เปิดตำนานเกมด้วยเกมที่เปลี่ยนแปลงวงการวิดีโอเกมให้กลับมาเติบโตจากที่ตกต่ำไปอย่างมาก เกมที่เป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงวงการวิดีโอเกมในปัจจุบัน เกมที่ประสบความสำเร็จอันดับหนึ่งของโลก แทบไม่มีใครที่ไม่รู้จักหรือไม่เคยเล่น ทุกคนต้องรู้จักและจำได้ เขาคือมาริโอ้และผองเพื่อนนั่นเอง

มาริโอ้ปรากฏตัวครั้งแรกในเกม Donkey Kong ในปี 1981 โดยบริษัทขายของเล่นชื่อดังของญี่ปุ่นพ่อทุกสถาบันอย่าง Nintendo ที่ขณะนั้นเพิ่งจะเข้าสู่ตลาดวิดีโอเกม และได้วางจำหน่ายเกมอาเขตตีตลาดอเมริกาในชื่อ Radar Scope แต่ล้มเหลวเรื่องยอดขาย ประธานบริษัทในตอนนั้น ฮิโรชิ ยามาอุจิ มีแผนจะสร้างวิดีโอเกมสดใหม่ที่จะต้องตีตลาดและกู้สถานการณ์ของบริษัทให้ได้ และเขาก็ได้พบกับฝ่ายออกแบบในบริษัทคนหนึ่งชื่อ ชิเงรุ มิยาโมโต้ เขาบอกกับยามาอุจิว่าเขาสามารถออกแบบเกมให้ได้ ก็เลยนัดหมายทีมงานและให้งบประมาณ 100,000 ดอลลาร์ในการออกแบบเกม

ชิเงรุ มิยาโมโต้ บิดาแห่งมาริโอ้

ในที่สุดเกม Donkey Kong ก็ออกจำหน่ายในรูปแบบตู้เกมอาเขต ในตอนนั้นยังไม่มีการบอกว่าตัวเอกชื่อมาริโอ้ บอกแต่เพียงว่าเป็นช่างไม้ชื่อ Jumpman ที่ต้องไปช่วยหญิงสาวชื่อ พอลลีน ที่ถูกลิงยักษ์ชื่อ ดองกี้คอง จับตัวไป ได้แรงบันดาลใจมาจากเกมคลาสสิคในยุคนั้นอย่าง ป๊อบอาย และหนังเรื่อง คิงคอง ตัวเกมประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก เป็นต้นกำเนิดแฟรนไชส์เกมชื่อดังอย่าง Donkey Kong และ Mario ในเวลาต่อมา และในวันนี้เราจะเจาะไปที่ซีรีส์ของ มาริโอ้

เกม Donkey Kong (1981)

หลังจากได้รับฟีดแบ็คต่างๆ มิยาโมโต้ ก็นำมาพัฒนาเกมต่อไปในชื่อ Mario Bros. วางจำหน่ายในปี 1983 ในรูปแบบแบบตู้เกมอาเขตเช่นกัน และนี่เป็นครั้งแรกที่มีการเปิดเผยว่าพระเอกคนนี้เป็นช่างซ่อมท่อชาวอิตาลีชื่อ มาริโอ้ และมีพี่ชายชื่อ หลุยจิ เนื้อเรื่องคือช่างซ่อมท่อสองพี่น้องต้องลงไปแก้ไขปัญหามีสัตว์ประหลาดโผล่มาในท่อระบายน้ำใต้เมืองนิวยอร์ค ได้มีการกำหนดให้มาริโอ้และหลุยจิมีพลังวิเศษ สามารถกระโดดโหม่งศัตรูได้ เกมได้รับเสียงตอบรับที่ดีไม่แพ้กัน

เกม Mario Bros. (1983)

ในปี 1983 เกิดเหตุการณ์ที่เป็นจุดตกต่ำของวงการวิดีโอเกม เพราะเครื่องเล่นวิดีโอเกมแบบโฮมคอนโซลในสมัยนั้นอย่างเครื่อง Atari มีแต่เกมคุณภาพต่ำออกมาวางขายในตลาดเป็นจำนวนมาก ทำให้ยอดขายเกมและเครื่องคอนโซลตกต่ำ ว่ากันว่า Atari ถึงกับมีการเอาตลับเกมที่ขายไม่ออกไปฝังในกองขยะเพื่อกลบความล้มเหลวของตัวเองเลยมีเดียว ทางนินเทนโดก็พยายามคิดเครื่องเกมคอนโซลที่จะมากอบกู้สถานการณ์นี้ อีกฝั่งนึง มิยาโมโต้และทีมงานเริ่มดำเนินการสร้างเกมมาริโอ้ภาคต่อทันที โดยตั้งใจว่าภาคต่อไปจะวางขายพร้อมเปิดตัวเครื่องเกมฟามิค่อม (หรือ NES ของโซนอเมริกา) เครื่องเกมคอนโซลที่สามารถเล่นเกมต่างๆ ผ่านตลับเกมที่ตอนนั้นเป็นของเล่นที่เด็กๆ คนไหนก็อยากได้ และในเดือนกันยายนปี 1985 เกม Super Mario Bros. ก็ออกจำหน่าย ได้รับเสียงตอบรับที่ดีมาก ทำยอดขายทั่วโลกได้ถึง 40 ล้านตลับเลยทีเดียว

เกม Super Mario Bros. เวอร์ชั่น NES (1985)

เกม Super Mario Bros. เป็นเกมที่ปฏิวัติวงการวิดีโอเกมเป็นอย่างมาก เพราะเกมสมัยนั้นส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในหน้าจอเดียว ด่านเดียว เล่นสั้นๆ ก็จบ แถมบางทีก็เข้าใจวิธีการเล่นยาก แต่เกม Super Mario Bros. มีทั้งเนื้อเรื่องที่เข้าใจง่าย มีด่านหลายด่าน พระเอกมีพลังวิเศษ การบังคับควบคุมก็เข้าใจง่าย เพลงประกอบก็เพราะและติดหู การออกแบบฉากก็สวย ไม่ได้มีแค่ฉากหลังสีดำๆ เหมือนเกมอื่นๆ เนื้อเรื่องง่ายๆ มาริโอ้และหลุยจิต้องผจญภัยในอาณาจักรเห็ดเพื่อช่วยเจ้าหญิงพีชที่ถูกเต่ายักษ์อย่างคุปป้า (ชื่ออังกฤษว่า บาวเซอร์) จับตัวไป ด้วยองค์ประกอบเหล่านี้ทำให้เกมได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก กระตุ้นยอดขายเครื่องเล่นเกมฟามิค่อม และทำให้มีการสร้างวิดีโอเกมสนุกๆ ออกมามากขึ้น กอบกู้สถานการณ์วิดีโอเกมให้กลับมาคึกครื้นอีกครั้ง

วิวัฒนาการเกม Super Mario ตลอด 30 ปีที่ผ่านมา

มิยาโมโต้ก็ได้สร้างภาคต่อของเกมมาริโอ้ออกมาอีกมากมาย และแตกเป็นภาคแยกออกไปหลายซีรีส์มาก มีทั้งเกมแนวแข่งรถอย่าง Mario Kart แนวผจญภัยอย่าง Super Mario Galaxy แนว RPG อย่าง Mario & Luigi ทั้งหมดต่างก็ประสบความสำเร็จตลอดมา ปัจจุบันเป็นหนึ่งในแฟรนไชส์วิดีโอเกมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก ทำเงินให้บริษัทนินเทนโด้เป็นจำนวนมาก ทั้งตัวเกมและของเล่นต่างๆ เรียกได้ว่าพอนึกถึงนินเทนโดต้องนึกถึงมาริโอ้และผองเพื่อนเลยทีเดียว ผ่านมา 30 กว่าปี มาริโอ้ได้ผจญภัยบนเครื่องเกมหลายชนิด แต่เฉพาะของที่นินเทนโดผลิตเท่านั้น เช่น Super Famicom, Game Boy, Nintendo DS, และภาคล่าสุดอย่าง Super Mario Run ก็เป็นครั้งแรกที่นินเทนโดวางจำหน่ายในสมาร์ทโฟนระบบ iOS และ Android สร้างความฮือฮาให้แก่ผู้คนทั่วโลก