พรหมดาว
“อันนี้ไหมหนูตาลายคิตตี้ เด็กๆ น่าจะชอบนะ” กณิศาพูดพลางหยิบกระดาษลายการ์ตูนรูปแมวชื่อดังขึ้นพลิกไปพลิกมาพิจารณาแล้วเสียงของตกสู่พื้นดังตุบตับก็ทำให้เธอหันไปมอง ก่อนร้องออกมาด้วยความตกใจ “ตายแล้ว! หนูตา เป็นยังไงบ้าง”
เสียงไม่เบานักของกณิศาทำให้เจ้าของชื่อได้สติคลายอาการอึ้งรอยยิ้มแหยจึงปรากฏบนใบหน้ากลมน่ารักเหมือนเด็ก
“ตกหมดเลย”
กณิศาส่ายหน้าเบาๆ กับคำตอบของเพื่อนไม่รู้เจ้าตัวตกใจจนป้ำเป๋อหรือเอ๋อเป็นปกติกันแน่
“เก๋ไม่ได้หมายถึงกระดาษพวกนั้นเก๋หมายถึงหนูตาต่างหาก เป็นยังไงบ้าง เจ็บตรงไหนไหม” พูดพลางก็ดึงมือคนยืนเอ๋อซึ่งส่ายหน้าเบาๆให้นั่งยองๆ แล้วเก็บปึกกระดาษซึ่งกระจายเกลื่อนพื้นเข้าที่แต่อาการลุกลนของเพื่อนก็ทำให้กณิศาต้องเอ่ยเตือนอีกครั้ง “ช้าๆก็ได้หนูตา เดี๋ยวก็ได้หลุดมือตกลงมาอีกหรอก ค่อยๆ เก็บ”
“ไม่หรอกน่าหนูตาไม่ได้ซุ่มซ่ามขนาดนั้นสักหน่อย”
“แต่ซุ่มซ่ามมากๆใช่ไหมล่ะ”
“แหม เก๋ก็”
แก้มที่ป่องพองออกตอนเจ้าตัวค้อนน่ารักจนกณิศาอดส่งมือไปหยิกเล่นเบาๆ ด้วยความมันเขี้ยวไม่ได้
“แล้วเลือกได้หรือยังว่าจะเอาแบบไหนดี” พอเก็บกระดาษทั้งหมดขึ้นชั้นได้ กณิศาก็ลงมือช่วยเพื่อนเลือกอีกครั้ง
“ยังไม่ค่อยถูกใจเท่าไหร่เมื่อกี้เก๋ว่าอะไรนะ”
“อ๋อ นี่ไงลายคิตตี้ น่ารักดีนะ เมี้ยวๆ” ไม่บอกเปล่ากณิศายังเอากระดาษปึกนั้นเทียบใบหน้า ลอยหน้าลอยตาส่งเสียงเหมือนลูกแมวจริงๆก่อนส่งกระดาษปึกนั้นไปให้เพื่อนซึ่งกำลังยิ้มขำท่าทางของเธอ
“เก๋นี่เล่นเป็นเด็กๆ ไปได้” หญิงสาวรับกระดาษลายแมวชื่อดังมามอง
“เอ้าแบบนี้จะได้เข้ากับเด็กๆ ไง หนูตาเอาไปใช้กับเด็กอนุบาลไม่ใช่เหรอ”
คนถูกถามพยักหน้าหงึกๆแล้ววางกระดาษปึกนั้นลงบนชั้น พอกณิศาเห็นก็ถึงกับโวยวาย
“อ้าวไม่เอาเหรอ น่ารักดีออก”
“ไม่เอาลายคิตตี้แถมสีชมพูอีกต่างหาก ไม่เหมาะกับเด็กผู้ชายหรอก”
“แก่เลือกจริงๆหนูตา” คนพูดเบ้หน้า “เด็กผู้หญิงกับเด็กผู้ชายก็เด็กเหมือนกันนั่นแหละไม่เห็นต้องเลือกมากเลย แล้วที่โรงเรียนไม่มีกระดาษให้ใช้หรือไงถึงต้องมาเสียเงินซื้อเอง”
“ก็ของโรงเรียนมันไม่น่ารักเท่าที่อยากได้นี่” เจ้าตัวตอบเสียงอุบอิบ เปลี่ยนมาเป็นท่าทางออดอ้อน “เก๋เบื่อแล้วเหรอ เดี๋ยวหนูตารีบเลือกนะ เก๋รอนิดนะ นะ”
โอ๊ย เหลือเชื่อจริงๆกณิศาแทบเอามือตบหน้าผากกับนิสัยของเพื่อน เมื่อครู่ยังหน้าเสียอยู่เลยตอนนี้กลับมาอ้อนเสียแล้ว แถมเจอสายตาแบบนั้นเข้า ใครจะไปใจแข็งลง
“เก๋ก็บ่นไปงั้นเองแหละไม่มีอะไรหรอก หนูตาเลือกไปเถอะ ตามสบายเลยนะ นานแค่ไหนก็ได้”
“ขอบใจจ้ะ” เจ้าตัวยังไม่วายลากเสียงยาว ส่งสายตาออดอ้อน “หนูตาอยากได้กระดาษสวยๆกับกาวแท่งแค่นี้แหละ เสร็จแล้วเราไปกินข้าวกันนะ แถมตบท้ายด้วยไอติมหรือจะเป็นเค้กเจ้าอร่อยก็ได้ หนูตาเลี้ยงเอง”
“เลี้ยงข้าว?”กณิศาหยั่งเชิง ทั้งๆ ที่รู้ดีกว่าเพื่อนหมายถึงอะไร
“ขนมสิ”
หลังรับประทานอาหารกลางวันเสร็จกณิศาก็ขับรถคันเล็กสีเขียวของเพื่อนออกจากห้างสรรพสินค้า ตอนได้ยินว่าเพื่อนซื้อรถสีเขียว เธอไม่แปลกใจเลยเพราะมันคือสีโปรดของศรานตาและขนาดเล็กกะทัดรัดของมันก็ดูเหมาะเจาะกับผู้หญิงไซส์มินิอยู่ไม่น้อย
ใช้เวลาเพียงไม่นานสองสาวก็ไปถึงร้านขนมเจ้าประจำมีชื่อน่ารักๆ ว่า “ร้านขนม”ทั้งคู่เดินเข้าไปภายในอย่างคุ้นเคยเนื่องจากมาบ่อย สั่งกล้วยหอมทอด เฟรนช์โทสต์ และเลมอนโซดาคนละแก้วสำหรับมื้อขนมอร่อยๆ วันนี้
“ถามจริงๆ เถอะหนูตาทำไมต้องซื้อกระดาษมาทำเองด้วยล่ะที่โรงเรียนไม่ได้ติดตรงบอร์ดเหมือนเมื่อก่อนเหรอ” คนไม่ใช่ครูโรงเรียนอนุบาลถามอย่างแปลกใจเธอติดภาพสมัยตัวเองยังเด็ก วันไหนทำตัวดีน่ารัก หลับในเวลานอน ดื่มนมจนหมดแก้วหรือช่วยเพื่อนๆ ทำอะไรก็ตาม คุณครูประจำชั้นก็จะวาดรูปดาวไว้หลังชื่อบนกระดานใครได้คะแนนรวมสูงสุดในแต่ละเดือนหรือเทอมก็มีรางวัลให้
“ก็ยังทำอยู่นะแต่หนูตาอยากทำแบบพกให้เด็กๆ ด้วย”
“หนูตาจะทำไปทำไมมีบอร์ดแล้ว ทำเป็นแผ่นๆ ทำไมอีกให้เหนื่อย พกก็ยาก”
“ไม่ยากหรอกเก๋หนูตากะว่าจะเอากระดาษแข็งๆ ที่ซื้อมาพับครึ่ง แล้วใช้กระดาษขาวแปะข้างในอีกทีขนาดกำลังดีนะ ลายก็น่ารัก เด็กๆ น่าจะชอบ”
“แหงละเลือกอยู่ตั้งนาน แถมยังมีสติ๊กเกอร์ลายกระต่าย ลายช้าง ลายหมี ลายดาวไม่ชอบก็แปลกแล้ว”
ศรานตาหัวเราะเบาๆ ไม่ถือสากับคำค่อนขอดของเพื่อนสาวด้วยรู้ว่าเจ้าตัวทำเหมือนรำคาญไปอย่างนั้นเอง จริงๆ ไม่มีอะไร
“อีกอย่างหนูตาอยากให้ผู้ปกครองเห็นว่าลูกๆ ของพวกเขาเป็นยังไงบ้าง เป็นเด็กดีหรือเปล่าอะไรแบบนั้นแหละ”
“จ้าจ้ะแม่คนรักเด็ก”
“เก๋ล่ะจะเอาสักเล่มไหม หนูตาทำให้ เอาไว้ให้คุณป้าให้คะแนนว่าวันนี้ลูกสาวทำตัวดีแค่ไหนเอาไหมๆ”
“นี่หนูตาเก๋ไม่ใช่เด็กสี่ห้าขวบนะ จะได้ต้องเอาดาวเอาตุ๊กตามาหลอกล่อน่ะ” นิ้วเรียวจิ้มไปบนหน้าผากเพื่อน ผลักเบาๆ อย่างหมั่นไส้ “แล้วก็ไม่ชอบทำอะไรเป็นเด็กแบบนั้นด้วย”
ศรานตาลูบหน้าผากตัวเองป้อยๆ พลางหัวเราะ
“วันนี้พี่ปีย์ไม่อยู่หรือคะ” ศรานตาถามถึงเจ้าของร้านเมื่อพนักงานนำขนมมาเสิร์ฟ
ร้านนี้กณิศาบังเอิญขับรถมาเจอจึงไปเล่าต่อกันฟัง ความเป็นคนชอบทำขนมอยู่เป็นทุนเดิม พอได้มาชิมจึงติดใจเห็นหน้าบ่อยเข้า เจ้าของร้านก็เข้ามาคุยด้วย เลยสนิทกันไปโดยปริยาย
“วันนี้พี่ปีย์ไม่เข้าร้านค่ะ” พนักงานในร้านตอบ เสร็จแล้วก็ค้อมตัวเดินจากไปศรานตาจึงหันมาสนใจขนมตรงหน้าแทน
หญิงสาวค่อยๆใช้มีดตัดเฟรนช์โทสต์ราดน้ำเชื่อมเมเปิลเป็นชิ้นๆขนมปังฝรั่งเศสชุบด้วยนมและไข่จนชุ่ม นำไปทอดด้วยเนย แล้วอบอีกครั้งจนข้างในเป็นเนื้อคัสตาร์ดทั้งนุ่มและฉ่ำ เวลานำเข้าปากจะได้กลิ่นอบเชยนิดๆ หอมอร่อยจนอดตักเข้าปากอีกชิ้นไม่ได้
“อร่อยเหมือนเดิมเลย”
“ใช่ขนมร้านนี้อร่อยทุกอย่าง กล้อยหอมทอดราดไอซิ่งนี่ก็เยี่ยมกินแล้วคิดถึงพี่ธรรศชะมัด... พี่ธรรศน่ะชอบกินกล้วยทุกชนิดโดยเฉพาะกล้วยหอมและกล้วยไข่ อือ...ว่าจะถามหลายครั้งแล้วหนูตาได้เจอพี่ธรรศหรือยัง”
ศรานตาส่ายหน้าเบาๆ ในความทรงจำธรรศคือพี่ชายข้างบ้านตัวโตซึ่งเคยเป็นเพื่อนเล่นสมัยเด็ก แต่ไม่สนิทสนมมากนักตามประสาเด็กผู้ชายวัยรุ่นที่เข้าสู่ช่วงเริ่มสนใจเพศตรงข้ามในขณะเดียวกันก็ไม่ชอบสุงสิงกับเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆเพราะวัยที่ต่างกันมากในตอนนั้นเธอจึงไม่คิดอะไรจนวันหนึ่งกณิศาเดินร้องไห้น้ำตาไหลพรากเข้ามาบอกว่า ธรรศกำลังจะไปเมืองนอกคงไม่ได้เจอพี่ธรรศอีกนานเลย
ร่วมสิบกว่าปีที่ธรรศอยู่ต่างประเทศเขากลับมาเมืองไทยแค่ไม่กี่ครั้ง และเธอกับเขามักคลาดกันเกือบทุกครั้งขนาดตอนนี้เขากลับเมืองไทยมาร่วมเดือนแล้ว เธอยังไม่เคยได้เจอหน้าเลย
“เหรอ...ช่วงนี้เห็นพี่ธรรศยุ่งๆ เรื่องงานยังไม่ค่อยลงตัว พอพี่ธรรศปรับตัวได้เดี๋ยวก็ได้เจอกันเองแหละ บ้านอยู่ติดกันแค่นี้เอง”
“อือ”
---------------------------------------
อ่านแล้วชอบไม่ชอบยังไง แวบมาเมาท์กันได้นะคะ ^^
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in