เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
เขียนเล่นเป็นเรื่องอ่าน-คิด-เขียน
สังข์ทอง 2018
  • สังข์ทอง 2018:

     ความนิยมของสังคมไทยกับเรื่องเก่าเล่าใหม่ที่ไม่ใช่เรื่องเดิม            

    ละครเรื่อง“สังข์ทอง” ออกอากาศเวลา 8.00-9.00 น. ทุกเช้าวันเสาร์อาทิตย์ ทางช่อง 7HD
    เริ่มออกอากาศตอนแรกในวันที่25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 และตอนสุดท้ายในวันที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2562
    รวมทั้งหมด110 ตอน บทโทรทัศน์โดยภาวิต (นามปากกา) กำกับโดยภิพัชพนธ์ อภิวรสิทธิ์
    ผลิตโดยบริษัทสามเศียรดีด้า วิดีโอโปรดักชั่น 
    ที่มารูปภาพ: https://www.dek-d.com/board/view/3849263/


                   ในยุคทีวีดิจิทัลที่ละครโทรทัศน์ตกอยู่ในภาวะซบเซา เป็นที่น่าประหลาดใจว่าละครไทยที่ครองความนิยมไว้ได้อย่างเหนียวแน่นนั้นไม่ใช่ละครหลังข่าวที่ใช้ทุนสร้างสูงหรือใช้นักแสดงชื่อดังช่วงชิงความนิยมจากคนดู แต่กลับเป็นละครพื้นบ้านเช้าวันหยุดทางช่องเจ็ดสีเรื่อง สังข์ทอง  ทั้งที่สังข์ทองเป็นวรรณคดีโบราณที่คนไทยแทบจะทุกคนก็รู้เรื่องย่อกันอยู่แล้ว แต่แทนที่จะชวนให้ผู้ชมเบื่อ เรื่องสังข์ทองฉบับ 2018  นี้กลับกลายเป็นละครที่ดึงดูดผู้ชมจนทำเรตติ้งได้ถึง 7-8 ในเกือบทุกตอน ส่งผลให้มีเรตติ้งเฉลี่ยสูงสุดในบรรดารายการทั้งหมดจากทุกช่อง ในทุกช่วงเวลา และในทุกการแบ่งเขตพื้นที่การวัดเรตติ้งแม้กระทั่งในกลุ่มคนหนุ่มสาวซึ่งเป็นกลุ่มเล็กที่สุดที่รับชมละครเรื่องนี้ก็ยังได้เรตติ้งไปถึง 3 กว่า ๆ ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่าละครหลังข่าวหลายเรื่อง ยิ่งไปกว่านั้น สังข์ทองยังมียอดรับชมย้อนหลังไม่ต่ำกว่าหนึ่งล้านครั้งในทุกคลิปจนติดอันดับหนึ่งคลิปมาแรงในยูทูปอยู่บ่อยครั้งจึงน่าจะตั้งคำถามว่าละครสังข์ทองยุค 2018 ที่นำเรื่องเก่า ๆ มาเล่าซ้ำนี้มีความน่าดูที่ตรงไหนกัน

                   แม้ว่าเมื่อดูผ่าน ๆ ภาพรวมของละครสังข์ทองในปี 2018 แทบจะเหมือนกับสังข์ทองที่ออกอากาศเมื่อ 11 ปีที่แล้วเกือบทั้งสิ้น นับตั้งแต่ในส่วนของผู้สร้างเจ้าเก่าเจ้าเดิมคือบริษัทสามเศียร ดีด้า วิดีโอโปรดักชั่น เวลาออกอากาศเดิมคือเช้าวันเสาร์อาทิตย์หลังรายการดิสนีย์คลับสำหรับเด็ก ๆ องค์ประกอบของละครแบบเดิม ๆ ทั้งโครงเรื่องฉาก ดนตรีไทยประกอบ การขับเสภา นักแสดงสมทบรุ่นคุณท้าวและเสนาอำมาตย์ทั้งหลาย การยืดเรื่อง การตัดต่อที่ไม่เนียน หรือแม้แต่วิธีการถ่ายทำแบบ “ถ่ายไป ฉายไป” จนทำให้นางจันทาเทวียุคนี้ ต้องตายก่อนเรื่องตามบทโทรทัศน์ เพราะคุณอ้อม ประถมาภรณ์ นักแสดงผู้รับบทจันทาเทวีต้องลาจอไปคลอดลูก สิ่งเหล่านี้อาจทำให้หลายคนวิจารณ์ว่า ถ้าไม่นับรวมภาพที่ชัดขึ้น สังข์ทองยุคนี้ก็ไม่ได้ต่างอะไรกับของเดิมและคงจะคาดหวังพัฒนาการอะไรจากละครจักร ๆ วงศ์ ๆ ทำนองนี้ไม่ได้ แต่แท้ที่จริงแล้ว หากพิจารณาลึกลงไปในรายละเอียดจะพบว่า ละครเรื่องนี้มีความพิเศษที่ไม่เหมือนใครด้วยการสร้างสรรค์บทโทรทัศน์ที่หยิบยกเรื่องต่าง ๆ ซึ่งเคยถูกมองข้ามไปมาทำให้เห็นเด่นชัดขึ้นพร้อมกับการนำเสนอแนวคิดใหม่ที่ต่างจากตัวบทเดิมมาสร้างความสนุกสนานแปลกใหม่และกลมกล่อมตรงใจผู้ชมจนประสบความสำเร็จอย่างงดงาม

                  เพศวิถีอันหลากหลายและความเป็น “วาย” ในสังข์ทองเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้ละครเรื่องนี้แตกต่างออกไปและน่าติดตาม  ในปี 2007 เจ้าชายไชยยันต์เป็นหนึ่งในตัวละครหกเขยผู้เทียวไปเทียวมากระท่อมปลายนาเพื่อเกี้ยวนางรจนาและหาเรื่องเจ้าเงาะ มายุคนี้กลับพยายามไปมาหาสู่เพื่อจะได้เจอ “สวามีของน้องรจนา” แทน คำเกี้ยวพาราสีอย่าง ปลูกต้นอะไรบ้างเหรอ นี่ใช่ต้นรักหรือป่าวอะ” กลายเป็นประโยคที่เจ้าชายถามเจ้าเงาะแทนนางรจนาเสียอย่างนั้น เจ้าชายไชยยันต์ถูกสร้างให้เป็นคนตุ้งติ้งมีจริตจะก้าน เดินนวยนาด ชำเลืองตาชื่นชมความงามของดอกไม้ ชอบร้อยมาลัย เป็นเพื่อนสาวแสนน่ารักผู้คอยตักเตือนและช่วยเหลือชายาของตนและยังเป็นมิตรกับคนทั่วไป แสดงให้เห็นภาพของเพศทางเลือกที่พบได้ไม่บ่อยนักในวรรณคดีที่แปลกใหม่น่าสนใจสำหรับผู้ชม นอกจากนี้ ความใกล้ชิดสนิทสนมของเขยจีนและเขยแขกที่ทำให้ตัวละครอื่นเข้าใจผิดว่าเขยของท้าวสามนต์ “กิ๊ก” กันนั้น ก็ยังเป็นประเด็นที่สร้างความสนุกสนานและเพิ่มความ “จิ้น” ในกลุ่มจิ้นวายที่แสดงตัวตนชัดเจนมากขึ้นในสังคมไทยได้อีกด้วย 

                  เช่นเดียวกับความหลากหลายทางชาติพันธุ์ในสังข์ทองปี 2018 ที่เด่นชัดขึ้นมากจากเดิม ขณะที่หกเขยยุคปี 2007 แสดงอัตลักษณ์ทางเชื้อชาติของตนด้วยเครื่องแต่งกายเท่านั้น หกเขยจากสังข์ทอง 2018 กลับแสดงอัตลักษณ์ทางเชื้อชาติที่มีวัฒนธรรมของตนอย่างชัดเจนในหลายรูปแบบ เขยลาวเว้าลาว เขยฝรั่งสปีคอิงลิชง่าย ๆ และมีคนรับใช้คอยแปลไทยให้ แม้แต่เขยจากชาติที่คนไทยส่วนใหญ่ไม่คุ้นชินกับภาษาเช่นพม่าหรือแขก ก็ยังแสดงอัตลักษณ์ทางภาษาด้วยการพูดไทยตามสำเนียงของชาติตนและไม่ใช่เพียงวัฒนธรรมทางภาษาเท่านั้น แต่ความคิดความเชื่อและวิถีชีวิตที่หลากหลายก็ปรากฏชัดขึ้นมากในหลายฉากหลายตอน เช่น ตอนเขยจีนใช้กำลังภายในเหาะมางานเลือกคู่พร้อมคนรับใช้ที่คอยถือหม้อชาจีนตาม หรือเขยแขกใช้ตะเกียงอะลาดินเป็นอาวุธคู่กาย ยิ่งไปกว่านั้น ตัวละครหกเขยยังแสดงปฏิสัมพันธ์ระหว่างคนต่างชาติต่างภาษาที่มีทั้งความไม่เข้าใจกัน ความขัดแย้งกัน ความพยายามแสดงฐานะที่เหนือกว่ากัน ไปจนถึงความพยายามในการปรับตัวเข้าหากันและช่วยเหลือกันฉันมิตร เช่น การที่เขยแต่ละชาติเคารพพ่อตาตามธรรมเนียมปฏิบัติของชาติตนจนพาให้พระธิดาผู้เป็นชายาเคอะเขินด้วยความไม่คุ้นเคย การที่เขยพม่าหยิบขวานออกมาอวดเพื่อแสดงอำนาจและเขยฝรั่งก็หยิบปืนออกมาข่มกลับบ้าง หรือการที่ตัวละครเขยฝรั่งพยายามหัดภาษาไทยเพื่อคุยกับชายาและท้าวสามนต์ผู้เป็นพ่อตา เป็นต้น ดูเหมือนว่าภาษาและวัฒนธรรมของคนต่างชาติพันธุ์ไม่ได้เป็นอุปสรรคสำหรับผู้ชมชาวไทยที่จะทำความเข้าใจเรื่องได้อีกต่อไป แต่กลายมาเป็นปัจจัยสำคัญในการดำเนินเรื่องและเป็นตัวชูโรงที่ทำให้เกิดความบันเทิงชวนติดตามได้เป็นอย่างดี

                  อันที่จริงแม้ประเด็นความหลากหลายทางเพศวิถีและความหลากหลายทางชาติพันธุ์เช่นนี้จะเคยปรากฏอยู่บ้างแล้วในวรรณคดีไทยบางเรื่อง เช่น ในบทเจรจาละครอิเหนาในรัชกาลที่ 5 ที่ตัวละครต่างมีการแสดงอัตลักษณ์ทางชาติพันธุ์ของตน หรือเพลงยาวหม่อมเป็ดสวรรค์ที่กล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างคนเพศเดียวกัน แต่ดูเหมือนว่าภายใต้บริบททางสังคมในอดีตที่คนส่วนใหญ่ยังขาดความเข้าใจหรือขาดการยอมรับสิ่งที่แตกต่างจากตนเอง ความหลากหลายเช่นนี้กลับไม่เคยมีพื้นที่ที่ชัดเจนในละครโทรทัศน์จักร ๆ วงศ์ ๆ หรือแม้แต่ละครทั่วไปมาก่อน กระทั่งในยุคปัจจุบันที่เราคุ้นเคยกับความหลากหลายในสังคมมากขึ้นและแบ่งแยกความต่างของเรากับผู้อื่นน้อยลง ผู้สร้างละครจึงได้โอกาสสอดแทรกความหลากหลายรูปแบบต่าง ๆ ที่เคยถูกมองข้ามและไม่เคยปรากฎอยู่ในวรรณคดีสังข์ทองฉบับเดิมเข้าไปในคราวนี้ และทำให้ความหลากหลายต่าง ๆ ในสังคมไทยที่เคยเลือนรางมีความแจ่มชัดมากยิ่งขึ้น

                  นอกเหนือจากการหยิบยกความหลากหลายมานำเสนอให้เห็นชัดเจน  สังข์ทอง 2018 ยังมีการปรับบทละครบางส่วนเพื่ออรรถรสและสอดแทรกประเด็นใหม่ ๆ ที่เข้ากับยุคสมัยมานำเสนอไปพร้อมกันอีกด้วย หนึ่งในตัวอย่างการปรับเปลี่ยนที่สำคัญคือการสร้างภาพใหม่ของตัวละครพระสังข์ซึ่งเกี่ยวโยงสัมพันธ์กับมุมมองการตัดสินความดีความชั่วของมนุษย์ ขณะที่พระสังข์จากวรรณคดีและละครโทรทัศน์ในยุคก่อนหน้านั้นมีลักษณะที่ค่อนข้างแบนและขาดมิติ สังข์ทอง 2018 กลับมีการปรับเนื้อเรื่องและเพิ่มเติมเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ทำให้ผู้ชมรู้สึกถึงความซับซ้อนและความสมเหตุสมผลของพระสังข์มากยิ่งขึ้น เช่น เพิ่มฉากพระสังข์แอบเห็นนางพันธุรัตน์กินมนุษย์อย่างโหดเหี้ยมจนเก็บไปฝันร้ายซ้ำ ๆ ว่าจะถูกกินเปลี่ยนให้นางยักษ์สอนมนตร์พระสังข์ก่อนที่พระสังข์จะรู้ว่านางเป็นยักษ์แทนแบบเดิมที่สอนมนตร์ให้ก่อนตาย หรือเพิ่มตอนให้เจ้าเงาะฝันเห็นนางพันธุรัตน์แล้วคิดถึงจนร้องไห้ ฯลฯ การปรับเปลี่ยนเหล่านี้ช่วยทำให้การตัดสินใจหนีนางพันธุรัตน์ของพระสังข์นั้นมีเหตุผลทางด้านจิตใจมารองรับหนักแน่นขึ้นและช่วยลดความเป็น “พระเอกแสนดียอดกตัญญู” ที่ย้อนแย้งของพระสังข์ลงได้ ขณะที่บทบาทของพระสังข์ยุคเก่าอาจทำให้ผู้ชมข้องใจว่า พระสังข์จะเป็นคนดีอย่างที่วรรณคดีพยายามนำเสนอได้อย่างไรในเมื่อ   ใจจืดใจดำขอมนตร์จากแม่บุญธรรมเสร็จก็ปล่อยให้นางตายแล้วลืมไปเสียเฉย ๆ ภาพของพระสังข์ยุคนี้กลับไม่ได้แสดงภาพคนดีเลิศเหมือนที่เคย แต่แสดงมิติของตัวละครที่สมจริง มีข้อดีและข้อเสีย บางครั้งก็ตัดสินใจผิดพลาดได้ในสภาวะทางอารมณ์ที่สับสนและรู้สึกเสียใจกับการกระทำนั้นเหมือนมนุษย์ธรรมดาทั่วไป การเปลี่ยนลักษณะของพระสังข์เช่นนี้นอกจากจะช่วยให้ผู้ชมเข้าใจเหตุผลของเรื่องและเอาใจช่วยพระสังข์มากขึ้น ยังเป็นการสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้ตัวละครพระสังข์ 2018 ก้าวออกจากกรอบของความสมบูรณ์แบบของพระเอกในวรรณคดีตามขนบสู่การเป็นภาพสะท้อนของคนธรรมดาคนหนึ่งที่ผิดพลาดได้และเรียนรู้เป็น

                  จากการนำเสนอประเด็นต่าง ๆ ข้างต้น ดูเหมือนว่าแนวคิดสำคัญแนวคิดหนึ่งของละครสังข์ทองปี 2018 ที่เปลี่ยนไปจากเดิมอย่างชัดเจนก็คือ แนวคิดเรื่องความเท่าเทียมที่สัมพันธ์กับการตระหนักรู้และยอมรับความหลากหลายของผู้อื่นไปพร้อม ๆ กับการทำความเข้าใจตนเอง อย่างไรก็ตาม แนวคิดนี้ดูจะเป็นปัญหาอยู่ไม่น้อยเนื่องจากเนื้อเรื่องหลักตามสังข์ทองแบบฉบับไม่ได้เปิดช่องให้กับความเท่าเทียมนัก ในทางตรงกันข้าม กลับแสดงให้เห็นความไม่เท่าเทียมและการเลือกปฏิบัติในสังคม  โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเรามองวรรณคดีโบราณผ่านสายตาของคนสมัยใหม่  การซ่อนรูปทองในตัวเจ้าเงาะที่คล้ายจะเป็นคติสอนใจของเรื่องว่าอย่ามองคนเพียงหน้าตา สุดท้ายก็กลับชวนให้ตั้งคำถามว่านางรจนาก็เห็นรูปทองก่อนมิใช่หรือถึงได้โยนพวงมาลัยให้เจ้าเงาะ จึงเป็นที่น่าสนใจว่าแม้สังข์ทองปี 2018 จะเดินตามเนื้อเรื่องหลักส่วนนี้เหมือนเดิม แต่แทนที่จะเลือกปกปิดการ “เลือกคนที่หน้าตา” ของนางรจนาหรือนำเสนอแบบครึ่ง ๆ กลาง ๆ เพื่อรักษาภาพลักษณ์นางเอกไว้ ละครเรื่องนี้กลับแหวกแนวด้วยการเน้นพฤติกรรมดังกล่าวของนางรจนาผ่านคำพูดและการกระทำของนางเอง เช่น การวางแผนต่าง ๆ เพื่อทำลายรูปเงาะโดยไม่สนใจความรู้สึกของพระสังข์ผู้เป็นสามี หรือการขอให้พระสังข์ถอดรูปเงาะทิ้งโดยอ้างว่าคนอื่นหาว่านาง โง่เง่าที่เลือกเงาะป่าอัปลักษณ์มาเป็นสามี ขณะเดียวกันตัวละครอื่น ๆ ที่ไม่ใช่นางเอกกลับเป็นผู้แสดงบทบาทของผู้ที่ให้ความสำคัญกับความเท่าเทียมแทน ในตอนหนึ่ง ชายาของเจ้าชายไชยยันต์ได้ด่าว่าเจ้าเงาะและเรียกเจ้าเงาะด้วยความดูถูกว่าเป็น “ไอ้คนป่าบ้าใบ้ เจ้าชายได้ปรามนาง นางจึงโต้กลับว่าทำไมจะว่าเจ้าเงาะไม่ได้ คำตอบของเจ้าชายก็คือ “ก็เค้าก็เป็นคนเหมือนกับเราไง” คำพูดนี้สะท้อนให้เห็นแนวคิดที่สนับสนุนเรื่องความเสมอภาคเท่าเทียม ไม่ว่าผู้ใดจะมีเพศเป็นอย่างไร เชื้อชาติไหน มีสภาพร่างกายหรือรูปลักษณ์เช่นไร ทุกคนก็ล้วนเป็นมนุษย์เหมือนกัน ยิ่งไปกว่านั้น การเปิดโอกาสให้ตัวละครอื่นที่ไม่ใช่พระเอกนางเอกเป็นผู้เสนอแนวคิดสำคัญนี้ ยังสอดคล้องกับการสร้างตัวละครเอกที่ไม่จำเป็นต้องดีอย่างสมบูรณ์แบบ เปิดโอกาสให้ผู้ชมได้มองเห็นและทบทวนแนวคิดต่าง ๆ จากหลากหลายมุมมองที่ไม่ได้ผูกอยู่กับแค่ความเป็นตัวดี ตัวร้าย หรือตัวประกอบอีกต่อไป นับเป็นลักษณะที่อาจพบได้ไม่บ่อยนักในละครไทยเรื่องอื่น ๆ

                   ในการสร้างงานละครโทรทัศน์สักเรื่องขึ้นมานั้น บริบททางสังคมในแต่ละยุคสมัยย่อมมีความสำคัญต่อการสร้างงานอย่างใกล้ชิด เป็นธรรมดาที่ผู้ผลิตมักจะสร้างผลงานในแบบที่คนดูนิยมชมชอบ การที่ละครสังข์ทองในปี 2018 ได้รับความนิยมอย่างสูงเช่นนี้จึงแสดงให้เห็นว่าขณะที่คนไทยส่วนใหญ่ยังคงมีรสนิยมการเสพวรรณคดีนิทานจักร ๆ วงศ์ ๆ ประโลมโลกแบบเดียวกับที่เคยเป็นมาในอดีตแนวคิดหรือค่านิยมบางประการในภาพรวมของสังคมกลับไม่ได้หยุดอยู่ที่เดิม จะเห็นได้ว่าในทุกวันนี้ ความแตกต่างทางเพศหรือเชื้อชาติไม่ได้เป็นเรื่องที่อยู่นอกสายตาของผู้ชมหรือเป็นอุปสรรคในการเสพงานละครอีกต่อไป แต่เป็นสิ่งที่ผู้ชมมองเห็น ยอมรับ และให้ความสำคัญ เช่นเดียวกับประเด็นเรื่องความเสมอภาคเท่าเทียมและการเข้าใจความเป็นมนุษย์ที่เป็นเรื่องสำคัญในปัจจุบัน ผู้ผลิตละครเรื่องสังข์ทองเองก็สามารถจับแนวโน้มความเปลี่ยนแปลงทางสังคมเหล่านี้ได้และรู้จักทดลองปรับเสริมเติมแต่งเรื่องเพื่อนำเสนอความคิดใหม่ ๆ ให้เข้ากับยุคสมัยได้เป็นอย่างดี และในทางกลับกัน อาจกล่าวได้ว่า          การนำเสนอแนวคิดต่าง ๆ ในเรื่องสังข์ทองเช่นนี้ ก็เป็นการแสดงบทบาทของสื่อละครโทรทัศน์ที่มีส่วนในการขัดเกลาสังคมได้ไม่มากก็น้อยด้วยเช่นกัน

                   การนำวรรณคดีที่ได้รับความนิยมในทุกยุคทุกสมัยอย่างเรื่องสังข์ทองมาสร้างใหม่ด้วยบทละครโทรทัศน์ที่ผสมผสานความเก่ากับความใหม่ได้อย่างกลมกล่อมลงตัวนั้น จึงนับเป็นปัจจัยสำคัญหนึ่งที่ทำให้ละครเรื่องนี้ประสบความสำเร็จ และสิ่งนี้เองที่อาจเป็นคำตอบสำหรับข้อสงสัยที่ว่าละครสังข์ทองยุคนี้มีดีที่ตรงไหน จวบจนถึงตอนนี้ ละครสังข์ทองยุค 2018 ก็ยังคงออกอากาศอยู่ หากลองเปิดโทรทัศน์ดูละครจักร ๆ วงศ์ ๆ ในตอนเช้าของช่วงวันหยุดพร้อมคุณตาคุณยายหรือหลาน ๆ ที่บ้านเพื่อสนุกไปกับละครเรื่องนี้ด้วยตนเองก็น่าจะดีไม่น้อย


    บรรณานุกรม

    สามเศียร (ผู้ผลิต). (2561). สังข์ทอง [วีดิโอ]. ค้นจาก https://www.youtube.com/watch?v=zakF-tC695g&list=PL6pNxpxoz0yw1UQcmLfHoSGqRQjl5DC34


    © สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับเพิ่มเติม) พ.ศ. 2558 เผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางวิชาการเท่านั้น

    ข้อเขียนนี้เป็นส่วนหนึ่งในหนังสือ “เขียนเล่นเป็นเรื่อง” รวมผลงานสร้างสรรค์ของนิสิตภาควิชาภาษาไทย ซึ่งเป็นผลงานลำดับที่ 3 ในหนังสือชุด “วิชญมาลา” รวมผลงานด้านภาษาและวรรณคดีไทย จัดทำโดย ภาควิชาภาษาไทย คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ.2563
    อ่านฉบับ E-book ได้ที่ .....

    หมายเหตุเกี่ยวกับงานเขียน: บทวิจารณ์นี้เขียนขึ้นในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2561 ขณะที่สังข์ทองยังคงออกอากาศอยู่

    ข้อมูลเกี่ยวกับผู้เขียน:                                  เปมิกา ภูภากรณ์ 
                                                                           ศิษย์เก่านิสิตระดับปริญญาตรี ภาควิชาภาษาไทย                                                                                     คณะอักษรศาสตร์  จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ชอบอยู่บ้าน                                                                         ชอบอ่านหนังสือเรื่องเกี่ยวกับเด็ก ๆ หรือครอบครัว                                                                                   ชอบวาดรูปเล่นและชอบจินตนาการเรื่อยเปื่อย                                                                                         ช่วงนี้สนใจ กระทู้รีโนเวทและสร้างบ้านในพันทิปเป็น                                                                               พิเศษ                                                                              ปีที่สร้างสรรค์ผลงาน:                                  2561                                                                            บรรณาธิการต้นฉบับ:                                   หัตถกาญจน์ อารีศิลป                                                        กองบรรณาธิการ:                                         ธัญวรัตม์ วงศ์เรือง บุษกร บุษปธำรง วรนุช ขาวเกตุ                                                                                 ธีรศักดิ์ คงวัฒนานนท์ จุฬารัตน์ กุหลาบ 



เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
Sirawit Onchum (@fb4596657955845)
เรื่องนี่ก็สนุกนิดหน่อยค่า