตาหยิบถุงกระดาษเล็กๆ บนโต๊ะส่งไปให้ซึ่งศรานตาก็รับมาวางไว้บนตัก แล้วยกมือไหว้ชายหนุ่ม
“ขอบคุณค่ะ”
“เปิดดูสิครับชอบไหม”
แต่ศรานตายังเฉย รตาจึงสำทับมา
“ว่าไงลูกพี่เขาถาม”
นั่นละศรานตาจึงต้องเปิดถุงออกดูแล้วตอบอย่างแกนๆ
“ชอบค่ะขอบคุณพี่ธรรศอีกครั้งนะคะ หนูตาไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วมาทำกับข้าวดีกว่าขอตัวนะคะพี่ธรรศ” ไม่รอให้แขกเอ่ยอะไรด้วยซ้ำศรานตาก็กวาดของทั้งหมดแล้วเดินตัวปลิวจากไป
ปล่อยให้รตามองตามงงๆปกติลูกสาวไม่เคยทำตัวเหมือนเกเร วันนี้เป็นอะไรขึ้นมา
ส่วนธรรศได้แต่ขำ สงสัยคงโกรธที่เผลอไปเรียกฉายาเก่ายายลูกกะตา
“กลับมาถึงเมืองไทยก็อยู่ไม่ติดบ้านเลยนะพี่ธรรศ”
เสียงน้องสาวดังขึ้นลอยๆทำให้ธรรศชะงักเท้าเขาเปลี่ยนเป้าหมายจากห้องครัวเพื่อนำกระปุกกระท้อนลอยแก้วและทรงเครื่องไปเก็บในตู้เย็นเป็นห้องนั่งเล่นทันที
“กลับมานานหรือยัง”เขาถามคนนอนคว่ำอ่านหนังสืออยู่บนโซฟาตัวยาว แต่ยังมีแก่ใจตะโกนถามกัน
“สักพักแล้วค่ะพี่ธรรศเถอะ กินอะไรมาหรือยัง วันนี้แม่ไม่อยู่นะ เก๋เลยกินมาจากข้างนอก”
“อืม...พี่ก็เรียบร้อยแล้วละ”
“แล้วนั่นถืออะไรมาคะ”กณิศาถาม มองกระปุกสองใบในมือพี่ชายไม่วางตาคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเห็นกระปุกลักษณะนี้มาก่อน
“กระท้อนลอยแก้วกับทรงเครื่อง”
“ว้าวกระท้อนลอยแก้วของโปรด” พอได้ยินพี่ชายบอก หญิงสาวก็ตาวาว เด้งตัวขึ้นนั่งฉวยกระปุกพลาสติกมาเปิดทันใด “น่ากินจังเลย”
“เอาไปกินสิป้าตาฝากมา”
“ป้าตาหรือคะวันนี้ป้าตานึกครึ้มอะไร จู่ๆ ลุกขึ้นมาทำกระท้อนลอยแก้วปกติมีแต่หนูตาเท่านั้นแหละที่ทำนั่นทำนี่มาให้บ่อยๆ”
“ก็ใช่น่ะสิ ฝีมือยายลูกกะตานั่นแหละ”
“แน่ะ พี่ธรรศน่ะ ไปเรียกหนูตาแบบนั้นเจ้าตัวได้ยินเข้าก็โกรธอีกหรอก” คนเป็นน้องเอ็ด
หนูตาผู้เรียบร้อยน่ารัก ขี้อาย แสนซุ่มซ่าม โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงทุกครั้งเมื่อใครเรียกเธอว่า“ลูกกะตา”
“แม่ลูกชื่อคล้ายกันจะเรียกทีสับสนไปหมด พี่เรียกแบบนี้ถูกแล้ว ลูกป้าตา... ลูกตา...ลูกกะตาน่ารักจะตายไป”
ใครจะนึกว่าน้องน้อย ยายเด็กหน้าม้าหางเปียโตขึ้นจะกลายเป็นคุณครูอนุบาลหน้าตาน่าเอ็นดู แถมยังทำกับข้าวอร่อยเมื่อก่อนไม่เห็นมีเค้าฝีมือดีแบบนี้แม้ชอบเล่นหม้อข้าวหม้อแกงเก็บผักเก็บหญ้าข้างรั้วมาทำกับข้าวก็เถอะ
“ใช่ที่ไหนกัน ป้าตาน่ะชื่อรตา ไม่มีชื่อเล่น แต่เราชอบเรียกให้สั้นๆว่าคุณป้าหรือป้าตา ส่วนหนูตา ชื่อจริงศรานตา ชื่อเล่นตา ใครๆเรียกหนูตา...มีแต่พี่ธรรศนี่แหละปากร้ายรู้ทั้งรู้ว่าหนูตาไม่ชอบให้ใครเรียกแบบนั้น ก็ยังเรียกอยู่ได้ ใจร้ายที่สุด”
ธรรศมองคนเป็นเดือดเป็นร้อนแทนเพื่อนแล้วนึกขำเรื่องของตัวเองหรือก็เปล่า
“เรานั่นแหละหูเพี้ยนหรือไง ก็บอกอยู่เนี่ยว่าน่ารัก... ลูกกะตา หนูตา” นึกไปถึงตาโตๆหน้าบึ้งๆ วันนี้แล้ว เขาก็ได้แต่อมยิ้ม
น่ารักจริงๆนะ
“ไม่เอาแล้วพี่ไปอาบน้ำดีกว่า เหนียวตัวจัง ฝากเก็บกระท้อนเข้าตู้เย็นด้วย แล้วอย่ากินหมดล่ะเหลือไว้ให้พี่บ้าง”
“เจ้าค่ะ อ้อ... เดี๋ยว พี่ธรรศ เมื่อเย็นคนจากช่อง...”กณิศาเอ่ยชื่อสถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่งของเมืองไทยออกไป “เขาโทร.มาหาพี่แน่ะบอกว่าให้พี่ธรรศโทร.กลับด้วย อืม...ว่าแต่เรื่องอะไรเหรอ”
“อือขอบใจ”
ธรรศไม่ตอบคำถามของน้องสาว เอ่ยจบเขาก็เดินตัวปลิวขึ้นบ้านปล่อยให้กณิศานั่งหน้างง เกาหัวตัวเองแกรกๆ ส่งค้อนตามหลังด้วยความอยากรู้แต่ไม่ได้คำตอบ
-----------------------------
สวัสดีค่า ขอพูดถึงเรื่องนี้หน่อยนะคะบางคนอาจยังไม่เคยทราบว่าเรื่องพรหมดาว เป็น ๑ ในหลายเรื่อง (ในเครืออมรินทร์ ๒๙เรื่อง)ที่กลุ่มสามารถเลือกไปจัดทำเป็นหนังสืออักษรเบรลล์เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯรัชกาลที่ ๙ เนื่องในปีมหามงคลฉลองพระชนมพรรษาครบ ๗ รอบ เมื่อปี ๒๕๕๔ ค่ะ (ตาม proposal ด้านล่างนะคะ)เป็นเรื่องที่นึกกี่ครั้งก็รู้สึกเป็นเกียรติมากจริงๆ ค่ะ
รายละเอียดเพิ่มเติมและภาพใหญ่ค่ะ https://goo.gl/BlO6NH
อ่านแล้วชอบไม่ชอบยังไง แวบมาเมาท์กันได้นะคะ ^^
FB Fanpage : เนตรนภัส
สามารถติดตามผลงานเรื่องอื่นๆ
ในรูปแบบ E-Book ที่ Meb ค่ะ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in