เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
เรื่องสั้นนอวอรอรอตอพอลอ
บทสนทนากับปิศาจสุรา #5 ว้อดก้าว้อดก้าธรรมดา
  • "เฮ้ยไอ้น้อต เหล้ามึงหมดน่ะ" ไอ้นะตะโกนเสียงลั่นมาจากห้องครัว ทั้งที่ห้องชุดหนึ่งห้องนอนของผมมีขนาดแค่ไม่ถึงสี่สิบตารางเมตร ทั้งที่เสียงมันน่ะดังพอจะไปกล่าวปราศรัยในหอประชุมได้โดยไม่ต้องใช้ไมค์ด้วยซ้ำ

    จริงๆ มันตะโกนยาวกว่านี้อีกครับ แต่ผมขอเซนเซอร์หน่อยละกัน หลายคำของไอ้เชี่ยนี่แม่งก็หยาบเกิน

    สำหรับคุณที่ยังไม่เคยอ่านบันทึกตอนที่ผมคุยกะไอ้นะมาสี่ครั้งก่อน ... ไอ้นะเพืิ่อนผม ชื่อเต็มของมันคือมรณะ แต่ ... เอิ่ม เฮ้ย โทษนะ นี่ผมต้องเขียนใหม่ทุกครั้งเหรอวะ รบกวนไปอ่านเองได้มั้ยครับ เข้ามาอ่านได้ถึงนี่ก็หาเองเป็นอยู่แล้ว นะคุณนักอ่าน ผมจะได้กินเหล้าของผมต่อ

    "ว้อดก้าอยู่กะกูในห้องรับแขกนี่ มึงหยิบมาแต่แก้วก็พอ" ผมตอบกลับ ไอ้นะถือแก้วเปล่าติดมือเข้ามาใบนึง มองปราดที่โต๊ะที่รกชัฎไปด้วยหนังสือ กระดาษ ใบเสร็จที่ยังไม่ฉีกซอง ถุงใส่เครื่องเขียน รีโมท ฯลฯ

    ที่ตั้งเด่นขึ้นมาราวตึกระฟ้าท่ามกลางนานาสรรพสิ่งที่มีความสูงในตัวไม่เกินหนึ่งเซ็นต์ครึ่ง ก็คือขวดว้อดก้าสเมอร์น้อฟฟ์กลิ่นบลูเบอร์รี่ ชเวป์กระป๋อง กับแก้วของผม

    "ไอ้สัตว์ เมาแล้วนี่มึง" ไอ้นะกล่าวด้วยความสุภาพที่สุดเท่าที่มันจะทำได้ ก่อนจะหันกลับไปห้องครัว หิ้วกระติกน้ำแข็งรูปลูกฟุตบอลที่เซเว่นผลิตขายช่วงบอลโลกกลับมา "นี่มึงเพิ่งไปซื้อมาเหรอ บอลโลกแม่งจบไปครึ่งชาติแล้ว?" 

    "เออ กูจ้องไว้นานละ เงินเดือนเพิ่งออก" ผมตอบพลางมองไอ้นะผสมเครื่องดื่มอย่างชำนาญ 

    แต่...

    "เชี่ยนี่มึงไม่คิดจะผสมอะไรเลยเหรอวะ?" 

    "เหล้าตัวนี้แม่งอ่อน" ไอ้นะตอบเบาๆ มันควานกระเป๋าเสื้อหยิบเอามะนาวฝานที่ดูเหมือนจะผ่านสมรภูมิวงสุรามานับปี มาวางแหมะบนแก้ว "อ่ะ เชียร์ส" 

    ผมจิบว้อดก้าของผมต่อ อีกมือหนึ่งเลื่อนปัดหน้าจอโทรศัพท์ขึ้นสำรวจข่าวคราว "นี่มึงไม่สนใจจะชนแก้วกะกูเลยรึไง เดี๋ยวกูก็พามึงไปโลกโน้นซะนี่"

    "กูก็คงจะดีใจที่มึงจะพากูไปได้ซะที" ผมตอบแล้วปล่อยโทรศัพท์ทิ้งอย่างไม่สนใจ เครื่องโทรศัพท์แบรนด์ญี่ปุ่นที่ผลิตในประเทศจีน กระแทกเบาะอันหนานุ่มของโซฟาและกระดอนเบาๆ อย่างเสียไม่ได้ ก่อนจะแน่นิ่งไป

    ไอ้นะมองหนัาผม สายตาออกอาการเอือมระอาอย่างเห็นได้ชัด "กูบอกมึงกี่ทีแล้วว่า ..." 

    "ถเ้าเวลามันไม่ตกลง มึงก็รับกูไปยมโลกกะมึงไม่ได้" ผมรีบแย่งมันพูด "มึงพูดประโยคนี้บ่อยจนแม่งน่าเบื่อ แล้วย่อหน้าที่แล้ว มึงจะมาขู่กูหาพระแสงบิดามึงทำไม"

    "ไหนมึงบอกไม่อยากตายแล้วไง" ไอ้นะจิบว้อดก้าของมันแล้วทำหน้าเบ้ "เชี่ย หวานไปว่ะ" แล้วมันก็หยิบขวดสเมอร์นอฟเทน้ำใสๆ ลงไปเพิ่มอีกเล็กน้อย จากนั้นก็หยิบมะนาวฝานมาแปะลงอีกหนึ่งแผ่น

    "มะนาวมึงนี่ยังไงวะ" ผมถาม ไอ้ผีห่าตัวนี้แม่งขี้ใจน้อย ผมควรพยายามแสดงความสนใจให้มันเห็นมากหน่อย ยังไงก็เพื่อนกัน

    "มึงไม่ใช่เพื่อนกูคนเดียวนะ" ไอ้นะตอบ จิบว้อดก้าในแก้วอีกทีแล้วทำสีหน้าพอใจ "เพื่อนกูมีอีกเยอะ มะนาวนี่จากงานเลี้ยงเมื่อสามคืนก่อน" 

    ผมล่ะสงสัยจริงๆ ไอ้คำว่าเพื่อนของมัน "แล้วตอนจบงานมึงพาเพิ่อนมึงคนนี้ไปมั้ย" 

    ไอ้นะหันมาฉีกยิ้มกว้าง "จะเหลือเหรอ นั่นน่ะค่าคอมมิชชั่นกู"

    "แต่มึงก็ยังไม่คิดจะพากูไป"

    "ก็..."

    "พอเหอะมึง เดี๋ยวคนอ่านแม่งเบื่อ" ผมตัดบท เซ็งชิบหายตอนแม่งชอบบ่ายเบี่ยงผมโดยอ้างว่าไอ้เวลาเพื่อนมันไม่อนุมัติให้ผมตาย "ด้วยอายุของมึงสิบกว่าล้านปีนี่ มึงเคยได้เจอพระเจ้ามั้ยวะ" 

    ไอ้นะทวนย้อนถามอย่างรวดเร็ว "มึงหมายถึงคนไหน คนพ่อหรือคนลูก?"

    "อ้าว เชี่ย เขาบอกคนเดียวกันไม่ใช่เหรอ พระบิดา พระบุตร พระจิต"

    "ไอ้สัตว์ แล้วกูพูดผิดตรงไหน พระบิดาแปลว่าอะไร ตอบ!"

    ผมหัวเราะ จริงของมัน "เอ้า คนลูกก่อน"

    "เคยดิ" 

    "จริงดิ? ยังไงวะ"

    "มึงจำฉากที่เขาบรรยายตอนที่พระเยซูตรึงกางเขนได้มั้ย?" ผมพยักหน้า มันพูดต่อ "มึงคิดว่าทหารโรมันที่เอาหอกไปจิ้มซี่โครงพ่อหนุ่มนั่นเป็นใคร" ไอ้นะพูดแล้วหันมายิ้มตาหยีใส่

    "อ้าว มึงเหรอ" 

    "Yes, sir กูเอง"

    "แล้วเขาตายจริงมั้ยวะ" ผมเติมแก้วของผมบ้าง

    "โอ้ย ไอ้ตรึงกางเขนนี่มันต้องอยู่กันหลายชั่วโมงกว่านั้น มึงไม่เคยอ่านเหรอที่ว่าแกฟื้นชีพได้น่ะ" ผมพยักหน้าหงึกๆ "บ้านกูเรียกสลบ หมอแถวบ้านกูเรียกเป็นลม" ไอ้นะตอบ หน้าตาท่าทีกวนตีนระดับสิบห้าของมันชวนให้ผมสงสัยซะแล้ว

    "มึงพูดจริงเหรอวะ?" ผมกลั้นความสงสัยไว้ไม่อยู่ "นี่มันเป็นข่าวหน้าหนึ่งได้นะ" ไอ้นะตอบกลับด้วยเสียงหัวเราะ "ใครเขาจะไปมองเห็นกูวะ นอกจากกูอยากให้มอง ไม่งั้นมองหาในกระจกยังไม่เจอเลย" 

    "กวนตีนนะมึง กูอุตสาห์คิดว่าเป็นเรื่องจริง"  ผมขำมุขอำของเพื่อนจนท้องแข็ง "แล้วคนพ่อล่ะ?.

    "นั่นไม่เคย" ไอ้นะตอบทำท่าจริงจัง

    "ทำไมวะ? เสียแรงอุตสาห์เกิดมาตั้งนาน"

    "มึงน่ะคิดว่าแกมีจริงมั้ยล่ะ" ไอ้นะถาม

    "กูไม่รู้" ผมยกแก้วว้อดก้าขึ้นดื่ม มันบ้งหน้าได้พอดี บางทีคนเราก็อยากซ่อนอะไรไว้จากเพื่อนบ้าง 

    "เออ เศร้าเข้าไปสิ" ไอ้นะตอบ ถ้อยคำที่สำแดงความสมเพชของมันนี่ไม่มีน้ำเสียงที่จริงใจแม้แต่น้อย มันลุกไปเข้าห้องครัว แล้วหยิบน้ำแข็งมาเติมลงกระติก "กูทิ้งถุงที่ไหนวะ?" 

    "แน่จริงก็แดกไปด้วยสิมึง" ผมตอบขำๆ "กุเอาไปลัาง ตากอยู่ระเบียง ..." 

    "มาตั้งชาติละ" มันพูดแทรกขึ้นบ้าง แล้วก็หยิบถุงพลาสติกเคี้ยวหงับๆ "รสชาติห่วยชิบ" แต่ถึงจะพูดแบบนั้น มันก็เคี้ยวจนละเอียดก่อนจะกลืนให้ถุงพลาสติกหายฮวบลงไปในคอ

    "อร่อยเหรอวะ" 

    "มีทุกรส ยกเว้นความอรอ่ย" ไอ้นะหันกลับมาทำหน้าเครียดอีกครั้ง "มึงเองก็ไม่ได้เขียนถึงกูมานานละ วันนี้เป็นห่าอะไรอีกล่ะ?"

    "ไม่มีอะไรหรอก" ผมถอนหายแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูอีกครั้ง


    "มึงเอาพ่อไปเก็บในโทรศัพท์หรือไงวะ?" ไอ้นะถามเปรยๆ แบบขอไปที

    "ไอ้สัตว์ ใครจะทำยังงั้นได้วะ?" 

    "กูก็นึกว่ามึงมานั่งปัดโทรศัพท์หาพ่อมึงรึไง ไม่ต้องดูหรอกมึง เสียเวลา เปล่าประโยชน์" ไอ้นะด่ากลับ
    "ไม่ต้องดูหรอกมึง เสียเวลา เปล่าประโยชน์" ไอ้นะด่ากลับ

    "คนเราจะทำในสิ่งที่ไร้ประโยชน์บ้างไม่ได้เหรอไงวะ" 

    "ก็ในเมื่อมึงก็รู้ว่าเปล่าประโยชน์ จะไปเพ่งดูมันทำห่าอะไร ดึกขนาดนี้ใครจะมาเขียนหามึง" ไอ้นะพูดต่อ "มึงก็รู้ว่าไม่ควรไปบังคับใจอะไรเขาแบบนั้น อะไรวะเกิดมาก็สมองใช้ได้ แต่ทำไมเรื่องขี้ผงแค่นี้เอาออกจากตาตัวเองก็ไม่ได้"

    "เออ กูมันเลว" ผมยกว้อดก้าแก้วสุดท้ายขึ้นซด "พอๆ ไป เหล้าหมดแล้ว มึงจะไปไหนต่อก็ไป"

    "วันนี้ไอ้น้อตมันแปลกมากนะคุณ ทุกทีต้องมานั่งรำพันตัดพ้อก่อนว่ากูไม่พามึงไปโลกโน้นซะที" มันหันมามองผู้อ่านอย่างคุณๆ แล้วก็พยักหน้าให้ "แปลกๆ เนอะ" มันพูดกับคุณคนอ่านก่อนแล้วถึงหันมาหาผม "เป็นไรมากมั้ยเนี่ย"

    "ไม่มีอะไรหรอก กลับไปเหอะมึง กูง่วงแล้ว นอนไม่หลับมาตั้งนาน" ผมผลักไสมันออกจากห้อง "เออๆ กูไปก็ได้" มันทำท่าจะหันกลับไป แล้วมันก็หันกลับมา "ไอ้ยานอนหลับในซองที่มึงซื้อมาเมื่อหัวค่ำนี่ ไม่ต้องแดกหรอกนะ เดี๋ยวมึงก็หลับแล้ว แดกว้อดก้าไปโคตรเยอะ"

    "เออ ถึงกูแดกก็ไม่เป็นไรนี่ ยังไงมึงก็ไม่พากูไปอยู่ดี" ผมกัด

    ไอ่้นะหันหลังแล้วเดินไปทางโถงลิฟท์ มันเลี้ยวขวา และมุดหายไปในหลีบบที่ทางคอนโดเตรียมไว้เพื่อรอลิฟต์ แต่ก่อนที่ผมจะปิดประตูมันก็โผล่หน้ากลับมา "ไปละน๊๊า"

    "เออ ไปซะที"

    ผมปิดประตูห้องขังตัวเองไว้ ความเพลียมันเยอะเกินทน แต่ความร้อนรนที่ทำให้นอนไม่หลับมาสองสัปดาห์ยังอยู่ ผมหยิบยานอนหลับซองนั้นขึ้นมา "ไม่เป็นไรหรอกเนอะ" ผมบอกตัวเองแล้วก็ฉีกซองยาออกมาเทใส่ปากสองเม็ดแล้วกลืนลงไปง่ายๆ

    แล้วผมก็ล้มตัวลงนอนบนโซฟาตัวนั้น สติค่อยๆ หรี่ลง เรื่องราวในอดีตกับวันพรุ่งนี้ไหลมาปะปนกันอย่างอลหม่าน

    ราวกับว่ามันรู้ว่าเหลือเวลาแค่ไม่นานก่อนที่พวกมันจะหายตัวไปตอนที่ผมหลับลงจริงๆ

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in