เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Both Between Same Pathwallflowerblu
Yuki
  • โชคงไม่ได้แพ้ขนสัตว์ เขาแค่ไม่ชอบที่เจ้าพวกนั้นรักเจ้าของแบบไม่มีความพอดี


    “เลิกจ้องแมวสักที ฉันเลี้ยงเอง จะ เลี้ยง เอง เข้าใจไหม” มิโดริเอ่ยย้ำ พลางย่อตัวนั่งยอง ๆ เปิดตัวล็อคออก หลังถือกรงสีขาวที่มีสิ่งมีชีวิตอื่นเข้ามาในห้องด้วยและอธิบายถึงที่มาที่ไปต่อสิ่งที่กำลังทำอยู่จนครบแล้ว


    อเมริกันไวร์แฮร์ตัวขาวอมน้ำตาลสีกระดองเต่า ค่อย ๆ ขยับปลายจมูกสีชมพู ดมฟุดฟิดรอบ ๆ กรง อุ้งเท้าขนสั้นที่ถูกตัดเล็มมาอย่างดีเริ่มย้ายที่ออกสำรวจด้วยความระแวดระวัง เจ้าตัวเล็กเริ่มจากชั้นวางรองเท้าหน้าประตูเป็นอันดับแรก แล้วก้าวอุ้งเท้าขึ้นพื้นต่างระดับ เงยหน้ามองสำรวจพื้นที่โดยรอบ ราวกับสัญชาตญาณกำลังทำงาน เมื่อถูกโชสาดสายตาจับจ้องอยู่บนโซฟาไม่ห่างไปไหนกับสิ่งมีชีวิตตัวใหม่ภายในห้อง ตอนแรกก็เข้าใจดีหรอกว่าไม่ชอบคนแปลกหน้าเฉย ๆ ไม่ยักรู้ว่าจะพ่วงแมวเข้าไปด้วย มิโดรินึก เมื่อสบสายตาดูไม่สบอารมณ์คู่นั้นเข้าจัง ๆ ขณะก้มตัวถอดรองเท้า


    วันก่อนยูเมะติดไปธุระกับที่บ้าน เธอเลยใช้เบอร์โทรศัพท์ที่มิโดริเคยให้ไว้หน้าร้านสะดวกซื้อหนก่อนโทรมาถามความสะดวกใจ จากประสบการณ์ร้อยทั้งร้อยเจ้าของสัตว์เลี้ยงย่อมทำใจไม่ได้อยู่แล้ว หากจะต้องปล่อยมันทิ้งไว้ตามลำพัง ตอนแรกเธอเกรงใจอยู่นานที่ต้องมารบกวนเพราะคลีนิคที่เคยฝากคุณหมอประจำเองก็หยุดตรงวันที่เดินทางพอดี ถึงจะแค่สองวันหนึ่งคืนยูเมะก็ทำใจที่จะถูกปฏิเสธมาแล้ว เธอคาดโทษตัวเองว่าไม่สนิทพอจะเอ่ยขอแต่ก็ไม่รู้จักใครอื่นละแวกนี้


    อันที่จริงมิโดริไม่ได้ถือตัวอยากหลบเลี่ยงฝ่ายเดียวแบบไร้มารยาทเหมือนกัน เธอรู้ว่าตัวเองยังชอบแมวอยู่ อย่างน้อยก็มากกว่าหมาหรือในบรรดาสัตว์เลี้ยงชนิดอื่น เมื่อครั้งยังเรียนประถมวัย ที่บ้านก็เคยเลี้ยงไว้ตัวหนึ่ง แต่โชคไม่ดีที่เจ้าแมวจรสีส้มอายุสั้นเกินกว่าจะโตมาด้วยกันเพราะถูกโรครุมเร้า เช่นนั้นการจะมีเลี้ยงสัตว์ตัวใหม่จึงถูกผู้เป็นแม่คอยปรามอยู่เรื่อยเมื่อเธอเอ่ยปากขอ แต่ถ้าจะให้รอปรึกษาโชเรื่องนี้ หมอนั่นคงยกข้ออ้างมาเสวนาจนเธอยอมแพ้ เพื่อเห็นแก่ความเป็นเพื่อน อย่างน้อยทั้งเธอและยูเมะก็เคยสนิทกันอยู่บ้างในฐานะเพื่อนร่วมชั้น หลังคิดแบบนี้เลยตัดสินใจไปเองทั้งอย่างนั้น


    ท้ายที่สุด วันนี้มิโดริจึงออกไปนัดรับยูกิมาจากยูเมะด้วยตัวเองที่หน้าร้านสะดวกซื้อแห่งเดิม คิดซะว่าดีกว่าอยู่คนเดียวเป็นไหน ๆ ให้ยูกิได้มาใช้ชีวิตเอาตัวรอดไปวัน ๆ กับเธอไปก่อน ระหว่างเก็บตัวยังไม่ได้หางานใหม่ ส่วนยูกิเองก็ต้องรอเจ้าของกลับบ้าน วินวินทั้งคู่ แบบนั้นคงลดความน่าอึดอัดบางอย่างในใจไปได้เปราะหนึ่ง ถึงจะไม่มากพอ 


    ไหน ๆ ขั้นตอนก็ดำเนินมาถึงขั้นมัดมือชกแล้ว ต่อให้เป็นโชก็คงปฏิเสธเธอไม่ลงหรอก


    “ฉันแพ้ขนแมว”


    โชปรายตาไปทางหน้าจอโทรทัศน์คืน ก้มตัวกัดเมล่อนปังถุงใหม่ที่เหลืออยู่ครึ่งก้อน


    “งั้น จะจำกัดบริเวณแค่ห้องนั่งเล่นแล้วกัน”


    ได้ผล  โชไม่ตอบ เขาทำตัวเหมือนคนอายุมากที่บอกว่าจะไม่ใส่ใจ แต่ก็แอบคาดหวังอยู่ลึก ๆ ว่าคำตอบของเราจะตรงประเด็นในทางที่เขาปูประโยคต้นทางมาหรือเปล่า ดูเหมือนรอบนี้คงได้เรียนรู้แล้วว่าวิธีเดิมมันใช้ไม่ได้ “เสียใจด้วยที่รอบนี้มิตรภาพระหว่างยูเมะมันสำคัญกว่า” มิโดริชิงตอบ ก่อนเดินอ้อมหลังเจ้าตัวไปรินน้ำเย็น ๆ มาดื่มแก้กระหาย


    “เมี๊ยว”


    เสียงเล็ก ๆ หวานแหลมส่งสัญญาณเตือนบางอย่าง เรียกให้มิโดริหันกลับไป ก่อนพบว่าเจ้าตัวเล็กขนสั้นสีน้ำตาลตัดโทนกับขนใต้ท้องแซมขาวเหลือบน้ำตาลอ่อนกำลังนั่งลงต่อหน้าโช ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ แววตาใสซื่อชวนตอบสนองเอาแต่จดจ้องคนที่บอกว่าไม่ชอบตัวเอง อย่างกับรู้ตัวว่ามีใครบางคนไม่ชอบใจและจงใจอยากปั่นประสาทกันให้ได้ แถมยังเลือกถูกคนอีกต่างหาก


    เธอยิ้มขำที่โชเอาแต่ร้องเสียงหลง ตอบสนองด้วยท่าหงายตัว ตวัดปลายเท้าทั้งสองข้างขึ้นนั่งท่าขัดสมาธิอัตโนมัติ ก่อนค่อย ๆ โน้มตัวต่ำ ใช้มือข้างที่ยังว่างจากการถือของกินทำหน้าที่ปัดป่ายผ่านมวลอากาศตรงกลางระหว่างตัวเองกับแมว เหมือนกับว่าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมนอกเหนือสารคดีสัตว์นักล่าที่ชอบดูประจำจะเชื่องช้าและเข้าใจสารของมนุษย์ได้ในความคิดเขา แต่ยูกิก็เอาแต่กระโดดงับมือโชให้ได้ เพราะคงคิดว่าอีกฝ่ายกำลังเล่นกับตัวเอง ครั้งสุดท้ายที่โชทำสีหน้าอยากร้องไห้ออกมาคงเป็นวันก่อนที่เจอมิตซึกิ ดูเหมือนรอบนี้เขาจะแสดงเก่งขึ้นเยอะเพราะหลังจากพูดคำว่า ช่วยด้วย ออกมา โชก็หันมาทำหน้าเหมือนอย่างที่มิตซึกิเคยอธิบายไว้ให้เห็นเป็นครั้งแรก เป็นวูบเดียวที่มิโดริสาบานได้เลยว่าจะจำไว้ล้อจนกว่าเราจะเลิกเป็นเพื่อนกัน



    /



    มิโดริคิดว่าคืนเดียวคงเกินคาดจะทำให้ทั้งสองฝ่ายสนิทกัน แต่จนแล้วจนรอด ทั้งโชและยูกิก็เอาแต่กอดเข่ามองหน้ากันผ่านช่องว่างซี่เล็ก ๆ ระหว่างกล่องที่โชเรียกให้มิโดริมาจับตัวยูกิเข้าไปไว้ในกรงแทน


    เป็นเวลาเกือบสองชั่วโมง เขาวางยูกิเอาไว้ข้าง ๆ ระหว่างดูซีรี่ส์เกาหลีเรื่องใหม่ที่นางเอกหลุดเข้าไปยังโลกกึ่งเสมือนของเว็บตูนเพื่อช่วยชีวิตพระเอกกำลังเป็นกระแสอยู่ ดูเหมือนคราวนี้จะติดงอมแงมจนเวลาล่วงเลยเกือบจะถึงตีหนึ่งแล้วเขาก็ไม่ลดละความตั้งใจกับการกดดูตอนต่อไปทิ้งง่าย ๆ ประกอบกับไม่อยากให้ลูกแมวสี่เดือนขี้เล่นตัวนี้ซนจนเขาหมดความอดทนอยากจะหาของว่างมากินร่วมกิจวัตรยามดึกไม่ได้


    “มันไม่กัดเหมือนอาโปหรอกน่า” มิโดริพูดลอย ๆ ระหว่างอุ้มกรงขึ้นมาวางบนตัก แทนที่ด้วยน้ำหนักตัวกดจมลงบนโซฟานิ่ม แขนทั้งสองข้างยกหูหิ้วกรงขาวลอยสูงเหนืออกเทียบระยะสายตา อดทึกทักไปเองถึงอดีตว่าโชคงมีปมกับแมว เพราะเคยถูกงับมือจนเป็นรอยไปหลายวัน หลังเจ้าตัวสีส้มสะดุ้งโหยง เมื่อโชไล้ฝ่ามือเล็ก ๆ สลับขึ้นลงบริเวณขนคอนุ่มด้านหลัง ไม่ทันไรมันก็เอียงหัวจู่โจมฝังเขี้ยวเร็วเกินกว่าจะไหวตัวทัน แต่มิโดริคิดว่าอาโปน่าจะตกใจมากกว่า เพราะหลังมือโชปรากฏแค่รอยถลอกสีชมพูจาง ๆ สองรอยไว้ดูต่างหน้า แต่นับจากนั้นโชก็ไม่เคยร่าเริงต่อหน้าอาโปได้เท่าเดิมอีก


    เจ้ายูกิยื่นอุ้งมือน้อย ๆ ออกมา ราวจะข่วนหน้าเธอให้ได้ แต่มิโดริก็ไม่ได้สนใจว่าจะโดนเข้า


    “ไหนว่าจะไม่พูดถึงไง” โชว่า ไม่ละสายตาออกจากกรอบสี่เหลี่ยมเรืองแสงวาบตรงหน้า ริมฝีปากอ้าหาววอด ๆ ไม่วายเบิกตากว้างพร้อมลากเสียงยาวโหออกมาเบา ๆ เมื่อหนังดำเนินมาถึงฉากเสมือนจริงในโลกของพระเอก


    “ป่านนี้ไปเกิดใหม่แล้วมั้ง” มิโดริหลุดยิ้มขันต่อสิ่งที่ได้เห็น แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเสริมต่อ “พรุ่งนี้ยูกิก็กลับแล้ว เปิดใจหน่อย”


    “พวกนี้ต่างหากที่ต้องเปิดใจ” เขาหันมาชี้ยูกิในกรงแทน หลังหน้าจอหวนสู่ฉากบู๊กับตัวร้ายที่โชคงไม่สน


    “เล่มไหนอีกล่ะทีนี้” เสียงถอนหายใจเหนื่อยหน่ายของเธอดังพอจะให้คนข้างกายหันมามองค้อน พักหลังมานี้โชทำตัวเป็นคนเจ้าบทเจ้ากลอน ไม่เหมือนโชคนเดิมเท่าไหร่


    “ก็ทั้งแมวที่รักเจ้าของแค่ตอนหิวข้าว กับหมาที่รักเจ้าของจนกว่าจะตายจากกัน” โชหงายฝ่ามือซ้ายที ขวาทีสลับกันโดยบาลานซ์ระดับในจุดที่ต่างกันให้มิโดริเห็นภาพชัดขึ้น ฝั่งซ้ายเทียบเป็นแมวอยู่ระดับเอว ฝั่งขวาเปรียบเป็นหมาอยู่ระดับคาง แต่สีหน้างุนงงก็เป็นคำตอบในคำถามนั้นอยู่ดี เผลอ ๆ ยังต้องกลั้นขำกับท่าทางเหลอหลาแต่ดูจริงจังตรงหน้าอีก


    “ฉันไม่ชอบเพราะมันไม่มีตัวไหนแสดงออกแบบพอดีได้ไงล่ะ”


    “ไม่เข้าใจโว้ย”


    คืนนั้นเอง, มิโดริคิดว่าโชไม่น่าจะได้ดูซีรี่ส์เรื่องโปรดจนจบ เพราะมัวแต่เสียเวลาเดินหนียูกิที่เอาแต่วางโชเป็นเป้าหมายอยู่เรื่อย หลังมิโดริปล่อยออกมาจากกรง เพราะทนฟังเสียงร้องกับเสียงข่วนกรงไม่ไหว นอกจากนั้นก็กลัวว่ายูกิจะเครียดจนพาลอารมณ์เสียเพราะความเห็นแก่ตัวของโชคนเดียว


    รู้ตัวอีกทีโชก็เผลอหลับที่โซฟานั่น ด้วยอารมณ์คุกกรุ่นกลัวพลาดเรื่องสำคัญ แต่ฝืนตัวเองอดดูตอนต่อไปจนเกือบจะถึงเช้าวันถัดไปไม่ไหว โดยมียูกิปีนมานอนขดตัวด้านข้างแขนที่ใช้หนุนหัวอีกที ซึ่งพอจะเหลือพื้นที่ว่างอยู่ ขณะจมสู่ห้วงนิทราพร้อมท่านอนตะแคงหน้าเข้าหาทีวี เหยียดงอเข่าเป็นเลขสี่และวางแขนอีกข้างพาดไว้บนเอวอย่างคนไม่รู้ตัว



    อย่างน้อยเขาไม่กลัวแมวได้ครึ่งค่อนคืน มิโดริเล่าผ่านปลายสายให้ยูเมะฟังกลางดึกคืนนั้น พร้อมข่มเสียงหัวเราะไว้ในลำคอ เมื่อเหลือบมองภาพตรงหน้าก่อนกดปุ่มสแนปบนหน้าจอโทรศัพท์



    /

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in