1"ฤดูฝน เริ่มต้นประมาณกลางเดือนพฤษภาคม เมื่อลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมประเทศ และร่องความกดอากาศต่ำพาดผ่านเมือง ทำให้มีฝนชุกทั่วไป ร่องความกดอากาศต่ำนี้ปกติ จะพาดผ่านตอนใต้ในระยะต้นเดือนพฤษภาคม แล้วจึงเลื่อนขึ้นไปทางเหนือตามลำดับ ส่งผลให้มีฝนตกหนาแน่นในหลายพื้นที่"
2
พายุพัดฝนเม็ดใหญ่ผลัดกันตกเคาะหน้าต่างกระจกใสดังเปาะแปะ แต่ก็ไม่ดังพอที่จะรบกวนการซ้อมเพลง Double concerto ของ Bach ได้ การประสานของเสียงเครื่องสายสองกลุ่มแซ่ซ้องแบ่งรับแบ่งสู้กันอย่างหนักแน่นมั่นคง สมกับเป็นบทประพันธ์ในยุคบาโรก
เส้นหางม้าฉาบยางสนเสียดสีกับสายไวโอลิน ถูกต้องตามจังหวะทำนอง แต่ขาดซึ่งวิญาณและความใส่ใจ สายตาของเขาทอดผ่านแผ่นกระจกออกไป ซ่อนความดีใจ เหลือเอาไว้แค่เพียงรอยยิ้มที่มุมปาก พยากรณ์อากาศเป็นไปตามที่คาดไว้ จะเหลือก็เพียงการโกหกสีขาวอีกเล็กน้อยเท่านั้น
แล้วการซ้อมรอบสุดท้ายของวงออเครสต้าเยาวชนจบลง พายุฝนแม้จะซาลงบ้าง ก็ยังคงศักยภาพความสามารถในการทำให้เปียกปอนได้อยู่ เขาเลิกแขนแจคเกตผ้าเวสปอยท์สีกากีขึ้นดูเวลา และกดเบอร์โทรหาคนขับรถ
"ซ้อมเสร็จแล้ว แต่ฝนตก แต่ยังออกไปหน้าซอยไม่ได้ เดี๋ยวไวโอลินโดนฝนแล้วชื้น มีปัญหา"
เขาปล่อยคำโกหกตัวเบ้อเร่อ
ที่จริงแล้วคงยากที่ฝนจะทำอะไรเครื่องดนตรีเขาได้ ถึงจะไม่ใช่กล่องของ Bam ที่กันน้ำได้เทพสุดก็เถอะ
เขาแค่ต้องการเวลา
"เดี๋ยวฝนหยุดสนิทแล้วจะโทรให้มารับนะครับ"
3
พวกมนุษย์มักจะหาทางออกให้กับเรื่องที่อธิบายไม่ได้ด้วยการอ้างถึงสิ่งที่อธิบายได้ไม่กระจ่างอีกทอดหนึ่ง
พวกเราเหล่าแม่มดก็มักจะโดนอยู่บ่อยๆ อย่างเช่นปรากฎการณ์การลมเฮอริเคนที่เกิดจากการปะทะกันของอากาศเย็นจากอาร์กติกเหนือและลมอุ่นจากอ่าวทางใต้ในช่วงปลายปี จนทำให้เรือของมนุษ์บริเวณนั้นต้องประสบอุบัติภัย อับปางลงในช่วงเวลาเดิมๆ ราวกับถูกคำสาป ทำให้มีการเรียกชื่อเหตุแสนซวยนี่ว่า the witch of November
"ตลกดีที่พวกเขากลับให้เครดิตพวกฉัน ทั้งๆ ที่มันเกิดจากธรรมชาติ" เธอคิด
ก่อนจะมี กมบ. ความปลอดภัยขึ้น เธอและครอบครัวเคยไปเที่ยวโลกมนุษย์มาสองหน เสน่ห์บางอย่างที่โลกนั้นทำให้เธอกลับมาค้นคว้าอ่านเรื่องราวของมนุษย์มากมาย เธอดูการ์ตูนดิสนีย์แทบทุกเรื่อง (ยกเว้น Frozen) เป็นแฟนเพลงของ อูทาดะ ฮิคารุ และชื่นชอบภาพถ่ายและศิลปะแนวสทรีต
วิชาประวัติศาสตร์โลกมนุษย์ที่เธอกำลังร่ำเรียนท่ามกลางสายฝนพรำ ส่วนมากจะเป็นเรื่องราวโบราณคร่ำครึ สรรหาแต่ความล้าหลังแล้วความไม่รู้ของพวกเขามาสอน
คาบต่อไปคือคาบพลศึกษา เหล่าแม่มดต่างรู้ว่ามันหมายถึงคาบว่าง (พิจารณาจากพื้นสนามที่ชื้นแฉะและโรงยิมที่ตอนนี้ถูกใช้ในการจัดแสดงโครงงานวิทยาศาสตร์ ) พลางหันตัวเข้าคุยเล่น หยิบฉกขนมและแมกกาซีนขึ้นมาเปิดอ่าน บ้างก็เดินออกจากห้องเรียนไป
เธอมองบรรยากาศรอบๆ พร้อมซ่อนความดีใจ เหลือเอาไว้แค่เพียงรอยยิ้มที่มุมปาก พยากรณ์อากาศเป็นไปตามที่คาดไว้ จะเหลือก็เพียงการโขมย ไม่สิ ขอยืมของอีกเล็กน้อยเท่านั้น
เธอคว้าเอาแผ่นพลาสติกฉลุลายพับใหญ่จากกระเป๋าแล้วเดินออกจากห้อง มุ่งตรงไปที่ห้องเก็บใต้ดินโดยไม่ลืมที่จะแวะยืมสีสเปรย์จากห้องศิลปะ
ในที่สุดโปรเจคบ้าๆบอๆของเธอก็จะเป็นจริงสักที
4
สิ่งแรกที่ควรจะทำคือหา Stance ของตัวเอง เขาท่องสเตปการฝึกเล่นสเกตบอร์ดของมือใหม่ที่ร่ำเรียนมาจากยูทูปได้ขึ้นใจ ประสบการณ์การเล่นไวโอลินพิสูจน์กับเขาแล้วว่า 90% คือการฝึกฝน เกรงก็แต่เสื้อขาวที่เสี่ยงเลอะนี่จะทำให้ดูมีพิรุธ
สเกตบอร์ดมือสองยี่ห้อ Plan-B ถูกหย่อนลงบนพื้นคอนกรีตเปียกๆ ข้างตึกร้างแห่งหนึ่ง ที่นี่ลับตาคนและก็กว้างพอแล้วใกล้พอที่จะให้เขาหลบหนีจากโลกแห่งความจริงมาตอบสนองความฝันเล็กๆ นี้ได้
เขาไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงหลงใหลอยากโลดแล่นบนกระดานติดล้อลายเท่ห์พวกนี้ แต่ทำไมต้องเข้าใจด้วย บางทีโลกมนุษย์เราก็ไม่เห็นจะมีเหตุผลสักเท่าไร
รองเท้าหนังหุ้มส้นสีน้ำตาลเข้มข้างขวาวงลงบนผืนสากสีดำฟ้าอยากมั่นคง ล้อหมุนเลื่อนหน้าหลังไปมาเหมือนคนกระวนกระวนอยากเข้าห้องน้ำ เขาสูดหายใจลึกเต็มปอด ก้าวขาอีกข้างขึ้นวางต่อท้ายอย่างมั่นใจ
ไม่ล้ม
"เฮ้ย ไม่ล้มได้ยังไง สงสัยเราจะมีพรสววรค์"
จากส่ายกลายเป็นนิ่ง จากนิ่งกลายเป็นไถลไปข้างหน้า การย่อตัวแบบครูพักรักจำของเขาทำให้การทรงตัวเริ่มคุมไม่อยู่ เขาไม่รู้จะหยุดมันยังไง
"เหวอออออ" เสียงกางเกงลูกฟูกสีน้ำตาลกระแทกกับพื้นปูนดัง พลั่ก!
ก็บอกแล้วไงว่า 90% คือการฝึกฝน
5
"อาชญกรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดไม่ได้เกิดจากการแหกกฎ คนที่ทำตามคำสั่งต่างหาก ที่ทิ้งระเบิดคร่าชีวิตผู้คนมากมาย"
Banksy เป็นศิลปินในดวงใจของเธอ เธอรู้สึกประทับใจในความขบถ ความกล้าไม่แคร์สังคมในระดับกำลังดี และรูปแบบการทำงานที่มีการคิดวิเคราะห์และพัฒนาตัวเองอยู่เรื่อยๆ เธอหลงใหลกับชิ้นข้อมูลที่กำกวม ต้องการการตีความและค้นคว้า รู้สึกว่ามันมีคุณค่าและพิเศษกว่าเป็นไหนๆ
ผลงานชิ้นแรกของเธอเองก็ตั้งใจจะว่าตามเจตารมณ์นั้น
เสียงรองเท้าผ้าใบมอซอตกกระทบพื้นปูนเปียก
เธอได้เดินทางมาถึงโลกมนุษย์แล้ว
6
"บ้าฉิบ เสื้อเปื้อนหมด"
เขาหัวเสีย (และเจ็บหัว) เอามือซ้ายขมับ มือขวาเท้าตัวขึ้นจากพื้นเปียกแฉะ เดินอ้อมโครงสร้างปูนเปลือยที่ถูกทิ้งร้าง พลางมองหาสเกตบอร์ดตัวการเรื่องราวทั้งหมดนี้
และแล้วก็สะดุดตากับภาพที่อยู่ตรงหน้า
พื้นซีเมนต์สีเทาด่างบางส่วนถูกฉาบไล้ด้วยสีเหลืองสด ส้ม เขียวตองอ่อน และฟ้าน้ำทะเล เป็นภาพภูมิทัศน์ที่ดูแปลกตาที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็น เผินๆ แล้วดูเหมือนจะเป็นทะเลทรายที่กว้างใหญ่ เพียงแต่ตัวทรายกลับไม่เป็นสีเหลืองทองอย่างในนิตยสารสารคดีทั่วไป เม็ดกรวดละเอียดเหล่านั้นไล่สีหลากหลายด้วยรูปแบบที่น่าพิศวง ทิวทัศน์ทอดไกลเป็นระยะอนันต์ แซมไปด้วยต้นไหมวงศ์สนหน้าตาพิลึก ลำต้นของมันโค้งงอไปในแนวนอนก่อนจะบิดวงกลับมาชูตรงดิ่ง
ในใจของเราลืมเรื่องสเกตบอร์ดไปชั่วขณะสายตาของเขาถูกสะกดอยู่กับผลงานด้านหน้าอยู่พักใหญ่
มันดูเหมือนเป็นภาพในโลกจินตนาการ แต่อะไรบางอย่างในตัวเขารู้สึกว่ามันมีอยู่จริง
"ที่นี่มันที่ไหนกันนะ ถ้ามีอยู่จริง อยากจะเห็นด้วยตาสักครั้ง" เขาคิด
แสงแดดอ่อนอุ่นตกกระทบแก้มของเขา เคล้ากับเสียงน้ำที่หายไปแล้วเสียงนกร้องที่แทรกขึ้น
ฝนหยุดตกแล้ว
7
แผ่นสเตนซิลวางแนบกับผนังซีเมนต์สีเทาด่าง ช่องฉลุเหล่านั้นค่อยๆ ถูกแทนที่ด้วยสีสเปรย์หลากสี
เธอเลือกภาพของสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของโลกแม่มด มาเป็นชิ้นงานเบิกโรง เพราะว่ามันช่างเป็นภาพที่เหมาะสมกับสารที่อยากสื่อให้มนุษย์ได้รับรู้เสียเหลือเกิิน
เชื่อราสปีชี่ส์พิเศษที่สามารถทนความร้อนสูงและยึดติดกับผิวซิลิกาในเม็ดทรายได้ และดำรงชีวิตภายใต้กระบวนการ photosynthesis ดูดกลืนผลังงานด้วยความความถี่คลื่นที่แตกต่างกัน
พรรณไม้พิเศษที่ดำรงชีวิตได้ มีคุณสมบัติรากแข็งแรงหยั่งลึกเหมือนเสาเข็มคอยประครองลำต้นในดินที่มีความหนาแน่นต่ำ แต่ต้องสามารถดูความชิ้นได้ดีเยี่ยมเช่นกัน ลำต้นบิดงอดูพึลึกเกิดจากปรากฎการณ์ crown shyness (การที่ต้นไม้จงใจเว้นช่องว่างระหว่างต้นเพื่อประโยชน์ต่างๆ คล้ายกับพืช Larix kaempferi ของโลกมนุษย์) บวกกับกระแสลมที่แรงเป็นพิเศษ ยิ่งทำให้สถานที่นี่ดูพิเศษมากขึ้น
เธอมองว่ามนุษย์คงจะมองที่แห่งนี้เหนือธรรมชาติราวกับเป็นมนต์ของผู้มีเวทย์มนต์คาถา
ที่จริงแล้วมันเป็นเพียงแค่วิทยาศาสตร์ที่ซับซ้อนเท่านั้น
เธอก้าวถอยออกมายืนมองผลงานด้วยความภาคภูมิใจ
อาจจะต้องตีความสักหน่อย แต่เธอหวังว่าจะมีมนุษย์สักคนมาเห็นและจับความสารที่เธอจะสื่อ ไม่มากก็น้อย แหม ความไม่แน่นอนนี่มันช่างพิเศษเสียเหลือเกิน
เธอเหลือบมองดูนาฬิกา หมดเวลาคาบพละพอดี
กำแพงในตึกร้างยังมีอีกเหลือเฟือ ถ้ามีโอกาสเมื่อไร
เธอจะกลับมาสร้างสรรค์ผลงาน รอมนุษย์ผู้โชคดีมาชื่นชมอีก
8
ณ สถานีปลายทาง ท่ามกลางความชื้นแฉะหลังพายุฝน
นักไวโอลินกำลังเล่นสเกตบอร์ด แม่มดกำลังพ่นกราฟฟิตี้
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in