Find my way เส้นทางของนักเดินทาง หญิงสาว และคุณ
น่าสงสัยว่าเส้นทางแบบไหนที่ทำให้คนจดจำขึ้นใจ
ใครเป็นคนเสนอเส้นทางให้เรา
ใครเป็นคนตัดสินว่าเส้นทางเหล่านั้นน่าจดจำ
แล้ว “คน” ที่จดจำควรเป็น “คนอื่น” หรือ “ตัวเราเอง”
แต่ละปีมีนักเดินทางหลายล้านคนที่ออกท่องเที่ยวไปตามพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วทุกมุมโลก บางคนอาจเหินเวหาด้วยปีกของนกเหล็ก บางคนอาจล่องไปตามภาคพื้นสมุทรด้วยปลาเหล็ก บ้างก็เดินทางด้วยเพื่อนคู่ใจภาคพื้นดินตั้งแต่หลายล้อจนถึงสอง และหลายคนทีเดียว ที่เดินทางโดยใช้สองขาของเขาก้าวย่างไปทุกที่
ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด พวกเขาต่างก็มีเส้นทางในใจที่ใฝ่หา แต่ขึ้นอยู่กับว่าเขาจะเลือกและสามารถเลือกเส้นทางที่ฝันได้หรือไม่ นักเดินทางหลายคนได้เดินทางไปในเส้นทางที่ต้องการซึ่งอาจเป็นการเหินเวหาหรือเดินบนผืนหญ้าก็ได้ แต่บางคนก็ดันทุรังเดินไปในเส้นทางที่ไม่ปรารถนาเพียงเห็นว่าเป็นเส้นทางสายหลักที่ใครต่อใครมองว่าสวยงาม เรียบลื่น และปลอดภัย โดยลืมไปว่าเนื้อแท้ของบางคนกลับชอบเดินเท้าเปล่าตามถนนลูกรัง หรืออาจชอบเหยียบย่ำไปบนผืนหญ้า ท้องน้ำ และเขาสูงชัน
ลืมไปว่าความสวยงามของเส้นทางสายหลักที่ทุกคนต่างจดจำอาจไม่น่าจำจดสำหรับเขา
เมื่อเจอเส้นทางขรุขระที่อาจทำให้ล้อยางกระเทือน หรือเท้าเปล่าโดนทิ่มจนเจ็บแสบ นักเดินทางบางคนมุ่งหน้าไปต่อ บางคนชะลอความเร็ว และบางคนถอดใจไปทั้งที่ยังเดินไม่ถึงครึ่งทาง
คล้ายว่าลืมความตั้งใจที่ให้ไว้กับตน ลืมไปว่าระหว่างการเดินทาง ไม่ว่าจะเจอช่วงที่ราบเรียบ มีหลุมบ่อ หรือช่วงที่มีเนินเขาก็ล้วนเป็นประสบการณ์อันน่าจดจำทั้งสิ้น
ด้านหน้าคุณคือหญิงสาววัยประมาณยี่สิบห้าปีที่กำลังนั่งเหม่อ คิดสะระตะถึงการตัดสินใจครั้งสำคัญอีกครั้งหนึ่งของชีวิต เส้นผมอ่อนนุ่มของเธอประระเสื้อสีขาวเนื้อบางตัวโปรดที่เธอมักใส่ในวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ กางเกงสีเขียวเข้มช่วยขับให้ผิวของเธอขาวซีด ขณะที่วิวสวนหย่อมนอกหน้าต่างช่วยทำให้เธอสดใสมากกว่าความจริง
คุณนั่งมองเธอเหม่อมาพักใหญ่ คิดสงสัยว่าในสมองของเธอมีเรื่องยุ่งเหยิงกี่พันเรื่อง เธอจึงใช้เวลาคัดสรรเรื่องที่จะเล่าให้คุณฟังนานกว่าปกติ เมื่อคุณเริ่มมีทีท่าว่าเหนื่อยจะรอด้วยการลุกไปเปิดลำโพงบีแอนด์โอสีเขียวมะกอกและเริ่มเชื่อมสัญญาณบลูทูธเข้ากับโทรศัพท์มือถือ ขณะที่คุณกำลังเลื่อนหาเพลย์ลิสต์โปรดอยู่นั้น เธอจึงเริ่มปริปากเล่าให้คุณฟัง
“ฉันไม่รู้จะเดินไปทางไหน…” นั่นคือประโยคแรกหลังจากคุณมาพบเธอได้หนึ่งชั่วโมง เธอเล่าต่อว่า เธอเคยคิดว่าเธอมีความสุขกับชีวิต มีความสุขกับเส้นทางที่เธอเลือก ไม่ว่าจะการเรียน หน้าที่การงาน ปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้าง และแม้กระทั่งคนรัก แต่สุดท้าย สิ่งที่คิดว่าสุขและจริงที่สุดกลับเป็นเรื่องทุกข์และโกหกที่สุดในชีวิตมนุษย์คนหนึ่ง
เธอโกหกตัวเองว่ารางวัลเกียรติคุณที่ได้รับประดับฝาบ้านคือสิ่งที่เธอต้องการ
โกหกตัวเองว่าคณะที่เธอเลือกคือความฝันอันสูงสุดในชีวิต
โกหกตัวเองว่าต้องการทำงานในสายการเรียนที่เรียนมา
โกหกว่าถึงเวลาที่เธอต้องกลับไปรับช่วงต่องานที่บ้าน
โกหกตัวเองว่าเธอเกิดมาสมบูรณ์พร้อมทุกอย่าง
โกหกตัวเองว่าการทำงานที่คนอื่นเสนอจะเป็นการชี้วัดว่าเธอเป็นคนดีน่าคบหา
โกหกตัวเองว่าการปฏิเสธคนจะทำให้เธอดูไร้น้ำใจ ซึ่งนั่นทำให้เธอต้องช่วยทุกคนที่ยื่นมือมา
โกหกว่าเป็นคนถ่อมตัวเพราะคิดว่าเป็นสิ่งที่ควรทำเมื่ออยู่ในสังคม จนเธอกดให้ตัวเองรู้สึกไร้ค่า
โกหกตัวเองว่าไม่มีเวลาว่างทำสิ่งที่รัก เพียงเพราะไม่อยากเสียภาพลักษณ์ที่ทุกคนมอบให้
และโกหกตัวเองว่าการเลือกละทิ้งความฝันตั้งแต่เด็กจนโตเพื่อทำตามความคาดหวังของคนรอบตัวคือสิ่งที่ดีน่ายกย่อง เพราะแสดงให้เห็นว่าเธอไม่เห็นแก่ตัวและจะทำให้เธอประสบความสำเร็จ
ใช่ เธอประสบความสำเร็จในชีวิต แต่ด้านจิตใจ เธอล้มเหลวไม่เป็นท่า คุณแปลกใจที่แม้จะเป็นเพื่อนสนิทกับเธอแต่คุณกลับไม่เคยรู้เรื่องโกหกเหล่านี้ ไม่น่าเชื่อว่า รอยยิ้มละไมและดวงตาเป็นประกายยามเธอพบปะผู้คนจะเป็นการแสดงที่สร้างขึ้นด้วยหยาดน้ำตาและความกดดัน
ความกดดันว่าภาพลักษณ์คนเก่งของเธอจะสลายไป
ความกดดันว่าคนอื่นจะมองเธอว่าเป็นคนอย่างไร
ความกดดันที่สุมให้เธอเป็นคนยึดติดกับความสำเร็จภายนอกจิตใจ
หลังจากเธอพรั่งพรูถ้อยคำนับไม่ถ้วน คุณเพิ่งตระหนักว่า ทั้งที่ตัวติดกันอย่างปาท่องโก๋ แต่คุณกลับไม่รู้ว่าภายในเธอแตกสลายและกลวงเปล่าแค่ไหน คุณกลายเป็นเพื่อนสนิทที่ไม่รู้ว่าความสุขที่คุณร่วมยินดี แท้จริงคือความเศร้าอย่างไม่มีวันให้อภัย คุณจึงเสียใจที่ปล่อยให้เธอตกในหลุมความคิดว่าใครจะคิดกับเธออย่างไรจนทำลายความเป็นเธอเพียงนี้
เธอจ้องมอง ร้องขอทางออกจากคุณ ด้วยดวงตาที่เคยประกายสุกใสเพราะความสุขปลอม ๆ ที่สร้าง แต่เพราะปัญหาครั้งนี้ถูกกดทับมาหลายสิบปี จึงทำให้คุณไม่แน่ใจว่าหากให้คำปรึกษาไปแล้วเธอจะดีขึ้นหรือแย่ลง คุณจึงตัดสินใจกดเพลงที่คิดจะเปิดแต่แรกให้เธอฟัง
My Way - Frank Sinatra[1] ⏪⏸⏩
And now, the end is near
ทันทีที่เพลงบรรเลง เธอก็ทำตาเขียวใส่ เบะปากคล้ายจะร้องไห้อีกครั้ง
And so I face the final curtain
เพราะข้องใจว่าเหตุใดคุณไม่ช่วยคิดหาทางแก้
My friend, I'll say it clear
แต่คุณก็ยืนยันที่จะให้เธอฟังเพลงนี้ให้จบ
I'll state my case, of which I'm certain
ให้เธอฟังและคิดตามไปทีละท่อน ๆ
I've lived a life that's full
ตั้งคำถามว่าแท้จริง ชีวิตที่สุขสมบูรณ์ของเธอเป็นเช่นใด
I've traveled each and every highway
ทุกครั้งที่เธอเล่าด้วยรอยยิ้มว่าได้ทำสิ่งต่าง ๆ มากมาย
But more, much more than this
ทุกครั้งที่เล่าด้วยตาเป็นประกายว่าเธอสุขสำเร็จ
I did it my way
เป็นสิ่งที่ทำเพราะเธอต้องการหรือ “คิด” ว่าผู้อื่นต้องการให้เป็น
Regrets, I've had a few
ท่ามกลางความสำเร็จมากมาย มีครั้งใดบ้างที่เธอไร้ความสุข
But then again, too few to mention
หรือทุกข์ทุกครั้งเพียงไม่เคยเอ่ยให้ใครฟัง แม้กระทั่งคุณ
I did what I had to do
ทุกครั้งที่ทำ เธอทำเพราะอยากทำหรือเพราะคนอื่นอยากให้ทำ
And saw it through without exemption
ทำเพราะเธอรักหรือเพื่อรักษาภาพลักษณ์ - คุณย้ำ ให้คิดให้ดี
I planned each charted course
ทุกเช้าที่ตื่น ทุกคืนที่นอน
Each careful step along the byway
ทุกก้าวที่ย่าง เธอตระหนักบ้างไหมว่าเป็นก้าวที่เธอตั้งใจ
And more, much more than this
หรือเป็นก้าวที่เห็นว่าใคร ๆ ต่างบอกว่าน่าจดจำ
I did it my way
เธอก้าวด้วยแรงเธอ หรือก้าวด้วยแรงใคร
เธอยังเป็นเธอ หรือเธอกลายเป็นใคร
Yes, there were times, I'm sure you knew
ช่วงเวลายากลำบากที่เล่าให้ฟัง คุณย้ำ
When I bit off more than I could chew
ช่วงเวลาที่คนอื่นบอกว่าเธอทำอะไรเกินตัว
But through it all, when there was doubt
แต่เธอดึงดัน คุณขอให้สิ่งนั้นเป็นไปตามฝันของเธอจริง ๆ
I ate it up and spit it out
ขอให้เธอตัดสินใจเลือกเส้นทางที่เธอหวัง
I faced it all and I stood tall
ขอให้เธอหยุดหนีปัญหาเพื่อกลับมาแก้ปัญหาเรื้อรัง
And did it my way
ขอให้เธอได้ทำ ได้เป็น ได้เห็น ในสิ่งที่ใจต้องการ
I've loved, I've laughed and cried
ไม่ว่าผลจากการตัดสินใจนั้น จะทำให้เธอหัวเราะหรือร้องไห้
I've had my fill my share of losing
ไม่ว่าการเลือกครั้งนั้นจะทำให้เธอต้องสูญเสียในสายตาใคร
And now, as tears subside
จงตระหนักว่าอย่างน้อยเธอก็ไม่เสียศูนย์ เมื่อเวลาผ่านไป
I find it all so amusing
เธอจะเข้าใจ จดจำ เก็บสิ่งเหล่านั้นเป็นอีกก้าวสำคัญของเธอ
To think I did all that
คุณขอให้เธอคิด ทุกก้าวที่เธอย่าง ทุกการตัดสินใจ ไม่จำเป็นต้องน่าจดจำสำหรับใคร
And may I say - not in a shy way
เพียงน่าจดจำสำหรับเธอ
อีกครั้ง คุณขอให้เส้นทางชีวิตหลังจากนี้
Oh no, oh no, not me
เป็นลายเส้นที่เธอขีดเขียน หาใช่ลายเส้นที่คนอื่นเขียนขีด
I did it my way
หาใช่ลายเส้นที่เธอคาดว่าคนอื่นอยากให้เป็น
For what is a man, what has he got
ชีวิตเป็นของเธอ หากเธอไม่เลือกทางเดินที่เธออยากจำจด
If not himself, then he has naught
แต่ด้วยต้องการเป็นคนที่ใคร ๆ ก็จดจำ
To say the things he truly feels
เธออาจใช้ชีวิตอยู่ได้ แต่จะโกหกความรู้สึกได้อีกนานเพียงใด
And not the words of one who kneels
เธออาจใช้ชีวิตอยู่ได้ แต่นั่นคือตัวเธอหรือตัวใคร
The record shows I took the blows
คุณบอกเธอเป็นครั้งสุดท้าย ไม่ว่าจะดีหรือร้าย
And did it my way
ขอให้เป็นเส้นทางที่เธอต้องการ เส้นทางตามความฝันของเธอ
Yes, it was my way
เส้นทาง ที่เธอเลือกเอง
…
ทันทีที่เพลงจบ เธอมองหน้าคุณคล้ายยังไม่แน่ใจว่าคุณกำลังจะบอกอะไร คุณทำได้เพียงย้ำเนื้อ
เพลงอีกครั้ง ยิ้มให้เธอแล้วแสร้งเดินไปยังหน้ากระจกใสบานใหญ่เพื่อให้เธอใช้เวลาครุ่นคิดกับเพลงที่คุณเปิดให้
คุณจ้องมองตัวเองในกระจกใสบานนั้น ด้านหน้าคุณคือหญิงสาววัยประมาณยี่สิบห้าปีที่กำลังนั่งเหม่อ คิดสะระตะถึงการตัดสินใจครั้งสำคัญอีกครั้งหนึ่งของชีวิต
[1] คัดมาจากเพลงชื่อ My Way ของ Frank Sinatra ที่มา: https://genius.com/Frank-sinatra-my-way-lyrics
© สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับเพิ่มเติม) พ.ศ. 2558 เผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางวิชาการเท่านั้น
ข้อเขียนนี้เป็นส่วนหนึ่งในหนังสือ “เขียนเล่นเป็นเรื่อง” รวมผลงานสร้างสรรค์ของนิสิตภาควิชาภาษาไทย ซึ่งเป็นผลงานลำดับที่ 3 ในหนังสือชุด “วิชญมาลา” รวมผลงานด้านภาษาและวรรณคดีไทย จัดทำโดย ภาควิชาภาษาไทย คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ.2563
อ่านฉบับ E-book ได้ที่ ....
ข้อมูลเกี่ยวกับผู้เขียน: ฉัตรชนก ชัยวงค์
ศิษย์เก่านิสิตทุนโครงการสู่ความเป็นเลิศด้านภาษาและวรรณคดีไทย
ภาควิชาภาษาไทย คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
มีความสนใจทางประวัติศาสตร์ วรรณกรรม และวัฒนธรรม
รักการอ่านทํานองเสนาะและร้องเพลงพอ ๆ กับการขีดเขียน
แม้ทุกวันนี้จะอ่านหนังสือเล่มน้อยลง หันมาอ่านบทความออนไลน์มากขึ้น
แต่ยังหลงรักในกลิ่นหนังสือและสัมผัสของกระดาษเสมอ
ภาพประกอบ: ชญามญช์ เพิ่มประโยชน์
บรรณาธิการต้นฉบับ: หัตถกาญจน์ อารีศิลป
กองบรรณาธิการ: ธัญวรัตม์ วงศ์เรือง บุษกร บุษปธำรง วรนุช ขาวเกตุ
ธีรศักดิ์ คงวัฒนานนท์ จุฬารัตน์ กุหลาบ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in