การมาเกาหลีของเราในครั้งนี้ เราตั้งปณิธานกับตัวเองไว้ว่าประสบการณ์ที่จะได้กลับไปจากสองปีนี้ จะไม่ได้มีแค่มาเรียน อ่านหนังสือ กลับหอ กินเหล้า เที่ยวที่เดิมๆ ตามกระแสแฟชั่นไปเรื่อยๆ ไม่แก เราต้องได้อะไรมากกว่านั้น เสียตังค่าเรียนมาเป็นแสน การงานก็ไม่ได้ทำ จะมาดูความล่ำความงานละเอียดของผู้ชายอย่างเดียวไม่ได้ ต้องเก็บประสบการณ์เต็มที่! (หมายถึงประสบการณ์ในเชิงบวกที่ดีนะ อย่าคิดสิบแปดบวก)
ที่เกาหลีเนี่ย มีข้อดีตรงที่จะมีหน่วยงานสนับสนุนการท่องเที่ยวเยอะ มีทัวร์ฟรีบ้าง สัมมนาฟรีบ้าง งานอาสาสมัครบ้าง แล้วเราไปเจอลิ้งนึงเขากำลังหาอาสาสมัคร(Global Supporters)จัดงาน Lotus Lantern Festival หรือ งานแห่โคมไฟวันวิสาขบูชาเกาหลี เราเห็นรายละเอียดแล้วเห้ยยยยยย น่าสนใจ ได้ไปลองกินอยู่ที่วัดด้วย ลองดูๆ เราก็เลยสมัคร ไปสัมภาษณ์ทุกอย่างผ่านไปอย่างเรียบร้อยโรงเรียนฮันกุ๊ก
วันปฐมนิเทศ เขาจะมีตารางกิจกรรมมาให้ว่าวันนี้ๆนะ มาเรียนประดิษฐ์ดอกไม้ปลอมนะ มาทำดอกบัวนะ มาทำโคมไฟนะ วันนี้สอนตัดต่อวีดีโอนะ บลาๆ เออเยอะดีเหมือนกัน จะได้ไม่เหงา
มีคนมาเป็นอาสาสมัครประมาน100คนจาก 30-40ประเทศทั่วโลก มีคนไทยในนี้สิริรวม3คน เป็นงานดี ได้รู้จักเพื่อนเยอะมาก คุยกันได้ยาวๆ เราได้เพื่อนจากที่นี่ไปก๊งเหล้าแหละ ก๊งตั้งแต่หกโมงเย็นจนตีหนึ่ง แล้วรถไฟฟ้าปิด เลยต้องเดินไปเรื่อยๆจนถึงหอพัก แต่เนื่องจากเพื่อนคนอื่นกลับบ้านไม่ได้อยู่ดี พวกเราจึงตัดสินใจก๊งเหล้าต่อจนถึงตีสาม(เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้ว ฮ่า! แต่สุดท้ายเพื่อนก็กลับแท๊กซี่)
เราตัดภาพมาที่วันที่เขาสอนตัดต่อวีดีโอเลยแล้วกัน คนที่เป็นคนสอนตัดต่อวีดีโอเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้จากเกาหลี นางเปิดการพรีเซ้นด้วยการเปิดคลิปโฆษณาไทยประกันชีวิต ที่พ่อเป็นใบ้แล้วลูกถูกล้อเลียน พอคลิปจบนางก็ถามว่าในนี้มีแทกุ๊กซารัมไหม?(มีคนไทยในนี้มั้ย?) เราสามคนก็ยกมือแบบ เฮ้! พวกฉันเอง พวกฉันอยู่นี่ แล้วนางก็ชื่นชมใหญ่เลย เขาชอบคลิป โฆษณาไทยมากๆเลย ซาบซึ้ง เรายิ้มไม่หุบเลย๕๕๕ จริงๆของดีประเทศเราเยอะนะ ต้องสนับสนุนๆ
ตัดภาพมาที่วัดเกาหลี เรามีโอกาสได้ไปวัดเกาหลีครั้งแรก แถมนอนค้างด้วย โอ้โหแกเราตื่นเต้นบวกทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าต้องเข้าหาพระยังไง เขาจะกราบแบบเรามั้ย เราแตะต้องพระได้เปล่าบลาๆ พอได้ไปอยู่จริงๆเรารู้สึกเห้ยยคือสงบ คือดี วัดที่นี่ไม่ได้น่ากลัว เราไม่กลัวผีเลยทั้งๆที่มีวิญญาณบรรพบุรุษถูกฝังรอบวัด๕๕๕ เรารู้สึกว่าเขาออกแบบตัววัดได้สวยไม่น่ากลัว น่าอยู่ ลืมบอกว่าวัดที่นี่ชื่อชินกันซา วัดนี้มีแม่ชี การแต่งตัวเหมือนพระวัดญวณมากกว่า ไม่ได้นุ่มห่มขาว เคยดูอิคคิวซังมั้ยแก แต่งตัวประมาณอย่างนั้นแหละ เออ เรามีภาพประกอบ
นี่คือวัด เราถ่ายเองจากสถานที่จริง เห็นมั้ย น่าอยู่มากๆ
นี่คือแม่ชีที่วัด
ไหนๆลงรูปแล้ว ลงรูปพระเกาหลีเลย นี่คือตอนเราเดินพาเหรดขบวนแห่ ข้างๆเราเป็นพระสงฆ์และเณรน้อย น่ารักมาก ปล.แม่ชีที่นี่สามารถจับมือผู้ชายได้ และผู้หญิงสามารถแตะตัวเณรได้เช่นกัน วัฒนธรรมต่างกับบ้านเรา
ระหว่างที่เราอยู่วัดเราก็กินอาหารวัดนะ อาหารวัดที่นี่ไม่มีเนื้อสัตว์นะคะ เรามีแต่รูปที่กินหมดแล้ว๕๕๕
ระหว่างที่อยู่วัดเขาจะมีกิจกรรมให้ทำตลอด ตอนเช้าตอนบ่ายตอนเย็น แต่วันรุ่งขึ้นนี่สิ เราตื่นกันตีสามเพื่อมากราบพระ 108ครั้งแบบแม่ชีที่ทำทุกวัน คือการกราบที่นี่ไม่ได้นั่งแล้วกราบนะ จะเป็นแบบตามสเต็ป คือยืนก่อน แล้วคุกเข่า แล้วโน้มตัวเอามือไปวางพื้น แบบมือคว่ำมือ แล้วค่อยคุกเข่า แล้วค่อยลุกขึ้น นึกออกมั้ย พอทำเสร็จเข่าเราแทบทรุด ฮ่า! นับเป็นประสบการณ์ที่ดี
ตัดภาพมาที่วันงานแห่โคมเลยดีกว่า งานนี้จัดที่อินซาดง มีงานสองวัน ในงานมีกิจกรรมบูทต่างๆให้เราไปลองทำ เช่นงานฝีมือ ระบายสี ยันนั่งสมาธิกับพระ มีบูทพระไทยมาเปิดด้วยแต่เราไม่มีเวลาไปเยี่ยมเลย เราเอาบรรยากาศมาฝากนะ
นี่คืองานประดิษฐ์ที่พูดถึง
ในงานมีให้ลองใส่ชุดอินเดียด้วยนะจ๊ะนายจ๋า
ระบายสีพวงกุญแจมาสคอตของงานนี้คือน้องดอกบัว สุดแล้วแต่จินตนาการท่านจะสร้างเลย๕๕๕ เพื่อนเรามาในแบบดรากอลบอลสไตล์
งานเต้นกลางถนนก็มา
นี่คือโคมไฟในขบวนแห่ สวยมาก อันนี้ภาพวันเวียนเทียนก่อนวันงานจริงที่กวางฮวามุน
นี่คือโคมเปเปอร์มาเช่ในขบวนแห่ ของจริงใหญ่มากๆ
นี่ตอนยังไม่เปิดไฟ เรากับเพื่อนๆจะต้องถือสิ่งนี้แห่ไปรอบๆอินซาดง สนุกมากๆ ระหว่างทางคนยิ้มทักทาย เหมือนเราเป็นดาราเลย๕๕๕
จะจบงาน งานคอนเสิร์ตก็มา
Thanks for the photos to my teammates, all global supporters and Cham E&C
เทศกาลนี้มีทุกๆปีนะ สามารถเป็นได้ทั้งผู้ร่วมงานและอาสาสมัคร ถ้าเป็นอาสาสมัครเราแนะนำว่าต้องอยู่ที่เกาหลีอย่างน้อย1เดือนในช่วงเวลานั้นนะ เพราะต้องทำกิจกรรมที่ดีมากๆ ใครมีโอกาสได้ไปเราแนะนำอันนี้เลย :D
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in