ครั้งสุดท้ายที่ฉันรู้สึกผิดหวังอย่างรุนแรงคือเมื่อตอนประกาศผลแอดมิชชั่นเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว การแอดมิชชั่นในครั้งนั้นฉันเลือกอันดับไว้ดังนี้
1. คณะมนุษยศาสตร์ สาขาภาษาอังกฤษ มช.
2. คณะมนุษยศาสตร์ สาขาภาษาไทย มช.
3. คณะมนุษยศาสตร์ สาขาภาษาสเปน มข.
4. จำไม่ได้ซะแล้วล่ะ
ครั้งนั้นฉันมั่นใจมากว่าต้องติดอันดับแรกแน่นอน ถึงแม้คะแนนฉันจะปริ่มๆ ไม่ได้เยอะแยะอะไรมากมาย แต่ต้องยอมรับว่าฉันคาดหวังกับมันมากอยู่ ส่วนอันดับที่ 2 ฉันจึงเลือกอะไรก็ได้ไปอย่างนั้นเอง และใช่แล้ว ผลที่ออกมาคือฉันติดอันดับ 2 ฉันหน้าซีด ยืนอึ้งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์เครื่องเขื่องอยู่พักใหญ่ไ น้ำตาหยดเผาะลงมา 1 หยดตามมาด้วยสายธารน้ำตาอีกเป็นลิตร มันไม่ใช่การร้องไห้เพราะความดีใจ ปลื้มปิติ หรืออะไรเลย แต่มันคือน้ำตาแห่งความผิดหวังต่างหาก ฉันไม่ชอบภาษาไทย ไม่ชอบการแต่งกลอน ไม่ชอบแนวคิดในวรรณกรรมไทย และไม่ชอบประโยชน์ของภาษาไทย ฉันไม่ใช่คนชังชาติแต่อย่างใด แต่ฉันแค่คิดว่าภาษาไทยเป็นภาษาที่เป็นเอกเทศเกินไป เอาไปคุยกับใครก็ไม่รู้เรื่อง ไม่เหมือนภาษาอังกฤษที่ฉันอยากได้เลยแม้แต่นิดเดียว ฉันเอาข่าวนี้ไปบอกแม่ที่กำลังผัดข้างอยู่ในครัว ‘เคร้ง!!’ เสียงตะหลิวหล่นลงในกระทะ แม่เองก็ไม่อยากให้ฉันได้ภาษาไทยเหมือนกัน ฉันวิ่งทั้งน้ำตาไปบอกลูกพี่ลูกน้องที่อยู่บ้านตรงข้ามกัน “โถ่เอ๊ย ร้องซะอย่างกับไม่ติดอะไรเลย” พี่สาวฉันบอกอย่างนี้ ผลแอดมิชชั่นนี้ทำฉันร้องไห้ผิดหวังไปหลายวันจนตาปูด ฉันไม่มีทางเลือกนอกจากต้องเรียนให้มันพ้นๆไปอย่างนั้นเอง สุดท้ายฉันจบมาด้วยเกียรตินิยมอันดับ 2 ไม่น่าเชื่อใช่มั้ยล่ะ ฉันยังเกลียดภาษาไทยอยู่ แต่พอเข้าไปเรียนจริงๆฉันกลับชอบภาษาศาสตร์มาก มันคือศาสตร์แห่งภาษาที่ใช้ได้ทุกภาษาทั่วโลก ไม่จำกัดแม้แต่ภาษาไทยเท่านั้น อาจารย์ที่สอนก็สอนดีและหล่อด้วย ฉันฟาด A ทุกตัวเป็นของกำนัลให้อาจารย์สุดหล่อ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in