เกี่ยวกับ
เธอเกิดในครอบครัวที่ร่ำรวย แต่ต้องประสบเคราะห์กรรมสูญเสียแม่ไปตั้งแต่เด็ก ตั้งแต่วันนั้นเธอก็ไม่มีวันอยู่เป็นสุขเลย พ่อแท้ ๆ และแม่เลี้ยงของเธอบังคับให้เธอแต่งงานกับชายที่เธอไม่รักแทนน้องสาวต่างมารดาของเธอ
เธอไม่ยอมแพ้ต่อชะตากรรมของตน ในวันแต่งงาน เธอหนีออกจากบ้านไปและได้มีอะไรกับชายแปลกหน้าคนหนึ่งในคืนนั้น หลังจากนั้นเธอก็พยายามจะหนีไปแต่สุดท้ายก็ถูกพ่อเธอหาจนพบ และหนีไม่รอดชะตากรรมที่จะต้องแต่งงานแทนน้องสาว
เธอจะพบว่าชายที่เคยมีอะไรกับเธอในคืนนั้นก็คือสามีของเธอหรือไม่ และเขานั้นจะรู้ว่าเธอเป็นแค่เจ้าสาวปลอมหรือไม่ ตลอดจนความลับเบื้องหลังของสามีคนจนจะเป็นเช่นไร ติดตามไปด้วยกันเลย
บทที่ 1 แต่งงานแทน
อวิ๋นชูจิ่วตื่นขึ้นอย่างมึน ๆ เธอรู้สึกหนักหัว และไร้เรี่ยวแรงไปหมด แต่ที่ทำให้เธอประหลาดใจคือเธอกำลังอยู่ในชุดเจ้าสาว!
บอดี้การ์ดหลายคนคอยกรูกันเข้ามา คุมตัวเธอขึ้นไปในรถลีมูซีนคันหนึ่ง
“พวกนายจะทำอะไรน่ะ? ปล่อยฉันไปเดี๋ยวนี้นะ!” เธอแทบไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้าเธอ
เธอแค่ต้องการทวงทรัพย์สมบัติของมารดาคืน เธอเลยกลับไปที่บ้านตระกูลอวิ๋น แล้วพ่อของเธอก็ชวนให้เธออยู่ทานข่าวด้วย แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น
บอดี้การ์ดคนหนึ่งกดหัวเธอให้เข้าไปนั่งในรถ อย่างไม่ปราณี
“รีบขึ้นรถ นี่เป็นคำสั่งของนายท่าน!” เสียง ๆ หนึ่งดังขึ้น
นี่มันอะไร? คำสั่งของพ่อ งั้นเหรอ?
สิ่งที่ได้ยินทำให้ชูจิ่วรู้สึกตกใจ เธอพยายามคิดว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านี้
สองชั่วโมงก่อนหน้านี้เธอได้รับสายจากอวิ๋นเจิ้นถิงพ่อบังเกิดเกล้าของเธอ พ่อบอกกับเธอว่าเขาพบของมีค่าบางอย่างของเจียงจื่อหลานแม่ของเธอ ถูกเก็บไว้อยู่ที่ห้องใต้หลังคา แล้วถามเธอว่าเธออยากกลับมาเอาไหม?
เธอย้ายออกมาจากบ้านตระกูลอวิ๋น ตั้งแต่ตอนอายุสิบเจ็ด และไม่คิดจะกลับไปเหยีบที่นั่นอีก วันนี้ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องของแม่ เธอคงจะไม่กลับมาที่นี่แน่นอน
หลังจากกลับมาถึงบ้าน เจิ้นถิงก็เรียกให้เธออยู่ทานข้าวด้วย เธอรู้สึกตะงิดตะงิดใจ จึงดื่มน้ำผลไม้เข้าไปแค่แก้วเดียว แต่ทันทีที่เธอดื่มน้ำผลไม้เข้าไปไม่นานเธอก็สลบไป และเมื่อเธอตื่นขึ้นมา ทุกอย่างก็เป็นไปอย่างที่เห็นนี่
แม้ว่าชูจิ่วจะยังคงไร้เรี่ยวแรงอยู่ แต่เธอได้ฝึกวิชาการป้องกันตัวมาเป็นเวลาหลายปี เธอจะไม่ยอมให้ตัวเองต้องถูกจับไปง่าย ๆ แบบนี้แน่!
“ไม่ฉันไม่ไป!” เธอเอาไหล่กันประตูรถไว้ แล้วพยายามต่อต้าน “นี่มันเรื่องอะไรกัน? เรียกพ่อมาหาฉันเดี๋ยวนี้นะ!”
สิ้นคำของเธอ น้ำเสียงที่เจือไปด้วยความรู้สึกผิดของเจิ้นถิงก็ดังขึ้น
“ชูจิ่ว ยอมขึ้นรถไปดี ๆ เถอะนะ พ่อไม่มีทางเลือกจริง ๆ ถ้าพ่อมีทางเลือก พ่อคงไม่ทำอย่างนี้...... ฟังพ่อนะ ขึ้นรถเถอะ งานแต่งเถอะนะ”
เธอเงยหน้าขึ้นไปที่ต้นต่อของเสียง แล้วมองไปที่เจิ้นถิง กับหลินเสวยพิงแม่เลี้ยงของเธอ และอวิ๋นชูเสี่ยวน้องสาวคนละแม่ของเธอ เธอหันไปจ้องตาพวกเขา
หัวหน้าครอบครับผู้เคยเย่อหยิ่ง และถือตัว กำลังรู้สึกละอายใจจนไม่กล้าแม้แต่จะสบตาเธอ
“จะพูดอะไรกับเธอนักหนา? อุตสาห์เลี้ยงเธอมาโตขนาดนี้ ตอนนี้บริษัท อวิ๋นซือ กรุ๊ป กำลังลำบาก เธอก็ควรจะตอบแทนก็ถูกแล้วนี่” เสวยพิงก้าวไปข้างหน้า และมองไปที่ชูจิ่วอย่างรเยียด ๆ “ชูจิ่ว เธออย่าหาว่า แม่เลี้ยงอย่างฉันใจร้ายกับเธอเลยนะ ฉันรับรองเลยว่า เมื่อเธอแต่งงานเข้าบ้านตระกูลฮั่วแล้ว เธอจะสุขสบายมีกินมีใช้ไปตลอดชาติ และฉันมั่นใจว่า วิญญาณของแม่เธอ จะต้องยินดีกับการแต่งงานของเธอในครั้งนี้แน่”
เมื่อเสวยพิงจงใจพูดถึงแม่เธอ ชูจิ่วก็หันไปจ้องเสวยพิงตาเขม็ง
“การแต่งงานของฉัน เมียน้อยอย่างเธอไม่มีสิทธิ์มาตัดสินใจ!”
“นี่เธอ!” เสวยพิงโกรธจนหน้าดำหน้าแดง แต่ชั่วพริบตาเธอก็ปรับสีหน้ากลับมาเป็นปกติ พร้อมยิ้มออกมา “จริงสิ เมียน้อยอย่างฉัน จะไปยุ่งเรื่องของคุณหนูผู้สูงส่งอย่างคุณได้ยังไง? แต่ตอนนี้บริษัท อวิ๋นซือ กรุ๊ป ของเรากำลังเผชิญกับภาวะวิกฤติ และตระกูลฮั่ว ก็เต็มใจที่จะช่วยเหลือเรา ถ้าตระกูลอวิ๋นยอมที่จะแต่งงานเป็นครอบครัวเดียวกันกับตระกูลฮั่ว”
เสวยพิงค้อมตัวลง พร้อมกับจับหัวของชูจิ่วให้เข้ามาใกล้ ๆ “ในฐานะที่เธอเป็นลูกสาวคนโต และบริษัท อวิ๋นซือ กรุ๊ป กำลังมีปัญหา จึงเป็นหน้าที่ของเธอที่จะต้องเสียสละความสุขส่วนตัวเพื่อช่วยเหลือก็ถูกต้องแล้ว!”
“อ่อ จะให้เรียกว่า เป็นการเสียสละก็ไม่ถูกต้องสักเท่าไรนะ เพราะว่า ตระกูลฮั่วเป็นตระกูลที่มั่งคั่งที่สุดในเมืองไห่ มีผู้คนมากมายอยากแต่งงานเข้าตระกูลนี้ แต่ก็ไม่ได้รับเลือก”
เมื่อได้ฟังคำกล่าวที่น่าขันของแม่เลี้ยงเธอ ชูจิ่วก็หัวเราะออกมาอย่างสมเพช “ถ้าตระกูลตระกูลฮั่วดีอย่างที่ว่าจริง แล้วทำไมเธอไม่ให้ลูกสาวของเธอแต่งเองซะเลยล่ะ?”
“นี่พี่ พี่เข้าใจคุณแม่ผิดแล้ว”
น้องสาวต่างมารดาของเธออวิ๋นชูเสี่ยวกล่าวออกมาอย่างมีจริต “ตอนแรกคุณแม่ก็จะให้ฉันแต่งเอง แต่คุณพ่อได้ยินว่าฉันต้องแต่งงานกับคุณฮั่วจิ่งเฉิน ซึ่งทุกคนต่างก็รู้ดีว่าก่อนหน้านี้เขาประสบอุบัติเหตุรุนแรง อีกไม่นานน่าจะตาย ฉันจะไปแต่งงานกับคนที่นอนเป็นผักรอความตายอยู่แบบนั้นได้ยังไงกัน? คุณพ่อทนดูไม่ไหวที่จะเห็นฉันไปแต่งงานกับคนอย่างนั้น คุณพ่อก็เลยคิดแผนนี้ขึ้นมา”
ชูแสร้งบีบน้ำตาทำตัวหน้าสงสาร “พี่ อย่าโทษคุณพ่อเลยนะคะ ถ้าพี่อยากจะโทษ ก็โทษฉันเถอะ”
หัวใจของชูจิ่วด้านชาไปหมด เธอทั้งโกรธ และผิดหวัง เธอหันไปมองหน้าพ่อของเธอด้วยสายตาที่ตัดพ้อ
‘ฉันก็เป็นลูกสาวเขาเหมือนกัน แต่เขากับใช้วิธีสกปรกมาทำแบบนี้กับฉัน ?! นี่คือพ่อที่แสนดีของฉันงั้นเหรอ!’
เจิ้นถิงยังคงไม่กล้าหันมาสบตากับชูจิ่ว ทำให้เสวยพิงใช้โอกาสนี้กดหัวชูจิ่วแล้วผลักให้เธอขึ้นรถไป ถึงแม้ชูจิ่ว ต้องการจะขัดขืน แต่เธอก็ไม่สามารถเอาชนะแรงของเหล่าบอดี้การ์าดได้
เมื่อรถกำลังจะออก ชูเสี่ยวเดินเข้ามา มุมขอบตาของเธอยังคงมีคราบน้ำตาหลงเหลืออยู่ แต่ใบหน้าของเธอกลับเต็มไปด้วยความกระยิ่มยิ้มย่องราวกับผู้ชนะ
“เอ่อนี่ ฉันลืมบอกอะไรกับพี่ไปน่ะ”
ชูเสี่ยวลดเสียงให้เบาลง มีเพียงเธอสองคนเท่านั้นที่ได้ยินมัน
“พ่อแค่ใส่ยานอนหลับลงในแก้วน้ำผลไม้ แต่ฉันใส่ยาปลุกเซ็กส์ลงไปให้พี่ด้วยนะ”
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของน้องสาวต่างมารดาของเธอนั้นปรากฏชัดขึ้นเรื่อย ๆ สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความพึงพอใจ “วันนี้เป็นวันมงคลของพี่ ในฐานะน้องสาวฉันก็เลยอยากจะมอบของขวัญให้พี่เพื่อแสดงความยินดีน่ะค่ะ”
ชูจิ่วโกรธจัดจนแทบจะอยากเข้าไปกระชากหัวชูเสี่ยวลงมา แต่ก็ทำไม่ได้
“รอรับความสนุกเถอะค่ะ ไม่ต้องขอบคุณฉันหรอกนะคะ”
ชูเสี่ยวยิ้มออกมา แล้วส่งสัญญานให้คนขับรถออกรถขับออกไป
รถถูกขับออกไปอย่างรวดเร็ว ชูจิ่วที่นั่งอยู่ในรถ ถูกขนาบข้างไปด้วยเหล่าบอดี้การ์ดร่างยักษ์ ดวงตาของเธอเบิกโพลงด้วยไฟแห่งความอาฆาตแค้น!
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in