แต่ที่คุณรู้มาน่ะมันยังไม่ใช่ตอนจบของเรื่อง สิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ น่ะ ผมกำลังจะเล่าให้ฟังต่อไปนี้แหละ
...
“เจ้าเป็นคนที่ซื่อสัตย์มาก ฉะนั้นจงเอาขวานทองนี้ไป ชีวิตต่อไปนี้จะได้สบาย” เทพารักษ์กล่าวกับคนตัดฟืนหลังจากว่ายน้ำกลับไปกลับมาอยู่สามรอบ พูดเสร็จก็หายตัวไป
คนตัดฟืนก้มกราบ หยิบขวานทองขึ้นมา ทำหน้างงๆเขาไม่รู้จะทำอย่างไรกับขวานทองนี้ดี ไม้ฟืนตัดค้างไว้กองอยู่ข้างหลัง เขาหันหลังกลับหยิบฟืนขึ้นมา เหวี่ยงขวานทองแล้วฟันสับลงไป
ในเมื่อทองไม่ใช่เหล็ก ค่าความแข็งและความเปราะบางต่างกัน ขวานทองโดนไม้เข้าเต็มแรงจึงยุ่ยไม่มีชิ้นดี คนตัดฟืนร้องไห้อีกครั้ง ไม่นาน เทพารักษ์ใจดีก็ปรากฎกายขึ้นใหม่
“อ้าว เป็นไรไปอีกเล่า?”
“ขวานทองที่ท่านให้มาไม่ดีเลย พังสิ้นแล้วอย่างนี้ข้าจะหาฟืนกลับไปบ้านได้อย่างไร?”
เทพารักษ์กลั้นหัวเราะแทบจะกลับไปเกิดใหม่ “เอาเถิดรอสักครู่” ชั่วอึดใจเดียวก็โผล่มาจากแม่น้ำพร้อมกับขวานเงิน “เจ้าจงนำขวานเงินนี้ไปเถิดแล้วจงใช้มันให้ออกดอกออกผล” เทพารักษ์หลิ่วตาให้คนตัดฟืนที่ก้มลงกราบอีกครั้งก่อนจะหายตัวไปเช่นเคย
คนตัดฟืนหันหลังกลับไป ขวานเงินนี้ยังเบามืออยู่บ้างเขายังไม่แน่ใจว่าจะใช้มันอย่างไรให้ออกดอกออกผล นอกจากวิธีเดิมที่ตนคุ้นเคย
เทพารักษ์กลับมาปรากฎกายอีกครั้งเมื่อได้ยินคนตัดฟืนยืนร้องไห้คร่ำครวญ คราวนี้ไม่ลืมงมขวานไม้คู่มือคนตัดฟืนที่หล่นหายไปแต่แรกติดมาด้วย
“นี่ใช่ไหมขวานของเจ้า?” เทพารักษ์ถามแกนๆ ไปตามสูตร ชายตัดฟืนยิ้มแย้มดีใจ ก้มกราบแล้วรับขวานมาถือไว้
เทพารักษ์แอบครุ่นคิดในใจว่าตนเองไม่ควรไปยุ่งย่ามเรื่องชาวบ้านเลย จากนั้นจึงหายตัวไปท่ามกลางเสียงขวานสับไม้ดังโป้กๆดังลั่น
กาลครั้งนั้น .... คนตัดฟืนผู้ซื่อสัตย์ก็ยังยากจนต่อไป
__________________________
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
1) คนซื่อสัตย์ไม่มีทางรวย
2) ปัญหาความยากจน เป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง ไม่ได้แก้ง่ายๆ ด้วยวิธีการตื้นๆ
cr: http://oknation.nationtv.tv/blog/hrd/2009/08/17/entry-1
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in