ฉันเคยอ่านเจอหนังสือเล่มหนึ่ง
.
.
มีคนๆหนึ่งตั้งความหวังไว้
จะทำงานให้เต็มที่สุดๆไปเลย
เมื่ออายุ 40 ปี จะเกษียณตัวเอง
แล้วใช้ชีวิตตามสบาย
มีครอบครัวเล็กๆ พ่อ แม่ ลูก
เช้าๆ ขับรถไปส่งลูก
เย็นๆ ก็ไปรับลูกจากโรงเรียนสบายๆ
วันหยุด ก็ไปท่องเที่ยว พักผ่อน
ไม่ต้องถูกบีบคั้นจากปัจจัยเงินทอง
.
.
ฉันเพิ่งจบมา..ฉันก็ค้นหาคำตอบ
ทำไมเราต้องกำหนดทางเลือก
แบบสุดโต่ง เพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง
ฉันอยากทำงาน และเรียนรู้ไปด้วย
ฉันเคยถูกมอบหมายให้เดินทางต่างจังหวัด
ไปทำงานวิจัยภาคเหนือ 1 เดือน
การวางแผนการเดินทาง
การนัดผู้จัดการโรงงานล่วงหน้า
เพื่อชมไร่ชา สวนส้ม และโรงงานเซรามิค
การสัมภาษณ์เพื่อเก็บข้อมูลต่างๆ
แล้วนำมาวิเคราะห์
สรุปเป็นปริมาณการใช้กล่องกระดาษภาคเหนือ
เป็นประสบการณ์ที่ประทับใจมาก
ไปกับรุ่นพี่ที่สนิทกัน
มีรุ่นน้อง ปี 1-2 จำนวน 4 คน มหาลัยเชียงใหม่
มาช่วยทำแบบสอบถามวิจัยด้วย
วันหยุด ก็พาเราซ้อนมอเตอร์ไซค์
ท่องเที่ยวป่าเขา และตลาดในเมือง
.
.
ฉันค่อยๆเรียนรู้ เปลี่ยนงานหลายครั้ง
ได้เพิ่มประสบการณ์มากมาย
ครั้งสุดท้าย งานที่บริษัทใหญ่ข้ามชาติ
ได้เดินทางไปยุโรป
ทำงานร่วมกับมืออาชีพมากมาย
การวางแผนงานกันเป็นปี
การเตรียมพร้อมบุคลากร
การเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยี
การย้ายงานจากยุโรปมาที่กรุงเทพ
และเมื่อโครงการสำเร็จ
ก็ขยายโครงการต่อไปอีกหลายประเทศ
และล่าสุดก็ขยายต่อไปอีกหลายทวีป
.
.
ฉันเหมือนหนูถีบจักร ที่ทำงานไม่หยุด
ฉันมองมาที่ครอบครัว ลูกน้อยของฉัน
เราไม่มีเวลาให้เค้า ไม่ได้สอนการบ้าน
ฉันกลับบ้าน 4 ทุ่ม ลูกหลับไปแล้ว
.
.
ฉันเลือกที่จะเกษียณตัวเอง
เมื่อวัย 40 เศษ เหมือนในหนังสือเล่มนั้น
ฉันมีความสุขมาก ..
ฉันมีเวลามากมาย ที่จะดูแลครอบครัว
ฉันพาลูกไปเรียนพิเศษได้ทุกอย่าง
ทั้งวาดรูป ว่ายน้ำ เทนนิส คอมพิวเตอร์
ภาษาอังกฤษ เปียโน ไวโอลิน
ฉันได้ใส่บาตร พระภิกษุ-สามเณร
ที่มาบิณฑบาตที่หมู่บ้านเป็นประจำ
ความสุขที่ฉันตามหา..
หลังจากทำงานเหนื่อยมาเกือบ 20 ปี
ความสุขเป็นเช่นนี้เอง
.
.
เวลาผ่านไปไวจัง..
ผ่านไป 14 ปีแล้ว
ฉันผ่านทุกข์สุขมามากมาย
ความเจ็บป่วยของญาติมิตร
การจากไปของคนทึ่เรารัก คนแล้วคนเล่า..
แรกๆ เรายังสับสน ยังคร่ำครวญเสียใจ
พอหลายๆครั้งเข้า เราเริ่มเข้าใจชีวิต
ทุกอย่างล้วนไม่เที่ยง ล้วนเป็นทุกข์
ล้วนไม่มีตัวตน มีพบ แล้วก็มีจาก
เราล้วนต้องพลัดพรากจากของทึ่เรารักทั้งสิ้น
บ้างก็จากเป็น บ้างก็จากกันตามอายุขัย
มันเป็นเช่นนั้นเอง..
.
.
สิ่งหนึ่งที่ฉันเรียนรู้ในยุค 4.0 นี้
เราต้องปรับตัวไปกับยุคสมัย
เดี๋ยวนี้การเรียนรู้กว้างไกล
เพียงจิ้มนิ้วลงไป..ไม่ถึงวินาที
คำตอบทั้งไทย อังกฤษล้วนอยู่ตรงหน้าจอ
ข้อมูลข่าวสาร ล้นทับตัวเรากันทีเดียว
เรารับรู้ วิเคราะห์ และเข้าใจ
อยู่กับสิ่งใหม่ๆอย่างรู้ทัน
แต่อย่าไปอิน หรือ จม กับปัญหา
เรื่องราวของบ้านเมืองมากเกินไป
วางใจให้กลางๆ
และดำรงตนให้ดีใน 3 อ.
อาหาร อารมณ์ ออกกำลังกาย
ชีวิต ลมหายใจนี้ ก็จะยืนยาว อย่างเป็นสุข
?????
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in