เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
01000010.zipTinglee
After Party (lee juyeon x kevin moon)

  • sds

    OS— After Party

    lee juyeon x kevin moon

    bgm ขอวอน 2 —Somkiat https://youtu.be/OeE0Fuzb3q8




    งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา—


    เพราะหลังจากที่เจ้าบ่าวทั้งสองทำพิธีแต่งงานตามสิ่งที่เรียกว่า 'ระเบียบแบบแผนงานแต่ง101' เรียบร้อยแล้ว ทั้งพิธีในช่วงเช้า และงานเลี้ยงในช่วงเย็น ทั้งคู่ก็ได้แต่กล่าวขอบคุณแขกผู้มีเกียรติทุกท่านที่มาร่วมเป็นสักขีพยานในค่ำคืนนี้


    'จูยอน' กล่าวขอบคุณพร้อมยิ้มกว้างให้กับแขกทุกคนเหมือนที่ยิ้มมาตลอดทั้งวัน สมกับที่เพื่อนเจ้าบ่าวพูดกันว่า 'วันนี้จูยอนน่ะเป็นชายหนุ่มผู้มีความสุขที่สุดในโลก' และจูยอนเองก็เห็นด้วยกับคำพูดนั้น เพราะเขาช่างมีความสุขเหลือเกิน


    'เควิน' ระบายยิ้มให้กับแขกจนถึงคนสุดท้าย แม้จะมีร่องรอยความอ่อนล้าจากการลุกขึ้นมาแต่งหน้าแต่งตัวตั้งแต่เช้ามืด แต่ใบหน้าหวานก็ยังเต็มไปด้วยความสุข ไม่ต่างจากคนข้างๆ ที่ได้รับตำแหน่งสามีมาสดๆ ร้อนๆ นับเวลาดูแล้วยังไม่ถึง 24 ชั่วโมงดีด้วยซ้ำ


    แขกเกือบทั้งหมดของงานได้เดินทางกลับเป็นที่เรียบร้อย เหลือก็แต่เพียงกลุ่มเพื่อนสนิทของเจ้าบ่าวทั้งสอง ที่แค่มองหน้าก็รู้แล้วว่า รอสนุกสุดเหวี่ยงกับ After party ต่อจากนี้ขนาดไหน


    "เอาล่ะครับ ผม—อีซังยอน พิธีกรในค่ำคืนนี้ ขอกล่าวเปิดงาน After party อย่างเป็นทางการ เอ้า เปิดเพลงได้! "


    ปาร์ตี้นี้ถือเป็นช่วงเวลาของความสนุกสนานระหว่างกลุ่มเพื่อน หลังจากที่ช่วยกันเตรียมงานแต่งงานมาเป็นเดือนๆ ตั้งแต่รู้ว่าเจ้าบ่าวทั้งสองจะแต่งงานกัน พวกเขาแสนยินดี และอาสาจะช่วยจัดงานให้ออกมาดีที่สุด


    เจ้าบ่าวทั้งสองก็สนุกกันเต็มที่ โดยเฉพาะเควิน ที่เพื่อนๆ เป็นห่วงกลัวว่าจะหมดแรงเพราะเหนื่อยมาทั้งวัน ที่ไหนได้กลับกลายเป็นออกลวดลายมากกว่าใคร เต้นเต็มที่ต่อหน้าคุณสามี

    จูยอนเองก็ได้แต่หัวเราะชอบใจ เหมือนได้เห็นภาพในวันวานซ้อนทับ ก็นะ...มองคุณเขาเต้นมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย ตอนนั้นยังรู้จักกันแค่เพียงผิวเผิน ต่อมาก็ค่อยๆ ทำความรู้จักกัน จนเลื่อนสถานะมาเป็นแฟน และในที่สุดกลายมาเป็นคู่ชีวิตกันในวันนี้


    มองอยู่ได้ไม่นาน เมื่อได้สบสายตากับคนที่ยิ้มซุกซนมาให้ มือเล็กคว้าจับมือใหญ่ ดึงตัวของอีกคนเข้ามาเต้นด้วยกันกลางวงล้อมของเพื่อนๆ


    รอยยิ้มของเควินในตอนนี้สดใสเหมือนในวันแรกที่เรารู้จักกัน จูยอนน่ะชอบรอยยิ้มนั่นตั้งแต่วันแรก และชอบมาจนถึงตอนนี้


    ผ่านไปสักพักใหญ่ เพลงจังหวะหนักเปลี่ยนมาเป็นจังหวะสบายๆ เจ้าบ่าวทั้งคู่เดินพูดคุยกับเพื่อนๆ ที่เหลืออยู่ บ้างก็ยกกล้องขึ้นมาเซลฟี่ ลงสตอรี่บูมเมอแรง เล่นฟิลเตอร์ตลกๆ เก็บบันทึกความทรงจำไว้ว่าตอนนี้ถือเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่สำคัญช่วงหนึ่งของชีวิต


    เมื่อทักทายเพื่อนๆ ครบทุกคนแล้ว ทั้งคู่ก็นั่งลงที่โต๊ะเพื่อรับประทานอาหารมื้อดึก หลังจากที่เมื่อเย็นก่อนงานเริ่มพวกเขาแทบไม่ได้แตะอาหารอะไรมากนัก ไหนช่วงเวลาที่เหลือเพียงไม่มาก สำหรับตัวเควินเองก็เป็นกังวลเรื่องงาน ส่วนฝ่ายจูยอนก็ตื่นเต้นจนลืมหิว มื้อดึกในตอนนี้ถ้าจะเรียกว่าเป็นอาหารเย็นก็คงได้ล่ะมั้ง


    "เควิน อันนี้อร่อยอะ" จูยอนพูดขึ้น ก่อนจะเลื่อนค็อกเทลกุ้งให้อีกคนลองบ้าง "เธอกินเยอะๆ นะ ไม่ต้องกลัวอ้วนแล้ว" เขาพูดขึ้นเมื่อนึกไปถึงก่อนหน้านี้ที่อีกคนกลัวจะใส่ชุดแต่งงานไม่ได้ เลยไม่กล้ากินอะไรมากนัก ดูสิ แก้มหายไปเยอะเลย จูยอนจะพาแก้มเควินกลับมาให้ได้


    "อย่ามัวแต่มองกับตักให้เราดิ เธอก็ต้องกินด้วย เมื่อเย็นไม่ได้กินอะไรเลยไม่ใช่เหรอ" เควินพูดขึ้นเมื่อเห็นอีกคนเอาแต่มองไม่เลิก


    "เรากินขนมปังตอนเข้าไปหาเธอที่ห้องไง ตอนนั้นเธอแต่งหน้าอยู่เลยมองไม่เห็น" จูยอนตอบกลับไป


    "แต่นั่นมันก็นิดเดียวอยู่ดีนี่" เควินว่า แล้วจึงตักไก่ราดซอสเปรี้ยวหวานใส่จานให้อีกคน "นี่ ไก่อันนี้ วันนั้นที่มาลองชิมกันเธอบอกว่าชอบ"


    เพื่อนที่นั่งใกล้ๆ ต่างก็ลงความเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่า ไก่ผัดเปรี้ยวหวานจานนี้ น่าจะหวานนำเปรี้ยวไปไกล แต่คงหวานสู้คู่รักที่นั่งอยู่ตรงนี้ไม่ได้แน่นอน (โอ๊ย เบาหวานขึ้นตาแล้วมั้งเนี่ย —นายชเวกล่าว)


    เวลาผ่านไปเกือบครึ่งค่อนคืน บรรยากาศในงานก็แทบจะกลายเป็นงานเลี้ยงรุ่นมากกว่าอาฟเตอร์ปาร์ตี้งานแต่ง เพื่อนแต่ละคนต่างก็พูดคุยรำลึกความหลังสมัยเรียนกันไม่หยุด บ้างก็พูดเรื่องสมัยจูยอนจีบเควินใหม่ๆ ว่าเพื่อนของทั้งคู่ต้องช่วยกันขนาดไหน

    (เนี่ย วันนั้นนะ ต้องไปช่วยมันเลือกขนม ไม่งั้นคงไม่มีทางได้ให้เควินหรอก มัวแต่ยืนเลือกอยู่นั่นแหละ —นายคิม ผู้เชี่ยวชาญด้านขนมปังกล่าว)


    บ้างก็เล่าถึงช่วงนั้นของปี ที่เพื่อนๆ ต้องพบเจอกับปัญหาด้านความหึงหวง ก็นะ เควินทำกิจกรรมเยอะจะตาย นิสัยก็น่ารัก เข้ากับทุกคนได้ แถมยังเป็นนักร้องของคณะอีก ไม่แปลกถ้าจะมีรุ่นพี่รุ่นน้องทั้งคณะเดียวกันและคณะอื่นอยากเข้ามาทำความรู้จักด้วย ใครจะไปรู้ว่าแฟนเควินน่ะขี้หึง

    (โอ๊ย จูยอนมันก็หึงเล่นตัวไปงั้นแหละ ดูก็รู้แล้วว่าอยากให้เควินอ้อน ทำเป็นหน้าบึ้ง แค่เควินเดินมาจับมือปุ๊บก็หลุดยิ้มแล้ว —นายเจคอบ พยานในเหตุการณ์กล่าว)


    ก่อนเหตุการณ์อื่นๆ ระหว่างความสัมพันธ์ของเจ้าบ่าวทั้งคู่จะถูกเล่าซ้ำออกมาอีกครั้ง ซังยอนก็ดึงความสนใจเพื่อนๆ ด้วยการกล่าวเสียงดังฟังชัดผ่านไมโครโฟนประจำตำแหน่งพิธีกรว่า 'ทุกท่านครับ! กลุ่มเพื่อนเจ้าบ่าวจะเล่นดนตรี!!! ' สร้างเสียงฮือฮาให้กับคนในปาร์ตี้ไม่น้อย


    "เอ้า เพื่อนเจ้าบ่าวลุกนิดนึงครับ จะเล่นกันไหมเนี่ยดนตรีน่ะ" เควินยิ้มขำให้กับพิธีกรหนุ่ม ที่แม้จะผ่านมาหลายชั่วโมง ก็ยังพลังงานล้นเหลือ สมแล้วที่เป็นพิธีกรงานคณะมาหลายปีซ้อน หันมองอีกที เพื่อนเจ้าบ่าวก็จับจองเครื่องดนตรีบนเวทีกันเรียบร้อย


    "จูยอน ขึ้นมาร้องเพลงหน่อย!! " ซังยอนส่งเสียงเรียกมาจากบนเวที

    ทันทีที่ได้ยินแบบนั้นจูยอนก็หน้าเหลอหลา ทำตาโต ได้แต่คิดในใจว่าไอ้เพื่อนพวกนี้ ไม่เตี๊ยมกันก่อนเลย! โอ๊ย จะทำยังไงดีเนี่ย

    พอหันมามองเควินก็เห็นอีกคนยักคิ้วหลิ่วตาให้ เจ้าตัวก็คงแอบอยากเห็นความสนุกที่จะเกิดขึ้นตรงหน้าอยู่เหมือนกัน ถึงได้มีสีหน้าชอบอกชอบใจแบบนั้น จูยอนทำได้เพียงยิ้มแห้งๆ ส่งกลับไป


    "โธ่เจ้าบ่าว อย่าอายไปน่า เพื่อนกันทั้งนั้น ร้องเพี้ยนก็ไม่เป็นไรหรอก"

    "เอาเลย! "

    "ร้องเลย! "

    เสียงเชียร์ดังขึ้นจากกลุ่มเพื่อนๆ กระตุ้นความกล้าในตัวจูยอน เขาเปลี่ยนยิ้มแห้งๆ จนกลายเป็นยิ้มกว้างให้เควินก่อนจะลุกเดินขึ้นไปบนเวที


    เมื่อเดินไปถึง จูยอนบอกกับกลุ่มเพื่อนเบาๆ ว่าเขาอยากจะร้องเพลงอะไร เพื่อให้เพื่อนได้เตรียมตัว โชคเข้าข้างอยู่บ้างที่เพื่อนในกลุ่มเคยลองเล่นเพลงนี้มาแล้ว น่าจะพอเล่นให้ผ่านไปได้จนจบ จากนั้นเขาจึงจงใจกระซิบกระซาบกับชานฮีด้วยสีหน้าจริงจังว่า 'ช่วยร้องด้วย! ' กันไว้ก่อนน่ะ เผื่อเขาจะร้องไม่ถึงคีย์


    จูยอนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อเรียกความมั่นใจ มองลงไปข้างล่างเวที เห็นคนรักของเขานั่งอยู่ตรงนั้น เควินส่งยิ้มมาให้เขาเหมือนอย่างเคย และจูยอนรับรู้ได้ทันทีว่าอีกคนส่งกำลังใจให้เขาผ่านทางรอยยิ้มที่สดใสนั่น


    เมื่อเพื่อนส่งสัญญาณว่าพร้อมแล้ว จูยอนจึงเปล่งเสียงพูดใส่ไมโครโฟน "ผมจะร้องเพลงนี้ให้กับคนที่ผมรักที่สุด เควิน รักเธอนะ" เพื่อนๆ ต่างปรบมือชอบใจในความหวานของคู่รัก และหลังจากประโยคนั้นอินโทรเพลงก็ถูกเล่นขึ้น




    ขอวอน ดาวที่คอยส่อง

    ลมที่พัดโชยมา พาให้ฉันได้ยิน

    ว่าเสียงเพลง ที่หมู่นกได้กล่อมเกลา

    คืนที่ช่างพร่างพราว อยากจากไปโดยพลัน


    ณ ช่วงเวลานั้น ที่ท่วงทำนองดำเนินไป จูยอนเห็นเพียงแค่เควิน คนรักของเขาเพียงแค่คนเดียว

    แน่นอนว่าในทุกๆ คำร้อง คือสิ่งที่เขาอยากจะสื่อกับอีกคน


    อยู่ด้วยกันให้นาน ให้เราอยู่ใกล้กัน

    ส่งสัมผัสถึงกัน จวบจนข้ามคืนนี้ ได้ร่วมสุขสักที


    เมื่อได้ประสานสายตา เขารับรู้ได้อีกครั้งว่า เขารักคนๆ นี้มากมายเพียงใด


    ขอบคุณโลกนี้ ที่ส่งคนในฝันให้กับฉัน

    ขอบคุณอีกครั้ง ที่ทำให้พบรักที่ยิ่งใหญ่

    ฉันไม่เคยพบเจอใคร ที่เข้ามาทั้งหัวใจ

    เธอคือคนคนนั้น ที่อยู่คู่เคียงข้างกัน

    แค่มีเธอที่เข้าใจ ฉันไม่เคยต้องการใคร แค่เธอเท่านั้น


    และจูยอนอยากขอบคุณทุกสิ่งที่ทำให้เรารักกัน


    อยู่ด้วยกันให้นาน ให้เราอยู่ใกล้กัน

    ส่งสัมผัสถึงกัน จวบจนข้ามคืนนี้ ได้ร่วมสุขสักที




    เพื่อนๆ ที่นั่งอยู่ข้างล่างต่างจับจูงพาเควินเดินมาหน้าเวที เควินรับรู้ความหมายที่อีกคนต้องการจะส่งให้เขาผ่านบทเพลง และเขาเองก็ขอบคุณเช่นกัน สำหรับทุกสิ่งที่ทำให้เขาได้รักกับผู้ชายตรงหน้า


    จูยอนก้าวลงจากเวที โอบกอดและจับมือของเควินไว้ เขาดีใจเหลือเกินที่ภาพงานแต่งงานในฝันเกิดขึ้นแล้วจริงๆ และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือมีเควินเป็นคนที่ยืนเคียงข้างเขาตั้งแต่ตอนนี้ และตลอดไป


    ขอบคุณโลกนี้ ที่ส่งคนในฝันให้กับฉัน

    ขอบคุณอีกครั้ง ที่ทำให้พบรักที่ยิ่งใหญ่

    ฉันไม่เคยพบเจอใคร ที่เข้ามาทั้งหัวใจ

    เธอคือคนคนนั้น ที่อยู่คู่เคียงข้างกัน

    แค่มีเธอที่เข้าใจ ฉันไม่เคยต้องการใคร แค่เธอเท่านั้น


    เมื่อเพลงจบลง เควินพยายามเช็ดน้ำตาที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนนัก ในพิธีงานแต่งทั้งวันเขาเองก็กลั้นน้ำตามาได้ตลอด แต่เพียงแค่ได้ฟังความในใจของคนรักผ่านบทเพลง น้ำตาก็ไหลออกมาไม่หยุด


    จูยอนช่วยเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าหวาน จมูกเล็กเริ่มขึ้นสีระเรื่อเมื่อเจ้าตัวเริ่มร้องไห้ อีกฝ่ายช้อนสายตามองเขาม่านน้ำตา และริมฝีปากบางที่พยายามเอื้อนเอ่ยถ้อยคำ ชวนให้น่าเอ็นดูเพิ่มขึ้นอีกหลายระดับ


    "เรารักเธอ" ถ้อยคำบอกรักถูกเอ่ยขึ้นจากคนตัวเล็ก

    "เราก็รักเธอเหมือนกัน" จูยอนตอบกลับไป ก่อนทั้งคู่จะยิ้มให้กันอีกครั้ง



    "จูบเลย! " เสียงแบบนี้ เป็นใครไปไม่ได้ จูยอนหันมองกลับไปที่บนเวที เห็นชานฮีที่ทำหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้อยู่ และเพราะคำพูดนั้น เพื่อนที่ล้อมวงอยู่ด็ต่างเห็นดีเห็นงาม ส่งเสียงกันใหญ่


    "จูบเลยๆ "

    "จูบเลย! "

    "จูยอนจูบเลย"


    เสียงเชียร์เริ่มดังจึ้น จูยอนก้มลงมองคนในอ้อมแขนว่าควรรับมือกับสถานการณ์ตรงหน้านี้อย่างไรดี พลันได้เห็นรอยยิ้มของคนรักที่ส่งกลับมา


    "ก็จูบสิ" เควินบอกคนรักที่ตอนนี้เหมือนจะอึ้งไปหลังจากที่เขาพูดแบบนั้น เควินหัวเราะให้กับท่าทีของจูยอนก่อนจะเอ่ยประโยคถัดมา "หรือเธอจะให้เราจูบเองดี"


    จูยอนหลุดจากภวังค์ ก่อนเอ่ยตอบกลับอย่างรวดเร็ว "ไม่ๆๆ เดี๋ยวเราจูบเอง"


    "อื้อ เอาสิ" เควินยิ้มขำเมื่อเห็นอีกฝ่ายลนลาน เหลือบไปเห็นเห็นใบหูที่เริ่มจะเปลี่ยนเป็นสีแดงของจูยอนแล้วทำให้สรุปได้ว่าอีกคนเหมือนจะเขินมากกว่าที่เขาคิด


    เควินหลับตาลงเมื่ออีกฝ่ายเป็นคนบอกว่าจะเริ่มจูบเอง เขารับรู้ว่าอีกคนยื่นหน้าเข้ามาใกล้จากลมหายใจ ก่อนจะรู้สึกถึงสัมผัสแผ่วเบาที่ริมฝีปาก ในเริ่มแรกก็ได้ยินเสียงโห่ร้องจากเพื่อนๆ ก่อนจะรู้สึกว่าเสียงนั่นค่อยๆ ไกลออกไป เมื่อได้รับสัมผัสที่แนบชิดยิ่งกว่าเดิม


    เราทั้งสองคนต่างถ่ายทอดทุกความรู้สึกลงไปผ่านจูบนี้ ผ่านอ้อมกอด ผ่านมือที่ยังคงจับกันไว้



    ขอบคุณทุกสิ่งที่ทำให้เราได้รักกัน

    และ





    ผม ลี จูยอน ขอรับคุณ เควิน มุน เป็นสามี และขอสัญญาว่าจะซื่อสัตย์ต่อคุณ ทั้งในยามสุขและยามทุกข์ ทั้งในเวลาป่วยและเวลาสบาย เพื่อรักและยกย่อง ให้เกียรติคุณจนกว่าชีวิตจะหาไม่


    ผม เควิน มุน ขอรับคุณ ลี จูยอน เป็นสามี และขอสัญญาว่าจะซื่อสัตย์ต่อคุณ ทั้งในยามสุขและยามทุกข์ ทั้งในเวลาป่วยและเวลาสบาย เพื่อรักและยกย่อง ให้เกียรติคุณจนกว่าชีวิตจะหาไม่





    เราจะรักกันตลอดไป










    Tinglee's talk

    อยากแต่งงาน แต่ทำได้แค่แต่งฟิกไปก่อน เฮ้อ

    (เอามาลงในนี้ด้วยหลังจากลงในreadawriteไปแล้ว)



Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in